พิมพ์

[raponsan]

มส.รับทราบพักงานเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี

ผอ.สำนักเลขาธิการ มส.เผยที่ประชุม มส.เห็นชอบตั้งรักษาเจ้าคณะจังหวัด 3 ตำแหน่ง พร้อมรับทราบรายงานเจ้าคณะภาค 15 สั่งพักงานเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เหตุไม่สนองงานคณะสงฆ์

วันนี้ ( 11 พ.ค.) นายสมเกียรติ ธงศรี ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม (มส.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวภายหลังการประชุม มส. ว่า มส.มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง พระครูอนุสิฐธรรมสาร (อนันต์ จนฺทาโภ) วัดพระธาตุดอยกองมู จ.แม่ฮ่องสอน รองเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นรักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดแม่ฮ่องสอน พระปริยัติโมลี (ชูชาติ สิริธมฺโม) วัดสารนาถธรรมาราม จ.ระยอง เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดระยอง (ธรรมยุต) พระครูปิยธนาทร (วิษณุ ปิยธโน) วัดอมรินทราราม จ.ราชบุรี เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี (ธรรมยุต)

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ในการประชุม มส. เมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีการรายงานคำสั่งเจ้าคณะภาค 15 ในการสั่งพักงานพระธรรมปัญญาภรณ์ (ไพบูลย์ ชินวํโส) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ จ.ราชบุรี จากการปฏิบัติหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งมีการแต่งตั้งพระมหาปราโมทย์ ปโมทิโต วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม จ.ราชบุรี รองเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี เป็นรักษาการแทนเจ้าคณะจังหวัดราชบุรี ทั้งนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันในคณะสงฆ์ว่า สาเหตุการถูกพักงานของพระธรรมปัญญาภรณ์ มาจากการไม่สนองงานคณะสงฆ์ในการดำเนินการขับเคลื่อนโครงการหมู่บ้านรักษาศีล 5

จึงเป็นเหตุให้พระพรหมเวที (สุเทพ ผุสฺสธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดพระปฐมเจดีย์ ในฐานะเจ้าคณะภาค 15 อาศัยอำนาจตามความในกฎมหาเถรสมาคมฉบับที่ 24 (พ.ศ.2541) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระสังฆาธิการ ในข้อ 44 พระสังฆาธิการต้องเอื้อเฟื้อต่อกฎหมาย พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ กฎกระทรวง กฎมหาเถรสมาคม ข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่ง มติ ประกาศ พระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช สังวรและปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยโดยเคร่งคัด

 

รวมถึงข้อ 45 พระสังฆาธิการต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งสั่งโดยชอบด้วยอำนาจหน้าที่ ถ้าไม่เห็นพ้องด้วยคำสั่งนั้นให้เสนอความเห็นทัดทานเป็นลายลักษณ์อักษร ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่ง และเมื่อได้ทัดทานดังกล่าวมาแล้วนั้น แต่ผู้สั่งมิได้ถอนหรือแก้คำสั่งนั้น ถ้าคำสั่งนั้นไม่ผิดพระวินัยต้องปฏิบัติตาม แล้วรายงานจนถึงผู้สั่ง และข้อที่ 56 พระสังฆาธิการรูปใดต้องอธิกรณ์ หรือ ถูกฟ้องเป็นจำเลยในคดีอาญา และอยู่ในระหว่างพิจารณาวินิจฉัยหรือมีกรณีต้องหากว่าละเมิดจริยาอย่างร้ายแรง และอยู่ในระหว่างสอบสวน ถ้าผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเห็นว่า จะให้คงอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ในระหว่างพิจารณาหรือสอบสวน จะเป็นการเสียหายแก่การคณะสงฆ์ จะสั่งให้พักจากตำแหน่งหน้าที่ก็ได้.

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.dailynews.co.th/education/320503