พิมพ์

[raponsan]

ซึ้งในรสพระ(ทำ) ช่วยกู้วิกฤติเนปาล

สำราญ สมพงษ์ นิสิตปริญญาโท สาขาสันติศึกษา มจร รายงาน

การทำงานเพื่อช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยแผ่นดินครั้งใหญ่ของพระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาล ที่มีหัวหน้าคือพระเทพโพธิวิเทศ(วีรยุทฺโธ) หัวหน้าพระธรรมทูต เป็นไปอย่างหนักทั้งทำสิ่งของไปแจก ให้กำลังใจ บ้างจุดอยู่ห่างไกลการเดินทางลำบากพระต้องแบกสิ่งของไปมอบให้ถึงที่ อย่างเช่นที่หมู่บ้านเชตตะดูรารี (CHATREDEURALI) หมู่บ้านชาวเขาที่รอรับความช่วยเหลือ อยู่ห่างจากกาฐมาณฑุ ประมาณ 50 ก.ม. การเดินทางลำบากมาก ถนนเป็นหลุมเป็นบ่อขรุขระตลอดการเดินทาง บรรเทาทุกข์ชาวบ้าน 80 ครอบครัว

ทางด้านพระเทพโพธิวิเทศได้ประชุมให้นโยบายแก่พระธรรมทูตสายประเทศอินเดีย-เนปาลที่มาปฏิบัติงานให้เร่งให้ความช่วยเหลือชาวเนปาลที่ประสบภัยอย่างทุ่มเท เร่งด่วนเต็มที่  โดยมอบหมายงานให้พระธรรมทูตไทยและเนปาลเร่งประสานเข้าสำรวจพื้นที่ยังเข้าไปไม่ถึงให้รีบนำอาหาร ยารักษาโรค เต็นท์กันฝน และผ้าห่มเข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่จำเป็นเร่งด่วนก่อน และให้คณะทำงานสรุปงานในแต่ละวันของการปฏิบัติงาน มีเจตนาที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ผู้ประสบความเดือดร้อนอย่างแท้จริง นี้คือการปฏิบัติงานภาคสนาม ตลอดระยะเวลา 7  วันที่ผ่าน มาพระธรรมทูตไทยปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือชาวเนปาลอย่างเต็มที่เต็มกำลัง ไม่ต้องรอว่าจะพร้อมทุกด้านแต่พร้อมทำงานได้ในทันที

พระเทพโพธิวิเทศยังลงพื้นที่ประสบภัยแผ่นดินไหวเยี่ยมให้กำลังใจแก่ผู้ประสบภัยไร้บ้านเรือนที่อยู่อาศัย เดือนร้อนทั้งกายและใจที่ต้องออกมาอยู่ที่พักพิงอยู่ชั่วคราว บ้างคนเข้าไปเก็บของออกมานอกบ้าน บ้างคนนำข้าวเปลือกที่ผสมดินที่บ้านพังลงมาเศษดินผสมต้องนำมาร่อนเพื่อจะนำมาใช้ในครัวเรือนเป็นหน้าสงสารอย่างยิ่ง เมื่อคณะสงฆ์เดินทางไปพบนำมาซึ่งความดีใจที่ได้เห็นพระสงฆ์ ได้อวยพรให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง มีกำลังใจในการดำเนินชีวิตต่อไป

 
 

ชาวพุทธเนปาลคึกคักทำบุญวันวิสาขาบูชา(พุทธชยันตี)

ทั้งนี้เฟซบุ๊ก"Namaste Dhamma" ได้รายงานว่า วันที่ 4 พฤษภาคม 2558 นี้ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 (นับตามแบบประเทศอินเดีย-เนปาล) เป็นวันวิสาขาบูชาของชาวพุทธเนปาล หรือพุทธชยันตี ซึ่งตรงกับวันประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แม้จะพึ่งผ่านพ้นภัยพิบัติแผ่นดินไหวอย่างรุ่นแรงที่ประเทศเนปาล แต่วันนี้ก็ยังเป็นวันที่สำคัญของชาวพุทธเนปาล ซึ่งจะเห็นได้ว่ามองไปยังบ้านหลังไหนๆ ที่เป็นชาวพุทธก็จะเห็นชาวบ้านติดธงเพื่อบูชาองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นั่นก็คือธงฉัพพัณณรังสี ธงแห่งพระพุทธศาสนานานาชาติ สุดลูกหูลูกตาเลยทีเดียว

แม้แต่ในวันนี้ที่พระมหาเจดีย์โพธินาถ อันเป็นจุดศูนย์รวมของชาวพุทธเนปาล ก็ยังมีคนจำนวนมากมาสวดมนต์ขอพรไม่ขาดสาย ถนนทุกสายมีการเดินธรรมยาตรา สวดมนต์เพื่อให้เกิดสันติสุขร่มเย็นในประเทศชาติ

 

ที่วัดศรีศากยสิงหวิหาร และที่ยุวพุทธิกสมาคมเนปาล วันนี้ท่านเจ้าคุณพระเทพโพธิวิเทศได้เมตตานำสวดมนต์ ให้พร ให้โอวาทธรรมแก่ชาวเนปาลว่า ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอความเจริญในธรรมจงบังเกิดขึ้นมีแก่ท่านทั้งหลายโดยทั่วถึงกัน วันวิสาขบูชาเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า เกี่ยวกับวันที่พระพุทธเจ้า ประสูติ ตรัสรู้ และปรินิพพาน

ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงฝากมรดกไว้ว่า เป็นวันที่เราจะต้องดูแล เทคแคร์คน 3 วัย วัยประสูติ คือให้เราได้ดูแล เทคแคร์ วัยเด็ก วัยเยาว์ ลูกเต้าเหล่าหลาน ให้รู้จักพระพุทธศาสนา สองวัยตรัสรู้ คือวัยของคนที่อยู่ในระหว่างการทำงาน การผจญมาร ระหว่างที่เราได้ใช้ความรู้ สติปัญญา และในวัยที่จะต้องประกอบกิจการงาน และสามวัยปรินพพาน คือวัยผู้สูงอายุ วัยของคุณพ่อ คุณแม่ และก็ควรได้เข้าถึงธรรมตรงนั้น

 

วันวิสาขาบูชาจึงเป็นการชุมนุมของคนทั้ง 3 วัยดังนี้ ให้เราได้รู้ว่าวันวิสาขบูชานั้น เป็นวันที่เราชาวพุทธจะต้องดูแลบุคคลทั้ง 3 วัย ขออาราธนาพร ที่เป็นพรในวันวิสาขบูชา

พรวันประสูติ ขอให้พรแห่งการเกิดของพระพุทธเจ้าที่ลุมพินีวัน พวกเราที่นั่งอยู่นี้ก็ถือว่า เป็นทายาทผู้ใกล้ชิด ที่ได้มาเกิดร่วมในแผ่นดินของพระพุทธเจ้า ขอพรแห่งวันประสูติ จงยังให้พวกท่านทั้งหลายที่เกิดมาแล้ว ให้มีความแข็งแรง ร่างกายสมบูรณ์ อายุยืนยาว ขอให้ลูกเต้าเหล่าก่อ ที่มาเกิดในบ้านเรา เรือนเรา ตระกูลของเรา เกิดมาแล้วให้มีความเจริญงอกงาม เป็นผู้ใหญ่ที่ดี ส่วนลูกเต้าเหล่าก่อของเราที่ยังไม่มาเกิด ขอให้มาเกิดเป็นคนดี ให้บุคคลที่ประเสร็ฐมาเกิดในท้องในครรภ์ ต่อไปข้างหน้า ให้ดีๆ ยิ่งขึ้น นี้คือวันประสูติ แม้พวกเราจะมีภพชาติที่จะมาเกิดใหม่ ก็ขอให้ได้มาเกิดในตระกูลที่ดี เป็นสัมมาทิฏฐิ เกิดมาในยุคที่พระพุทธศาสนายังอยู่ มีครูบาอาจารย์ วัดวาอาราม ที่คอยให้สติปัญญาแก่เรา มีทรัพย์ไว้คอยได้ใช่จ่าย ได้ทำบุญ มีหน้าตา รูปพรรณสันฐาน ที่ครบถ้วนอาการ 32 ประการ มีการงานดี เชิดหน้าชูตาในสังคม

พรในวันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าทรงอดข้าวอดน้ำมา 6 ปี ทุกข์ยากลำบากมา บำเพ็ญทุกกรกิริยา ก่อนจะมาตรัสรู้ วันที่พระพุทธเจ้าผจญมารในวันที่จะตรัสรู้ ขอให้ท่านทั้งหลายได้ผ่านมารอันร้ายกาจทั้งปวง ให้พวกเราได้มีสติปัญญาผ่านพ้นมือของพญามาร ขอให้เราได้มีร่มโพธิ์ ที่พระพุทธเจ้าท่านนั่งตรัสรู้ มีปัญญาญาณในการนำพาตัวเองไปสู่การพ้นทุกข์ นำแสงสว่างสู่ปัญญาญาณ ประสบความสุขสูงสุดในชีวิต

และพรในวันปรินิพพาน ขอให้ทุกท่านมีอายุยั่งยืนนาน เหมือนอย่างพระพุทธเจ้า 80 ปีขึ้นไป ขอให้ทุกท่านได้มีสติอย่างพระพุทธเจ้า รับอาหารจากนายจุนทะ ที่มีอาหารอันอุดมสมบูรย์ แม้ก่อนจะสิ้นใจก็มีผู้ให้อาหารที่ดีอย่างนายจุนทะ และมีสติในการบริโภคอาหารมื้อสุดท้าย น้ำหยดสุดท้ายที่เป็นน้ำแห่งความห่วงใยของพระอานนท์ที่มีต่อพระพุทธเจ้า ก็ขอให้เราได้มีสติ ในการที่ได้รับข้าวปลาอาหาร ในบั้นปลายชีวิตของเรา ลมหายใจก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน ขอให้เรานั้นมีลมหายใจที่สบาย อย่าได้เจ็บ อย่าได้ปวด อย่าได้รวด ได้ร้าว ให้เรานิพพานสบายๆ ไปสู่สุคติ นี้คือพรในวันปรินิพพาน

 

จึงขออนุโมทนาต่อท่านพระครูโสภณธรรมบาล เจ้าอาวาสวัดศรีศากยสิงหวิหาร ที่ได้ดูแลญาติโยมทั้งหลาย ให้มีศรัทธาตั้งมั่นในพระพุทธศาสนาอยู่ตลอด และได้ช่วยดูแล ทำงานในนามของสมเด็จพระสังฆราช ที่เมตตาให้พระพรหมสิทธิ มาช่วยดูแลแทน ในขณะที่เกิดภัยพิบัติแผ่นดินไหวที่ประเทศเนปาล มีท่านพระครูปริยัติธรรมวิเทศ พระมหาสุพจน์ กิตฺติวณฺโณ พระมหานิพนธ์ ญาณวีโร และพระธรรมทูตไทย สายประเทศอินดีย-เนปาล ที่ได้ดูแลในส่วนนี้

และก็ขออาราธนาพรจากเจ้าประคุณสมเด็จผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช คือสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ รับพรจากสมเด็จพระพุฒาจารย์ (อุปเสณมหาเถระ) อดีตผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช วัดสระเกศ รับพรจาก พระพรหมสิทธิ ประธานสำนักงานกำกับดูแลพระธรรมทูตไปต่างประเทศ ทั้ง 3 พรนี้จงเป็นพลังให้ท่านทั้งหลาย ได้มีความสุขกาย สบายใจ มีความสุข มีความพ้นทุกข์ จนถึงความสุขคือพระนิพพานด้วยกันทุกท่านเทอญ

 

พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าว กล่าวถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือว่า เรื่องนี้มีความคืบหน้าเป็นไปตามลำดับ โดยกองบัญชาการกองทัพไทย หรือคณะของกระทรวงสาธารณสุข ที่ส่งไปในนามรัฐบาล โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสวบแห่งชาติ (คสช.) ได้เน้นย้ำให้ทำงานอย่างเต็มที่ เพราะประเทศเนปาลต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง ซึ่งตอนนี้หน่วยทหารแพทย์ของเราที่ส่งไปช่วยเหลือ ได้รักษาชีวิตคนเนปาลไปกว่า 700 คนแล้ว อีกทั้งมีการส่งเครื่องทำน้ำดื่มก็ผลิตน้ำแจกจ่ายในคนเนปาล ไม่ต่ำกว่า 30,000 ลิตร

“อย่างไรก็ตามผมไม่อยากให้พวกเราไม่ลืม อยู่อย่างหนึ่งว่า ตอนนี้มีความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติ พายุฤดูร้อน โดยผมได้สั่งการให้ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่ให้เร่งช่วยเหลือ บรรเทาทุกข์ให้ประชาชนอย่างเต็มที่ส่วนดีๆ ก็ขอให้ช่วยรับทราบกันด้วย ว่าทุกส่วนราชการทำ แต่ถ้าใครก็ตาม แม้กระทั่งส่วนราชการเองที่ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ดี ก็จะต้องถูกทำโทษอย่างชัดเจน และจริงจัง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว

 


กต.แจ้งความคืบหน้าช่วยเหลือคนไทยในเนปาล
 
นายเสข วรรณเมธี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า กระทรวงการต่างประเทศขอแจ้งข้อมูลและพัฒนาการล่าสุดเกี่ยวกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว และการช่วยเหลือคนไทยในเนปาล ว่า ขณะนี้มียอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 7,056คน บาดเจ็บ 14,123 คน จำนวน บ้านเรือนพังทลาย 142,388 หลัง จำนวนบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย 155,884 หลังจำนวนคนไทยที่พำนักอยู่ที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกาฐมาณฑุ 3 คน เจ้าหน้าที่ของสถาน เอกอัครราชทูตฯ และครอบครัว อีก 11 คน
 
โดยกองทัพอากาศได้ส่งเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 ลำ ไปประเทศเนปาล โดยได้ออกเดินทางจากท่าอากาศยานกองทัพอากาศ เช้านี้ เวลา 04.36น. และ 04.54น. พร้อมนำสิ่งของช่วยเหลือเนปาล อาทิ ผ้ายาง แผ่นปูรองนอน ผ้าห่ม อุปกรณ์ผลิตน้ำสะอาดและสิ่งของพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
 
 

นาย เสขกล่าวว่า ขณะนี้มีคนไทยที่มีแหล่งพำนักในเนปาล แสดงความประสงค์จะส่งบุตรกลับประเทศไทย 3 คน พร้อมกับเครื่องบิน C-130 ที่เดินทางมายังประเทศเนปาล
 
ขณะที่ในการปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือเนปาลในส่วนของไทย ประกอบด้วยหน่วยชุดบัญชาการกองทัพไทย ได้ลงพื้นที่และให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยที่เมืองโตกา ซึ่งห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 5กิโลเมตร โดยได้ให้การรักษาประชาชน เนปาล 173 คนและหน่วยแพทย์ทหารที่ไปตั้งศูนย์ที่สินธุปาลโจกและสินธุโกตห่างจากกรุงกาฐมาณฑุประมาณ 40กิโลเมตร โดยระหว่างวันที่ 30 เมษายน – 2 พฤษภาคม ได้ให้บริการรักษาผู้ป่วย 420 ราย ร้อยละ 60 ของผู้เข้ารับการรักษา มารับการรักษาอาการบาดเจ็บ ทั้งนี้ พบผู้ป่วยที่มีปัญหาทางระบบทางเดินหายใจมากขึ้น

นอกจากนี้ ได้ประสานงานกับโรงพยาบาลดูลิเกล ซึ่งเป็น โรงพยาบาลประจำเมืองสินธุปาล โจก เพื่อวางระบบการสนับสนับสนุนและการส่งผู้ป่วยจากโรงพยาบาลสนามไปดูแลรักษาต่อไป สำหรับทีม แพทย์เดินเท้าได้ออกปฏิบัติงานในหมู่บ้านชุมชนบนเขา10หมู่บ้านซึ่งมีประชากรประมาณ 800คนโดย ได้ดำเนินการเรื่องตรวจคัดกรองสุขภาพจิต ควบคุมป้องกันโรค และดูแลระบบสุขาภิบาลอาหารและน้ำ
 
 

นอกจากนี้ทีมแพทย์ไทยยังได้ร่วมประชุมกับกระทรวงสาธารณสุขเนปาลและศูนย์ส่วนหน้าขององค์การอนามัยโลก โดยองค์การอนามัยโลกแสดงความชื่นชมการทำงานของทีมแพทย์ไทยและขอบคุณรัฐบาลไทย โดยเฉพาะการดำเนินงานด้านสาธารณสุข เช่น การคัดกรองสุขภาพจิตประชาชน ทำให้สามารถค้นหาผู้ที่มี ปัญหาทางสุขภาพ ในระยะแรก และให้การช่วยเหลือได้ทันท่วงที
 
ส่วนเงินบริจาคเข้าบัญชี “หัวใจไทย ส่งไปเนปาล” ณ เวลา16.00น. ของวันที่ 3 พฤษภาคม มีจำนวน 111,887,641 บาท
 
ชมคลิปข่าวได้ที่
https://www.youtube.com/watch?v=emtQG7yDB0o
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20150504/205724.html

[ธัมมะวังโส]

 

  ต้องชื่นชมกับพระธรรมฑูต ทุกรูป ที่ปฏฺิบัติหน้าที่ ช่วยเหลือเยียวยา เนปาล ในครั้งนี้ ทราบว่าบางท่านนอนน้อยกว่าเดิม อย่างไร ก็อย่าขวนขวายทางโลกมากเกินไป นะครับ ผมไม่ขัดอนุโมทนา พักบ้างก็ได้ เป็นห่วงสุขภาพพวกท่าน หลายรูปเป็นเพื่อนกัน ตั้งแต่ เป็นสามเณร ส่งข้อความมาทักใน Facebook แล้ว ก็ชื่นชม ทุกท่าน แต่เนปาล ก็ ไกลบ้านเราอยู่ ก็ระมัดระวังตัวกันด้วย