ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องหนี้ชีวิต โดย ท.เลี้ยงพิบูยล์  (อ่าน 4521 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

สมภพ

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 485
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
เรื่องหนี้ชีวิต โดย ท.เลี้ยงพิบูยล์
« เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2010, 04:41:24 pm »
0


                 หนังสือเรื่องกฎแห่งกรรม(โดย  ท.เลี่ยงพิบูลย์)

 

เรื่องหนี้ชีวิต โดย ท.เลี้ยงพิบูยล์

       ข้าพเจ้าได้ไปในงานชาปานากิจศพท่านผู้หนึ่ง ณ.วัดที่พระนครศรีอยุธยา

กำหนดเวลา15.00น.เป็นเวลาประชุมเพลิง วันนั้นไม่ใช้วันหยุดหรือวันเสาร์

อาทิตย์คิดว่าคนคงจะไม่มากนัก ทั้งผู้ตายก็มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัดทั้งลูกหลานเจ้าภาพก็ไม่ใช้คนใหญ่โตมีชื่อเสียงในสังคมหรือเป็นข้าราชการ

ผู้ ยิ่งใหญ่อันเป็นที่รู้จักนับถือกันทั่วเมืองไทย ความจริงข้าพเจ้าไม่รู้จักกับผู้ตายมาก่อนญาติผู้ตายเป็นเพื่อนคุ้นเคยกับ ข้าพเจ้าได้ส่งบัตรเชิญให้มาในงานนี้ไห้ได้เพราะมีผู้ต้องการพบและสนทนาเป็น การส่วนตัว ท่านผู้นั้นเดินทางมาจากต่างจังหวัด วันนั้นข้าพเจ้าไปก่อนเวลากำหนดประชุมเพลิงมีเวลามากพอที่จะสนทนากับผู้ต้อง การพบไห้ได้เรื่องราวหากมี ก่อนที่ข้าพเจ้าจะถึงวัดคงจะไปก่อนคนอื่นๆแต่คิดผิดเพราะมีแขกผู้คนมากมาย ทั้งที่ก่อนเวลาตั้งชั่วโมงกว่าการที่มีคนมาในงานศพมากมายเช่นนี้เป็นเรื่อง ที่น่าคิดว่าคงจะมีเบื้องหลังในประวัติที่ดีงามของผู้วายชน ข้าพเจ้าเห็นผู้คุ้นเคยเดินออกมาจากพวกเจ้าภาพด้วยอาการยิ้มแย้มสบายใจ นึกว่าคุณติดธุระมาไม่ได้ผมเองก็หนักใจผู้รอพบ

ก็ร้อนใจข้าพเจ้ายิ้มตอบแล้วบอกว่าเมื่อผมรับปากแล้วไม่เคยผิดนัดยิ่งเป็น

งานศพไม่ติดธุระจำเป็นจริงๆแล้วไม่เคยขาดเพราะเป็นการเคารพผู้ตายครั้ง

สุดท้ายก่อนที่ร่างจะกายเป็นเถ้าถ่านทั้งที่ได้มีการพิจารณา

ซากที่แตกดับเป็นของที่ไม่หยั่งยื่นด้วยกันทุกคน ไม่มีใครหนีพ้นความตายไป

ได้จะผิดกันก็แต่จะช้าจะเร็วเท่านั้นการเตือนสติผู้ที่มีชีวิตอยู่ไม่ให้ประมาทจน

ลืม ตัวมั่วเมาลุ่มหลงเมื่อยังมีชีวิตอยู่กับความหลงในราบยศสรรเสริญงมเงยประกอบ กรรมทำชั่วทั้งที่ได้มีโอกาสพบเพื่อนฝูงที่สูงอายุซึ่งจะไม่ค่อยจะได้พบกัน บ่อยมากนักผู้คุ้นเคยหัวเลาะแล้วพูดว่าหากสังคมคิดเช่นเดี่ยวกันโลกคง สงบกว่านี้ ข้าพเจ้าพูดว่าผมไม่นึกว่าจะมีผู้คนมากมายเท่านี้

ผู้คุ้นเคยยิ้มแล้วพูดว่าผู้คนที่เห็นมากมายนี้

ส่วน ใหญ่มาจากต่างจังหวัดและทางบ้านนอกเขาไม่นิยมออกบัตรเชิญเขาชอบบอกกันด้วย ปากต่อๆกันไปหากส่งบัตรเชิญเกิดหลงลืมเชิญไม่ทั่วเกิดการน้อยใจไม่พอใจบัตร เชิญเราใช้แต่ในพระนครเท่านั้นข้าพเจ้าได้ยินก็ได้ความรู้ว่าคนบ้านนอกไม่ สนใจนิยมส่งบัตรเชิญหากใครไปส่งบัตรเชิญเขาคงคิดว่า

เลือก ที่รักมักที่ชังคนที่ไม่ได้รับบัตรเชิญก็คิดน้อยใจคิดว่ารังเกียจข้าพเจ้าก็ ถามว่าทำไมไม่กลับไปทำงานศพที่ภูมิลำเนาผู้ตายท่านผู้นั้นบอกว่าคนป่วยได้ ถึงแก่กรรมที่โรงพยาบาลในกรุงเทพก่อนตายคนป่วยได้สั่งไว้ว่าหากตายในโรง พยาบาลก็ขอไห้จัดงานศพในกรุงเทพอย่าต้องลำบากเอาศพไปบ้านนอกเลยฉนั้นลูกหลาน ก็ต้องทำตามความประสงค์ของผู้ตายเมื่อได้พูดคุยกันแล้ว

ผู้ คุ้นเคยก็ได้นำข้าพเจ้าไปนั่งข้างๆเจ้าภาพซึ่งรู้สึกว่าได้จัดไว้ก่อนแล้ว ท่านบอกว่าไห้รออยู่ก่อนเดี๋ยวจะไปตามผู้ที่อยากพบแล้วผู้คุ้นเคยก็ได้ไปนำ ผู้ชายสูงอายุดูเรียบร้อยการศึกษาดีและนำไห้ข้าพเจ้ารู้จักและบอกว่าท่านผู้ นี้เจาะจงอยากสนทนากับข้าพเจ้าเราได้สนทนากันก็สะนิดสนมกันอย่างรวดเร็ว

ตาม นิสัยของชาวชนบทส่วนมากและหากท่านมีโอกาสเดินทางไปที่จังหวัดของท่านผู้นี้ แล้วขอให้ข้าพเจ้าแหวะไปที่บ้านของท่านให้ได้อย่าลืมไปให้ได้

ย้ำ แล้วย้ำอีกข้าพเจ้าได้กล่าวขอบคุณที่ได้ให้ความเป็นกันเองโดยสะนิดใจจึงรับ ปากหากมีโอกาสและเวลาพอจะแหวะไปยังสถานทีที่ได้บอกมาอย่างระเอียดแม้เรา รู้จักกันเพียรเวลาสั้นๆยิ่งได้สนทนากันแล้วเหมือนเรารู้จักกันนานแรมปี น้ำใจของชาวชนบทน่าเคารพส่วนมากเป็นคนซื่อรู้จักง่ายคบง่ายเป็นคนเป็นกันเอง และไม่มีเล่ห์เหลียมดูคนในแง่ดีเสมอเมื่อรักใคร่ผู้ไดก็ฝังใจรักใคร่ผู้นั้น เสมอมาผิดกับคนกรุงที่ยังมีถือเขาถือเราไม่ย้อมจะพูดจากับใครง่ายๆ

ไม่เคยมองคนในแง่ดีนักคอยระวังตัวแต่ก็ยังมีผู้หลักผู้ใหญ่บ้างคนมองโลกในแง่ดีและทำตัวน่านับถือ แต่ก็น่าสงสารพวกที่ไม่คบเพื่อนเพราะโลกทุกวันนี้

ต้องมีเพื่อนฝูงถ้าได้เพื่อนดีก็จะพากันไปดีแต่ถ้าคบเพื่อนชั่วก็จะพากันตกต่ำ

วัน นั้นข้าพเจ้าได้เล่าเรื่องคนที่เคยทำความชั่วแล้วกลับมาทำความดีได้โดยที่ ข้าพเจ้าจะได้นำเรื่องมาเล่าในหนังสือกดแห่งกรรมได้เมื่อผู้ไดอ่านแล้วควร ใช้

สติปัญญาความรู้สึกมองเห็นกรรมดีและกรรมชั่วพอจะเตือนสติให้สำนึกถึง

ทุก คนที่เกิดมาในโลกเวลามีชีวิตไม่ยืนยาวมากนักถ้าเราไม่หลงงมงายตัวเองมากเกิน ไป มองเห็นความทุกข์ความเดือดร้อนของผู้อื่นที่เราได้ก่อไห้เกิดความเดือดร้อน แก่ผู้อื่น ดังที่ข้าพเจ้าได้ฟังประสบการณ์ครั้งนี้จากท่านผู้นี้จากตัวท่านเองมีทั้ง เรื่องประหลาด..มีทั้งเรื่องที่สร้างความชั่วและสร้างความดีผู้เล่าได้ระบาย ออกมาในความรู้สึกของบุกคลผู้หนึ่งที่เวลาชั่วก็แสนจะชั่ว

ชาว บ้านทั้งเกียจทั้งกลัวเวลาดีก็แสนจะดีชาวบ้านทั้งเคารพบูชาเป็นชีวิตที่แปลก และผมจะเล่าเรื่องของเขาคนนี้ที่ผมได้รู้จักมันจะน่าเป็นเรื่องที่ควรจะเก็บ และมีเวลาเล่าในวันนี้คนคงได้ประโยชน์จากเรื่องนี้บ้างไม่มากก็น้อย

เรื่องที่จะเล่านี้ถ้าจะย้อนหลังไปตอนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง ในหมู่บ้าน

ตลอดทั้งบางที่ผมอยู่นั้น ถ้าใครเอยชื่อกำนันแต้มแล้วชาวบ้านไม่มีใครชอบ

แสดงกิริยารังเกียจถ่มน้ำลายรดชื่อ ชาวบ้านจงเกียจจงชังกำนันแต้มคนนี้

เพราะแก่เป็นคนฉลาดแกมโก่งชาวบ้านพากันกลัวมาก ชาวบ้านผู้ไดถ้าเดือดร้อนเงินทองใครนำโฉนดที่ดินไร่สวนที่นามาจำนองหรือขายฟากกับแกแล้ว ไม่ช้าก็จะเปลี่ยนมือเป็นของแกหมดแล้วแกก็ขับไล่ออกไปจากที่ไม่เคย

มีความเมตตาปราณีใคร ถ้าใครไม่ย่อมออกจากที่ไปก็มีหวังถูกอิธิพลมืด

จากลูกน้องของกำนันแต้ม ฉะนั้นชาวบ้านจึงทั้งเกียจทั้งกลัวแต่ทั้งนั้นชาวบ้าน

ที่ขัดสนเงินทองก็ต้องแบกหน้าไปหาแก ก้มหัวให้แกขูดรีดและคนอื่นก็ไม่มีเงินทองพอจะพึ่งพาได้ ที่จริงชาวนาบางคนก็ดีบางคนก็หลงงมงายเมื่อหมด

หน้านาแล้วก็เก็บเกี่ยวข้าวเปลือกไปขายเสร็จแล้วก็ว่างงานแทนที่จะไปทำงานกลับพากันไปกินเหล้าเมายาเล่นการพนันถัว โป เป็นต้นพวกที่เสียการพนันที่เสียดายก็ขาดสติเอาที่เอาทางมาจำนองหรือขายฟากเล่นหวังจะแกตัวคืนในวงการพนัน ผีการพนันเขาสิง ไม่หมดเงินก็ไม่เลิก เพราะในที่สุดก็สิ้นเนื้อ

ประดาตัวทรัพย์สมบัติที่ดินไร่นาก็ถูกลิบถูกโอนเป็นของเจ้าหนี้ในที่สุดก็ถูกไล่

ออก จากที่ ขาดที่ทำกินเมื่อคิดได้ก็สายไปแล้ว ผลที่สุดก็หมดตัวเช่าที่นาเขาทำก็มีไม่น้อย ผมไม่อยากจะพูดเรื่องเป็นหนี้ของผู้อื่นผมอยากจะเล่าเรื่องของผมเอง เมื่อผมได้ตกเป็นลูกหนี้โดยที่แม่ผมป่วยต้องใช้เงินรักษาจึงตกเป็นหนี้กำนัน แต้ม ผมรักแม่มากและพยายามรักษาแม่ทุกวิถี่ทางหมอที่ไหนดีก็นำมา

ยาที่ไหนดีก็เอามา หมดเงินทองก็ไม่ว่าแต่ก็ไม่สามารถเอาชีวิตแม่ไว้ได้งานก็ติดๆขัดๆไม่เต็มที่ ก็โศกเศร้าเสียใจเป็นธรรมดาไม่เป็นอันทำมาหากินทังๆที่รู้ว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายเป็นเรื่องธรรมดาแต่ก็อดไม่ได้ แม่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กยันโตใหญ่ยังไม่ได้ทดแทนคุณให้สมกับความรักที่แม่มีต่อลูกเลย

เมื่อสิ้นบุญแม่แล้วคราวนี้ก็เป็นการงานใหญ่สำหรับแถวที่ผมอยู่ การทำศพเป็นเรื่องสำคัญต้องไม่ให้น้อยหน้าคนในตำบลนั้นต้องทำให้ใหญ่กว่าคนอื่น

ผมก็ไม่มีเงินเหลือติดบ้านอยู่แล้ว ทั้งแม่มาตายต้องทำบุญ7วัน100วันก็ไม่

อยากให้น้อยหน้าใครในตำบลนั้น ไม่มีทางอื่นต้องไปหากำนันแต้ม ทั้งๆที่รู้ว่าแกเค็ม เพื่อได้นำเงินมาทำศพแม่ให้เกียจแม่ครั้งสุดท้ายนี่แหละครับที่ทำให้ผมพัวพันกับกำนันแต้มจนได้ งานศพแม่ผมเป็นงานใหญ่โตเป็นที่เรื่องลือไปหลายคุ่มน้ำการกินอยู่ไม่จำกัดเหล้าเบียร์เลี้ยงเต็มที่กลางคืนมีโขน หนัง ลิเก

ละคร หุ่นกระบอก...7วัน7คืน. ทำงานให้สมกับความรักแม่เคารพแม่ซึ่งจากไปไม่มีโอกาสกลับมาอีก แต่ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังของการงานครั้งนี้จะนำไปสู่หายนะในตอนหลังแต่ผม มั่นใจว่า2ปีหนี้สิ้นของผมก็จะใช้หมดเพราะที่สวนผลไม้ก็เริ่มออกเต็มทีแล้ว ข้าวผมก็ทำได้มากกว่าคนอื่นผมจึงไม่เดือดร้อน

มากนัก ที่ทางผมมากแต่ผมรับเงินมาน้อยกว่าราคาหลายเท่าก็เพื่อการ

ถ่ายถอนคืนมาและเพื่อเสียดอกน้อยลงโบราณว่าอย่าหมายน้ำบ่อหน้า

อนาคตไม่มีอะไรแน่นอน ปีต่อมานั้นเกิดภัยธรรมชาติน้ำท่วมผลไม้ทั้งที่นาข้าวกำลังงอกงามเมื่อน้ำสูงขึ้นรวดเร็วข้าวก็ลอยเสียหายในที่สุดก็ตายไม้ยืนต้น

ก็ใบแห้งตาย ผมแทบเป็นบ้า แต่ผมก็หาเงินได้ไม่พอดอกเบี้ยต่อมาอีกปีก็ฝนแล้ง ข้าวในนาก็ไม่ได้ผลรู้สึกว่าดินฟ้าได้ลงโทษให้ผมหมดตัวทั้งที่ผมไม่เคยทำบาปทำกรรมอะไรเลย ที่สุดผมก็โดนกำนันแต้มยืนคำขาดให้ผมออกจากบ้านและที่ดิน ในเวลาจำกัด เพราะผมไม่มีเงินไถ่ถอนคืนแม้แต่ดอกเบี้ยเวลานั้นผม

มี บุตรกับภรรยา3คน บุตรคนโตเป็นชายอายุย่าง12ขวบคนที่สองเป็นชายอายุ8ขวบและคนเล็กเป็นหญิงอายุ 5ขวบรวมเป็น5ชีวิตเราต้องออกจากบ้านผมทั้งที่โตมาในที่ของผมคิดดูสิครับ เมื่อเราต้องออกจากบ้านเราที่เคยอาศัยอยู่ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายจะมีความ รู้สึกอย่างไร เมียผมร้องไห้เสียใจผมภายนอกทำเป็นเข็มแข็งอดทนไม่แสดงความเสียใจให้ลูกเมีย เห็นแต่ในที่ลับก็แอบร้องไห้เหมือนกัน ก่อนย้ายผมกับบุตรชายก็ได้อ้อนวอนให้เห็นอกเห็นใจลูกชายผมมันโกธรมากมัน กล่าวอาคาดหมาดร้ายไว้ผมเองต้องห้าม ผมถูกลิบไล่นาเป็นของกำนันแต้มหมดแต่ผมยังโชคดีที่ยังมีญาติเป็นคนดีมีศีลมี ธรรมจึงรับผม

กับครอบครัวไปอยู่แล้วให้ที่พักพิงให้อาศัยที่ดินช่วยกันทำมาหากิน ผมจึงมีที่อยู่ที่กินทำให้ชีวิตสดชื่นขึ้นบ้าง ที่บ้านลุงหมอของผมอยู่เหนือที่ของกำนันแต้มสามคุ่มน้ำ ลุงหมอเป็นที่รักใคร่ของทุกคนทั่วไปทั้งบางทั้งตำบลถ้าเอย

ถึงหมอถมยาชาวบ้านก็เอยชื่นชมยินดีขนานนามให้ว่าหมอใจพระใคร่จะเจ็บ

ป่วยเวลาไหนก็จะต้องไปรักษาไข้ให้เสมอส่วนเงินทองไม่ต้องพูดถึงให้ก็เอาไม่ให้ก็ไม่เอาไม่เคยเรียกร้องค่ารักษากับใคร ถ้าจนจริงๆรักษาให้แล้วยังแถมเงินให้อีก เพราะลุงหมอสงสารเห็นคนป่วยหากินไม่ได้จึงช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ตามมีตามเกิด  วัน หนึ่งลุงหมอได้จัดการทำบุญประจำปีแก่ให้ผมกับลูกชายคนโตไปเอาของที่วัดโดย ที่เอาเรือเล็กออกไปก็ได้นัดยืมของกับทางวัดเรียบร้อยก็ลากลับ ออกเรือจากวัดไม่เท่าไรท้องฟ้าก็มีพายุใหญ่แรงไปแรงมา

อากาศ มืดมั่วผมเห็นกับลูกชายเห็นท่าจะไม่ดีจึงพาเรือเขาฟังหาที่กำบังเพื่อ แอบพายุฝนบังเอิญเห็นช่องทางในวัดร้างแห่งหนึ่งเราช่วยกันลากเรือขึ้นไปแอบ เพื่อไม่ไห้พายุพัดกระแทกเรือแตก เรือก็ไม่ช่ำเพราะมีหญ้ารองรับท้องเรืออยู่ ส่วนผมกับลูกก็เข้าไปหลบอยู่ในวัด ถึงจะเก่าแก่มากก็ยังแน่นหนาพอที่จะต้านลมต้านฝนได้ดีเราไม่ได้พบสิ่งมี ชีวิตในบริเวณวัดร้างนี้เลยผมเป็นห่วงเรือในท้องน้ำที่ลมและคลื่นแรงมา ต้นไม้โดนลมพัดแรงผมมองดูวัดเก่าตามสภาพร้างก็มีความรู้สึกถึงสิ่งสักสิทธิ์ และวิญญาณที่อาศัยอยู่แถวนี้ ผมยกมือไหว้

ขอให้สิ่งสักสิทธิ์คุ่มครองเราด้วยทำให้เห็นถึงความไม่เที่ยงเมื่อก่อนตอนสมัย

อยุธยาตอนต้นวัดนี้คงเจริญรุ่งเรื่องแต่มาตอนนี้กลายเป็นสิ่งสลักปรักพังไม่

มีความสวยงามทำให้ปลงได้ว่าไม่เที่ยง ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ผมไหว้ขอให้พระพุทธพระธรรมพระสงค์และบิดา มารดา ครู

อาจารย์ และสิ่งสักสิทธ์จงช่วยให้ตัวข้าพเจ้าหมดทุกข์และมีเงินทองมีความเจริญกลับมาเหมือนเดิม ผมสบายใจขึ้นมาได้อธิฐานเวลานั้นมืดมัวฟ้าร้องดังสนั่นตลอดเวลา ทางลำน้ำก็เกิดคลื่นลูกใหญ่แปลป่วนเรือเล็กใหญ่ถ้าไม่หลบเข้าฟังก็คงไม่สามารถลอยอยู่ในน้ำได้  ผมรอจนเย็นพายุจึงสงบลงเราจึงออกมาจากที่หลบฝนเรารีบกลับบ้านแจ้วได้พักใหญ่ลูกชายผมก็เห็นดำๆตะคุมๆลอยอยู่ ลูกชายตาไว้เห็นว่าเป็นคนตกน้ำว่ายน้ำอยู่รีบเข้าไปช่วยเร็วพ่อ

เดี๋ยวจะช่วยไม่ทัน เรารีบเข้าไปใกล้ก็เห็นคนกำลังจมน้ำจะหมดแรงอยู่แล้ว

ท่อนไม้กำลังลอยออกไปไกลตัวกำลังจะหมดแรงดำพุดำโพอยู่2ครั้งผมเข้าไป

ก็ จับผมเขาดึงขึ้นมาได้พยายามจับให้หัวสูงพ้นน้ำและลากกลับเข้าฟังแล้วผมก็โดด ลงน้ำเข้าไปดันแกขึ้นเรือเพราะแกหมดสติไปแล้วเรารีบกลับบ้านผมสบายใจที่ได้ ช่วยคนตกน้ำเรารีบพาไปหาลุงหมอโดยด่วนเพื่อรีบรักษาพยาบาลแต่แล้วลูกชายผมก็ ร้อนเสียงตื่นตกใจว่า พ่อนี้มันกำนันแต้ม

เศรษฐีหน้าเลือดเราอย่าช่วยมันเลยปล่อยให้มันตายไปเลยดีกว่า ผมพูดว่า

เวลานี้ไม่ใช้เวลามิตรหรือสัตรูหน้าที่ของเราต้องมีมนุษย์ธรรมมีจิตใจเมตตา

กรุณา ต้นช่วยเพื่อนมนุษย์ซึ่งรอการช่วยเหลือไว้ก่อนเพราะเราเป็นผู้พบเห็นคนกำลัง จะตายเราต้องช่วยเขาก่อนอย่าไปคิดอะไรอีกไม่ว่าเขาจะเป็นใคร เมื่อผมพูดจนลูกชายเข้าใจแล้วก็เรือถึงบ้านเราก็เรียกคนในบ้านมาช่วยกันลุง หมอ

รักษา ด้วยอาการห่วงใยแต่แล้วลุงหมอก็บอกว่าไม่เป็นไรแล้วแกหมดสติเพราะตื่นเต้น ตกใจเท่านั้นเองพรุ่งนี้คงได้สติเหมือนโชคเขายังดีที่เราไปพอดีเขาจึงไม่ตาย บัดนี้ทั้งบ้านรู้กันแล้วว่าคนที่เราช่วยชีวิตมาคือกำนันแต้มที่คนจงเกียจจง ชังกันทั่วไป ลุงหมอก้เรียกพวกเราออกจากห้องแล้วสอนบอกพวกเราว่าลุงคิดว่าพวกเราคงไม่คิด พยาบาทเขาใช้มัยเราก็ช่วยเขามาแล้วเรื่องเขาเป็นอย่างไรก็ตัวเขาเลิกพยาบาท กันเสีย ใครจะเห็นคุณความดีของเราหรือไม่อย่าไปสนใจ

ผม บอกลุงหมอไปว่าผมลืมไปนานแล้วถือว่าเป็นกรรมของผมเองลุงหมอก็บอกว่าลุงเองก็ คิดว่าหลานคงมีคุณธรรมสูงพอแกสบายใจขึ้นที่หลานจะไม่ทำลายความดีที่สร้าง ขึ้นมาอย่างงดงาม ลุงก็ภูมิใจในหลานมากและผมก็ขอร้องภรรยาให้ลืมเรื่องเก่าๆให้หมด ในระหว่างที่กำนันแต้มอยู่บ้านเราก็ถือเสียว่าลืมเรื่องเก่าในอดีตเสียทำตัว ตามปกติรับแขกตามปกติทุกคนเข้าใจแต่เจ้าลูกชายคนโตก็ยังไม่เข้าใจพ่อต่อว่า พ่อว่าเขาทำกับเราแบบหนักหนาสาหัส

นัก พ่อยังคิดดีกับเขาไปทำไมและยังบังคับให้เราทำดีกับคนแบบนี้อีกหรือผมทำไม่ ได้หลอกครับผมรับว่าผมยังโกธรถ้าผมรู้ว่าเป็นเขาผมก็คงปล่อยให้ตายไปเลยชาว บ้านจะได้ไม่เดือดร้อนอีก ผมบอกลูกอีกว่าลูกยังเด็กก็คิดแบบเด็กๆโตขึ้นมาจะรู้เองว่าถ้ามองแบบเขาๆก็ ว่าเขาถูกเพราะเขามีสิทธ์เพราะพ่อเอาเงินเขาไปใช้และเอาที่ดินไล่นาเป็น ประกันถึงกำหนดไม่ใช้หนี้เขาก็มีสิทธ์ยึด

ที่นาที่ดินเราได้ตามกฎหมาย ส่วนเรื่องที่เราไปขอความเห็นใจแล้วไม่ได้นั้น

ก็ เป็นเรื่องของคนเห็นแก่ตัวเขาก็คงเป็นแบบนั้น เจ้าต้องทำดีกับเขาตามพ่อสั่งและเรียกเขาว่าลุงกำนันเพื่อให้รู้ว่าพวกเรา ไม่มีใครโกธรแค้นลุงหมออยู่ในที่นั้นด้วยก็สอนให้เชื่อพ่อเพราะเป็นสิ่งที่ ดีและถูกต้องทุกคนเชื่อลุงหมอมากเพราะเป็นที่เราได้พึ่งพิงตอนลำบากถ้าไม่ ได้ลุงหมอพวกเราคงไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน

ทุกคนก็ทำตาม พอหลังจากแกรู้สึกตัวแล้วทุกคนแสดงกิริยาที่ดีต่อแก

ไม่มีใครแสดงกิริยารังเกียจเสียดสีแกให้เสียใจเลย จริงอย่างลุงหมอพูด

กำนัน แต้มเป็นเพียงเล็กน้อยนอนตื่นมาก็หายแล้ว แกรู้ว่าผมเป็นคนช่วยแกขึ้นมาจากน้ำแกก็ไม่สบายใจคิดว่าผมคงแสดงความ รังเกียจแกทั้งๆที่ยึดบ้านยึดช่องเข้ามาแล้วเขายังมาช่วยเราที่แกนึกไว้กับ ตรงกันข้ามพวกลูกและเมียผมทำดีกับแกทุกคนจนเป็นปกติเหมือนว่าแกไม่ได้ทำความ เสียหายให้พวกเขาเลยมีทั้งข้าวต้มทั้งยาหอมจากลุงหมอและทุกคนแสดงความเป็น มิตรกันดี

และวันต่อมากำลังจะให้คนส่งข่าวไปบอกที่บ้านว่ากำนันยังอยู่ที่นี่ เพราะที่บ้านคิดว่ากำนันตายไปกับเรือล่มแล้วเกิดความไม่ลงลอยกันในบ้านกำนัน

กันยกใหญ่ แต่แกบอกว่าไม่ต้องขอแกอยู่นิดแกสบายใจแล้วจะกลับสังเกตุดูแกผิดไปมาก แกเล่าว่าวันเกิดเหตุเรือบรรทุกคนเกินและคลื่นลมก็แรงคนก็

ไป อยู่กันฝั่งเดียวกันหมดเมื่อคลื่นใหญ่มาก็เอียงแล้วจมลงในที่สุดไม่มีใคร ช่วยกันได้ต่างคนต่างเอาตัวรอดแม้นสามีภรรยายังอยู่กันคนล่ะที่ไม่สามารถ ช่วยกันได้เลย แกโชคดีที่ได้ข่อนไม้ท่อนหนึ่งเกาะมาได้แกมองไม่เห็นอะไรเลยม่านฝนตกจนมอง ไม่เห็นอะไรเลย แกโต้คลื่นโต้ลมจนจะหมดแรงอยู่แล้วเกือบ

จะ หมดแรงอยู่ข่อนไม้ก็หลดมือไปแกเห็นมีเรือแจ้วอยู่ลางๆจะร้องก็ไม่มีแรงจะชู มือให้พ้นน้ำก็ไม่ไหวเวลานั้นแกเหนื่อยจวนจะขาดใจและก็หมดความรู้สึก

ก็พอดีผมช่วยฉุดได้ทันก่อนจะจมลงแม่น้ำ ลุงหมอแปลใจที่เรือจมไกลจากจุด

ที่ เจอกำนันตั้ง2คุ่มน้ำทำไมจึงลอยมาคนเดียวและห่างไกลกันมากเหมือนอภินิหารที่ ผมขอไว้ที่วัดล้างว่าขอให้ช่วยผมได้ดีและมีอภินิหารด้วยเถอะ

แล้วหลายวันต่อมาก็มีข่าวว่าทางบ้านแกกำลังแตกกันเป็นพวกๆเรื่องมรดก

ต่าง คิดว่ากำนันแต้มตายแล้วจะลอยมาที่ไหนเมื่อไร คืนนั้นกำนันแต้มต้องรีบกับไปก่อนจะสายเกินไป แต่ก็ลาพวกเราทุกคนกำนันแต้มไม่เคยก้มหัวให้ใครที่มีฐานะต่ำกว่าและไม่ได้ ประโยชน์ตอบแทน แต่วันนั้นแกเข้าไปกราบลุงหมอน้ำตาคล้อเบาแล้วพูดอย่างตื่นตันใจว่าผมขอ ลากลับบ้านผมจะไม่ลืมน้ำใจของหมอถมยาที่ผมหูตาสว่างก็ด้วยความเมตตาปราณีลุง หมอจึงตอบไปว่าไม่เป็นไรหรอกเรื่องเล็กน้อยไม่ต้องเอาเป็นบุญเป็นคุณหรอกคน เราเมื่อได้ทุกข์ก็ต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันเราจะอยู่คนเดียวไม่ได้ช่วย ชีวิตคนกุศลแรงถ้าจะต้องขอบคุณก็จะต้องหลานชายผมแกเป็นคนช่วยคุณขึ้นมาจาก น้ำกำนัน

แต้ม ตอบว่าผมเป็นหนี้ลุงหมอตรงตัวอย่างความดีงามมีน้ำใจส่วนหนี้ชีวิตผมก็เป็น หนี้หลานชายลุงหมอที่ช่วยชีวิตผมให้พ้นจากความตายกับมามีชีวิตใหม่

หลัง จากกำนันแต้มกลับไปแล้วผมก็ขอบคุณทุกๆคนที่ได้แสดงละครต่อกำนันอย่างแนบ เนียนแต่แล้วเจ้าลูกชายคนโตก็พูดว่าผมไม่ได้แสดงละครน่ะครับพ่อมันเป็นไปเอง ผมทำไปตามคิดสงสารเขาจริงๆผมไม่ได้แกล้งทำผมถามว่าเป็นไปได้ไงก็แกจงเกียจ เขาแต่ทำไมถึงรักและสงสารแก ลูกชายผมเล่าว่า

แม่ใช้ให้ไปเอาข้าวต้มไปให้แก ผมเห็นแกน่าเศร้าๆและถามผมว่าไอ้หนูใคร

เป็น คนช่วยให้ฉันจากการจมน้ำตายผมตอบว่าพ่อผมครับแกบอกว่าแล้วเธอไม่เกียจและ โกธรเขาหรือที่เคยทำไม่ดีกับบ้านของหนูผมตอบว่าไม่ดกธรหลอกครับผมเห็นแกกิน ข้าวต้มพ่างร้องไห้พ่างผมเห็นครับและแกก็พูดกับผมว่าในบ้านหนูดีกันทุกคน ตั้งแต่เด็กถึงผู้ใหญ่ส่วนฉันไม่เคยมีความดีเลย ทุกคนในบ้านนี้ดีกับฉันเหลือเกินฉันตื่นตันใจพูดอะไรไม่ออกจนทำให้ฉันหูตา สว่างขึ้น

เมื่อก่อนหนูเคยเกียจฉันตอนที่ฉันไปยึดบ้านเธอตอนนี้เธอไม่โกธรแล้วหรือ

ครับ ตอนนี้ผมไม่โกธรกำนันแล้วท่านกำนันถามต่อไปอีกทำไมหนูจึงเปลี่ยนใจล่ะผมตอน ไปว่าพ่อสอนว่าคนที่มีความพยาบาทก็มีแต่ความแค้นอยู่ในใจไม่มีความสุขถ้าเรา ไม่มีความคิดแบบนั้นเราก็จะมีแต่ความสุขใจปู่หมอแกบอกว่าแกไม่เคยโกธรใคร พยาบาทใครๆเจ็บป่วยก็คอยช่วยเหลือถือว่าเป็นเพื่อนมนุษย์ฉนั้นปู่หมอก็มี ความสุขคนรักทั้งบางทั้งตำบลผมเล่าเรื่องพ่อและปู่ว่าท่านเป็นอย่างไงสอนพวก เรายังไงกำนันแต้มแกบอดว่าลุงกับพ่อหนูเป็นคนดีมากหนูเป็นคนโชคดีมากส่วนฉัน เป็นคนอาพับเมื่อเล็กไม่มีใครชี้ทางสั่งสอนให้เป็นคนดีเหมือนหนูมีแต่สั่ง สอนให้เอารัดเอาเปรียบเห็นแกตัวเอาแต่ได้น่าสงสารตัวเองจริงๆผิดกับลุงหมอมี แต่คนรักทั้งตำบลตั้งแต่นี้กำนันแต้มคนเก่าได้ตายไปแล้วมีแต่กำนันแต้มคน ใหม่ ผมได้ฟังลุงกำนันพูดแบบสำนึกผิดผมสงสารแกมากผมเชื่อปู่หมอและพ่อที่สอนไม่ ให้คิดพยาบาทใครเขาสอนให้ทำ

แต่ ความดีถ้าเราทำดีเราก็จะได้ดีเราทำชั่วก็จะได้ชั่วกับผู้นั้นเอง ผมเห็นลุงกำนันร้องไห้ผมเลยใจอ่อนสงสารแกเหลือเกิน ผมได้ฟังลูกชายพูดก็เกิดความยิ่นดีและได้ถามลูกแม่ว่าทุกคนไม่ได้เล่นละคร แต่ทำไปตามใจจริงเพราะต่างก็สงสารกำนันแต้มผมมีความรู้สึกปลื่มปิติทีเป็น แบบนี้ หลังจากนั้นสองวันก็ได้ใช้คนไห้มาตามผม กำหนดวันเวลาและยังกำชับให้ไปให้ได้ ตกลงผมถึงเวลานัดก็ไปบ้านกำนันแต้มผมนึกไม่ออกว่าแกเรียกผมมาทำไม พอไปถึงแกก็รออยู่แล้วเข้ามากอดผมใหญ่อย่างเป็นคนสำคัญ ผมตกใจเพราะปกติแกเป็นคนถือตัวไม่มาลดตัวทำแบบนี้ ยิ่งคนจนๆอย่างผมด้วยไม่มีทางที่แกจะลดตัวมา

ถึง แม้ว่าผมจะเคยช่วยชีวิตแก ไม่รู้ว่าแกจะมาไม้ไหนกับผม แต่ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจและเรียกลูกเมียให้เข้ามาแนะนำให้รู้จักแบบ จริงใจว่านี่ฉันอยากให้ทุกคนได้รู้จักคนที่มีบุญคุณกับฉันเขาชื่อทิศจ้องเขา เป็นคนช่วยชีวิตฉันไม่ได้เขาฉันคงตายไปแล้วนับว่าเขามีบุญคุณกับฉันมาก ทุกคนไม่ว่าผู้หญิงและเด็กต่างยกมือไหว้ผมกันทุกคนการต้อนรับอย่างดีทำให้ผม นึกไปว่าเป็นแบบวีระบุรษยกย่องว่าเป็นผู้กล้าหาญผมก็กลัวว่ามันก็ไม่ได้กล้า หาญอะไรเลยก็แค่ไปเจอพอดีก็จับตัวท่านทันพอดีเท่านั้นไม่ใช้อะไรต้องเป็นนี้ กันมากนัก แกพาไปห้องอันดีสวยงามด้วยของมีค่าเต็มไปหมด ผมเดินเข้าไปแบบงงๆท่านกำนันแต้มรินน้ำชาด้วยตัวเองผมก็รับแบบงงๆ พ่อทิศนั่งให้สบายเราเป็นคนกันเองแล้วท่านมีเวลาว่างเมื่อไรจะได้ไปโอน ที่ดินบ้านสวนไล่นาเอากับไปเสียที ผมก็บอกท่านกำนันผมยังไม่มีปัญญามาเอาคืนหลอกยังอาศัยเขาอยู่เลย พอทีพ่อทิศฉันรู้สึกไม่ดีเลยฉันตั้งใจจะใช้หนี้กรรมที่ทำไว้กับพ่อทิศมานาน แล้วถึงเวลาแล้วที่ฉันจะใช้คืนพ่อทิศเสียที มิฉะนั้นฉันคงตายอย่างไรความสุข ส่วนหนี้ชีวิตฉันก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาใช้ไห้พ่อทิศเมื่อไรผม

จะ เอยปากพูดท่านกำนันก็บอกว่า เวลานี้ความรู้สึกของฉันไม่ใช้กำนันแต้มคนเดิมแล้วพ่อทิศได้ปูชีวิตของฉัน ขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนนิสัยเก่าๆไปหมดสิ้นไม่มีนิสัยเก่าๆหลงเหลืออยู่เลย มีแต่ กำนันแต้มคนใหม่ที่รู้จักผิดชอบชั่วดีรู้บุญรู้บาปรู้เมตตาปราณีจากการที่ ได้ไปอยู่กับบ้านลุงหมอแบบมีความสุขที่สุขแบบไม่เคยมีมาก่อนอย่างไม่มีวัน ลืมสมควรแล้วที่ชาวบ้านต่างรักหมอถมยากันทั้งบางทั้งตำบลใจดีอย่างแม่น้ำ ความดีเป็นเครื่องคุ่มครองป้องกันตัวมีแต่มิตรไม่มีสัตรูแบบกำนันแต้มคนเก่า ใจชั่วไม่เคยมี ฉันได้กลับไปมองความชั่วในครั้งก่อนที่ฉันได้ก่อไว้มากมายมีแต่คนเกียจชัง ผิดกับหมอถมยามีแต่คนรักและสรรเสริญต่อหน้าและลับหลัง ฉันมาคิดดูแล้วถ้าฉันตายทรัพย์สมบัติมากมาย

ก็ คงเอาไปไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดเลยคิดแต่ว่าอยากได้และไม่พอแต่พอตอนฉันรอดตายมาได้และไปอยู่ บ้านลุงหมอถมยาทางบ้านก็เกิดความโลภอยากได้ทรัพย์สมบัติที่ฉันหามาได้แบบ เลือดตาแทบกระเด็นกันแบบน่าเกียจเพราะ

ฉันมีหลายเมียหลายลูกมันเลยวุ่นวายกันไปหมด ต่อไปนี้ฉันจะใช้หนี้สิ่งที่ฉันทำไม่ดีลงไปให้หมดและจะเป็นกำนันแต้มคนใหม่ที่มีแต่การทำดี..........จบ

(  ก่อนอื่นผมต้องขอโทษบางบทความอาจผิดไปบ้างเพราะผมพิมพ์ไม่เก่งและ     ยังฟังไปกดไป1วันพอดีกับวันนี้ผมหยุดงานและถือศีลห้าพอดีเลยมีเวลาทำงานนี้ผิดถูกก็ขออภัยมาด้วยครับ)

12/11/53  20.40 น



ที่มา
http://www.clinicwash.com/article?id=69599&lang=th
บันทึกการเข้า