ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก  (อ่าน 1859 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29432
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

วัดบุปผาราม วัดงามแห่งเมืองตราด

“ตราด”เมืองต้องห้าม...พลาด กับวัดไม่ควรพลาด...“วัดบุปผาราม” วัดงามสุดคลาสสิก
โดย : ปิ่น บุตรี(pinn109@hotmail.com)

        “ตราด” เป็นจังหวัดชายทะเลตะวันออกที่มี “หมู่เกาะช้าง”เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญกับจำนวนเกาะมากถึง 52 เกาะ นั่นจึงทำให้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ยกให้ตราดเป็น 1 ใน 12 “เมืองต้องห้าม...พลาด” อันเป็นหนึ่งในแคมเปญท่องเที่ยวหลักของปีนี้ พร้อมกับดึงเสน่ห์ความเป็นเมืองแห่งหมู่เกาะมาชูเป็นสโลแกน “ตราด เมืองเกาะในฝัน”
       
       อย่างไรก็ดีนอกจากจะมากไปด้วยเกาะงามๆแล้ว ตราดยังมีสิ่งที่น่าสนใจให้เที่ยวชมกันอีกหลากหลาย ทั้งธรรมชาติ หาดทรายชายทะเล วิถีชุมชน สวนผลไม้ ซึ่งในช่วงเดือน พ.ค. - ก.ค. เช่นนี้ กำลังเป็นช่วงฤดูกาลผลไม้ของภาคตะวันออก(ระยอง จันทบุรี ตราด)พอดี
       
       นอกจากนี้ตราดก็ยังมีวัดวาอารามที่น่าสนใจอีกไม่น้อย โดยเฉพาะกับ“วัดบุปผาราม” นั้นถือเป็นหนึ่งในวัดสำคัญแห่งเมืองตราด ที่ประกอบไปด้วยสิ่งน่าสนใจมากหลาย


วัดบุปผาราม วัดได้ชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดใน จ.ตราด
 
        1...“วัดบุปผาราม” ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการ บ้านปลายคลอง ต.วังกระแจะ อ.เมือง เป็นวัดที่ได้ชื่อว่ามีอายุเก่าแก่ที่สุดในจังหวัดตราด มีอายุมากกว่า 300 ปี ตามประวัติระบุว่า...วัดบุปผารามสร้างขึ้นมาตั้งแต่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ในสมัยของพระเจ้าปราสาททอง(พ.ศ.2195) โดย “หลวงเมือง” คหบดีชาวบ้านเกาะกันเกราผู้คิดริเริ่มสร้างวัด ได้ร่วมมือกับชาวบ้านเสาะหาพื้นที่สร้างวัด
       
       เมื่อพวกเขาออกสำรวจเรื่อยมาจนถึงบริเวณที่ตั้งวัดในปัจจุบัน ต่างพากันได้กลิ่นดอกไม้หอมอบอวล แต่ว่าหาต้นดอกไม้แหล่งกำเนิดกลิ่นไม่พบ หลวงเมืองกับชาวบ้านจึงตกลงปลงใจที่จะสร้างวัดขึ้นในบริเวณนี้ เพราะเชื่อว่านี่คือนิมิตหลายอันดี แถมทำเลที่ตั้งวัดก็ดีคือตั้งอยู่บนเนิน เมื่อสร้างวัดขึ้นมาจะทำให้ดูโดดเด่น พวกเขาจึงร่วมกันสร้างวัดขึ้นมาพร้อมกับตั้งชื่อว่า “วัดบุปผาราม” ที่หมายถึงสวนดอกไม้ หรืออารามแห่งดอกไม้...


ภายในวัดบุปผาราม มีการจัดภูมิทัศน์ที่ร่มรื่น เป็นระเบียบเรียบร้อย

        วัดบุปผารามยังมีอีกชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกขานกันนั่นก็คือ “วัดปลายคลอง” เพราะตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านปลายคลอง นอกจากนี้ก็ยังมีชื่อเรียกอื่นๆ ได้แก่ “วัดเนินหย่อง” เพราะเดิมใกล้ๆวัดมีต้นหย่องขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก, “วัดปากทาง” เพราะตั้งอยู่ช่วงต้นของเส้นทางไปทำสวนพริกไทยซึ่งเป็นอาชีพที่นิยมกันมากในสมัยโบราณ
       
       วัดบุปผารามมีหลักฐานบันทึกความเป็นมาสำคัญๆของวัด อาทิ ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาในปี พ.ศ.2225 ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ส่วนในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านพระครูคุณสารพิสุทธิ์หรือหลวงพ่อโหได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดบุปผารามครั้งใหญ่


สนามหญ้าเขียวกลางวัด ช่วยให้ผู้เข้าวัดผ่อนคลายสบายตา

        ครั้นมาถึงยุคปัจจุบันก่อนที่วัดบุปผารามจะมีความงดงามน่าอยู่ดังเช่นทุกวันนี้ หลวงพี่ท่านหนึ่งที่วัดบุปผารามเล่าให้ผมฟังว่า วัดแห่งนี้เคยถูกทอดทิ้งทรุดโทรมมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2521 ท่านพระครูสุวรรณสารวิบูล เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบัน ได้ร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านทำการบูรณะพัฒนาวัดบุปผารามเรื่อยมา จนได้รางวัลวัดพัฒนาตัวอย่างในปี 2537 และได้รับรางวัลวัดอนุรักษ์สถาปัตยกรรมไทยดีเด่น ปี 2544 จากสมาคมสถาปนิกสยาม
       
       ปัจจุบันวัดบุปผารามมีการจัดภูมิทัศน์ที่เป็นระเบียบสวยงาม ร่มรื่น สะอาดสะอ้านดูสบายตา มากไปด้วยความเขียวขจีของต้นไม้ใบหญ้า โดยเฉพาะสนามหญ้าสีเขียวกลางวัดนั้น ช่วยเบรกสายตาจากความร้อนแรงของแสงแดดบ้านเราได้ดีทีเดียว


วัดบุปผาราม เป็นวัดที่มีความเขียวขจีอยู่ทั่วไป

        2… สำหรับสิ่งน่าสนใจในวัดแห่งนี้ ผมขอเริ่มที่ “พระอุโบสถ” หรือ “โบสถ์” ที่ไม่ใช่โบสถ์ธรรมดา หากแต่เป็นโบสถ์ 2 ชั้นที่ไม่ใช่ชั้นบนกับชั้นล่าง แต่ว่าเป็น“โบสถ์ชั้นนอก” กับ “โบสถ์ชั้นใน”
       
       โดยโบสถ์ชั้นในนั้นเป็นโบสถ์เก่าแก่ดั้งเดิม แต่ด้วยความที่โบสถ์เดิมนั้นมีสภาพชำรุดทรุดโทรมหนัก ทางกรมศิลป์(โดยผู้รับเหมาอีกที)ได้เข้ามาบูรณะในปี 2526 แล้วได้สร้างโบสถ์ชั้นนอกครอบโบสถ์เก่า กลายเป็นโบสถ์ 2 ชั้น
       
       แต่..อนิจจา โบสถ์ชั้นนอกนี้ไม่รู้ใครเลือกวัสดุ เพราะดันฉาบผนังด้านนอกด้วยทรายล้าง ที่เมื่อดูเผินๆไกลๆอาจจะดูเหมือนโบสถ์ทั่วๆไป แต่ว่าเมื่อเข้าไปดูใกล้ๆมันประดักประเดิดพิลึก ไม่กลมกลืน ไม่เข้าพวกกับของเดิม

พระอุโบสถ ภายในประดิษฐานหลวงพ่อโต

        เรื่องนี้ผมยังจำคำพูด(บ่น) ของหลวงพี่ท่านหนึ่งที่เคยพาผมชมวัดในการมาเที่ยววัดบุปผารามครั้งแรกเมื่อหลายปีที่แล้วได้ดี หลวงพี่ท่านนั้นบ่อให้ผมฟังว่า ช่วงที่กรมศิลป์ให้ผู้รับเหมามาทำการบูรณะ ได้กันพระในวัดออก ไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยว งานที่ออกมาเลยดูไม่จืดแบบนี้
       
       อย่างไรก็ดีด้วยรูปทรงอันสมส่วนและองค์ประกอบทางพุทธศิลป์ดั้งเดิมในบริเวณโบสถ์ที่ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างสวยงาม มันก็ช่วยทำให้ผม(แกล้ง)ลืมจุดด้อยเรื่องผนังทรายล้างไปไม่น้อยโดยเฉพาะเจดีย์ย่อมุมไม้ 12 ที่สร้างเรียงรายรอบข้างโบสถ์ ช่างโบราณสร้างสรรค์ออกมาได้สวยงามดูคลาสสิกทรงเสน่ห์มาก


เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองที่สร้างเรียงรายอยู่ข้างๆโบสถ์

        เช่นเดียวกับภายในโบสถ์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งความงามอันสุดคลาสสิกแถมยังมีอันซีนให้สังเกตกันอีกด้วย โดยเมื่อเข้ามาในโบสถ์จะพบกับ “หลวงพ่อโต” องค์พระประธานของโบสถ์ที่สร้างด้วยงานศิลปกรรมพื้นบ้านที่แม้จะเรียบง่าย แต่ดูมีเสน่ห์และขลัง

บรรยากาศภายในโบสถ์

        องค์หลวงพ่อโตสร้างจากทรายแดงฉาบปูน สันนิษฐานว่าท่านสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย มีพระพักตร์อมยิ้มละไม
       
       หลวงพ่อโตองค์นี้ได้ชื่อว่าเป็นพระอันซันของเมืองตราด เพราะท่านมีพุทธลักษณะที่ต่างไปจากพระพุทธรูปทั่วไป คือ ทั้งที่นิ้วมือและนิ้วเท้าของท่านมี “เล็บมือ-เล็บเท้า” สีขาวขุ่นเหมือนเล็บของมนุษย์อย่างเราๆท่านๆซึ่งถือว่าแปลกทีเดียว เพราะปกติพระพุทธรูปทั่วๆไป นิ้วมือจะเขียนเป็นลายเล็บแบบเรียบๆ ไม่ได้มีการลงสีสันเล็บให้เหมือนกับเล็บคนแต่อย่างใด


หลวงพ่อโต พระประธานภายในโบสถ์ มีอันซีนที่เล็บมือและเล้บเท้า

        นอกจากนี้หลวงพ่อโตยังได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองตราด โดยชาวตราดเคารพนับถือท่านไม่ต่างไปจากพระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร หรือ หลวงพ่อวัดไร่ขิงเลยทีเดียว
       
       3…ภายในโบสถ์ดั้งเดิมหรือโบสถ์ชั้นในหลังนี้ ยังมีอีกหนึ่งสิ่งอันโดดเด่นเป็นพิเศษนั่นก็คือภาพจิตกรรมฝาผนังที่สุดคลาสสิก ซึ่งแม้ปัจจุบันภาพหลายส่วนจะชำรุดเลอะเลือนไป แต่ว่างานส่วนใหญ่ที่เลือกก็ยังคงความงามและความขลังเอาไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชื่นชมกัน เพียงแต่ว่าใครที่มีโอกาสได้เข้าไปชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่นี่ ต้องไม่ไปสัมผัสกับภาพเหล่านั้น และเวลาถ่ายรูปก็ต้องไม่ใช่แฟลชอันมีส่วนทำให้ภาพเสื่อมสภาพเร็วยิ่งขึ้นไปอีก


ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างพื้นบ้านอันคลาสสิกสวยงาม

        สำหรับภาพจิตกรรมฝาผนังในโบสถ์วัดบุปผารามนั้นวาดด้วยฝีมือช่างพื้นบ้านสมัยรัตนโกสินทร์ กับรูปแบบการวาดสไตล์จีนที่แม้จะไม่ได้สวยปิ๊งนิ้งเนียบ แต่ว่างานฝีมือลายเส้นที่ถ่ายทอดออกมานั้นถึงอารมณ์มาก มีทั้งภาพที่วาดเป็นเรื่องราว อย่าง ภาพพระพุทธเจ้าแสดงธรรม ภาพกระตั้วแทงเสือ ภาพชาย-หญิงชาวจีนมีทั้งที่ถืออาวุธและถืออุปกรณ์อื่นๆ ภาพหญิงสาวชาวไทยสมัยก่อน และภาพเลียนแบบลายกระเบื้องประดับแซมด้วยดอกไม้ประดับไปทั่วผนัง ทั้งที่ผนังซ้าย-ขวาด้านข้างองค์พระประธานนั้นช่างวาดเป็นดอกโบตั๋น

ภาพจิตรกรรมฝาผนังบุคคลชาวจีน กับลายกระเบื้องและดอกไม้

        ส่วนกลุ่มดอกไม้(และนก)ที่ประดับเรียงรายบนผนังหลังองค์พระประธานนั้นช่างวาดเป็นดอกพุดตาน ซึ่งภาพวาดดอกไม้ต่างๆในวัดแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นในโบสถ์ วิหารพระนอน หรือตามจุดอื่นๆนั้นเป็นการสื่อสัญลักษณ์อันชัดเจนถึงความเป็นอารามดอกไม้ของวัดแห่งนี้

ภาพจิตรกรรมหญิงสาวชาวไทย

        4…ภายในวัดบุปผารามบริเวณเขตพุทธาวาสใกล้ๆกับโบสถ์ยังมีสิ่งน่าสนใจอื่นๆให้เที่ยวชม ได้แก่ มณฑปหลังคากระโจม ที่มีอยู่ 3 หลัง หลังแรกประดิษฐานรอยพระพุทธบาท 4 รอย,หลังที่สองประดิษฐานรอยพระพุทธบาทมงคล 108 ,ส่วนหลังที่สามสร้างทับซ้อนรากของเจดีย์องค์เดิมที่พังทลายลงไป

โบสถ์และมณฑป 1 ใน 3

        นอกจากนี้ก็ยังมี“โบสถ์หลังเก่า”(บางข้อมูลเรียกวิหารฝากระดาน) เป็นอาคารครึ่งปูนครึ่งไม้ รูปทรงโค้งแบบเรือสำเภาอันเป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในวัด สร้างตังแต่สมัยอยุธยา ซึ่งปัจจุบันทางวัดได้กำลังทำการบูรณะซ่อมแซมโบสถ์เก่าหลังนี้อยู่

โบสถ์หลังเก่าที่กำลังบูรณะ

        ส่วนวิหารอีกหลังที่อยู่กลางระหว่างโบสถ์หลวงพ่อโตกับโบสถ์หลังเก่าเป็น “วิหารพระพุทธไสยาสน์” หรือ “วิหารพระนอน” ที่ก่อสร้างด้วยศิลาแลง หน้าบันและซุ้มหน้าต่างประดับด้วยเครื่องถ้วยจีนและเครื่องถ้วยยุโรป

ขอพรองค์พระนอน

        ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ หรือ พระนอนที่สร้างด้วยงานศิลปกรรมแบบพื้นบ้าน ที่ผนังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสไตล์เดียวกับภายในโบสถ์หลวงพ่อโต แต่ว่าส่วนใหญ่ภาพเลือนหายไป หลวงเหลือเพียงบางส่วนกับภาพดอกไม้ และภาพนก ที่มีทั้งภาพดั้งเดิมและภาพที่ดูเหมือนเขียนซ่อมแซมใหม่

จิตกรรมฝาผนังลวดลายดอกไม้ในวิหารพระนอน

        ส่วนอีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจภายในวัดแต่ไม่ได้อยู่บริเวณโบสถ์หลวงพ่อโตนั่นก็คือ “พระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่” ที่ประดิษฐานอยู่ใน "เรือนพระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่" เป็นอาคารไม้ทรงไทย กลางสนามหญ้า

บรรยากาศในศาลาพระพุทธรูปไม้องค์ใหญ่

        พระพุทธรูปไม้แกะสลักเก่าแก่องค์นี้เป็นงานศิลปะแบบพม่า ที่ประดิษฐานร่วมกับพระพุทธรูปน่าสนใจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น พระนอน พระยืน พระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งส่วนใหญ่ต่างเป็นพระพุทธรูปไม้แกะสลักอันสวยงามเป็นเอกลักษณ์
       
       ในพื้นที่สนามหญ้ากลางวัดยังมีศาลาประดิษฐานรูปเคารพหุ่นขี้ผึ้ง “หลวงพ่อโห” และ รูปเคารพ “สมเด็จพระเจ้าตากสิน” กำลังประทับนั่งอยู่ใกล้ๆกัน


หุ่นขี้ผึ้งหลวงพ่อโห อดีตเจ้าอาวาสองค์สำคัญของวัด

        นอกจากนี้ที่วัดบุปผารามยังมีพระบรมราชานุสาวรีย์ “สมเด็จพระเจ้าตากสินทรงม้า”อยู่ที่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์หลังเล็ก ซึ่งที่วัดแห่งนี้มีพิพิธภัณฑ์ 2 หลัง ใหญ่-เล็ก เก็บศิลปวัตถุอันทรงคุณค่าให้เราได้ศึกษาเรียนรู้
       
       และนี่ก็คือมนต์เสน่ห์และสิ่งน่าสนใจต่างๆของวัดบุปผาราม วัดงามแห่งเมืองตราด ซึ่งสำหรับผมนี่ไม่ใช่ครั้งแรกในการมาเยือนวัดบุปผาราม(เคยเขียนแนะนำวัดแห่งนี้ไปครั้งหนึ่งแล้ว) แต่ว่าถึงแม้จะมาซ้ำสอง ซ้ำสาม หรือซ้ำบ่อยๆ ยังไงๆผมก็ยังหลงใหลชื่นชอบในมนต์เสน่ห์ของวัดแห่งนี้อยู่ไม่เสื่อมคลาย


รูปเคารพสมเด็จพระเจ้าตากสินในศาลเดียวกับรูปเคารรพหลวงพ่อโห

        เพราะวัดแห่งนี้ยังคงเป็นวัดที่มีความเป็น“วัด” ต่างไปจากวัดหลายๆแห่งที่มีแต่ความเป็น“วัตถุ”มากมาย แต่ทว่าหาแก่นของความเป็นวัดไม่เจอ ซึ่งสำหรับวัดบุปผารามแล้วในวันที่ผมเข้าไปเที่ยวชม แม้เราอาจจะรู้สึกร้อนกายไปตามสภาพอากาศอันร้อนระยับ
       
       แต่ว่าวัดแห่งนี้กลับให้ความรู้สึก“เย็นใจ”ได้ดีทีเดียว


ต้นสาละภายในวัดที่กำลังออกดอกสวยงาม
       
   หมายเหตุ : การเที่ยวชมสถานที่ภายในของวัดบุปผารามบางจุดต้องขออนุญาตจากทางวัดก่อน
       
   - ผู้สนใจสอบถามข้อมูลวัดบุปผาราม และข้อมูลทางการท่องเที่ยว ร้านอาหาร ที่พักโรงแรม และข้อมูลการเดินทางใน จ.ตราด เพิ่มเติมได้ที่ ททท.ตราด โทร. 0 3959 7259-60


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9580000060789
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

   ขออนุโมทนาสาธุ

    ไปไม่ถึงซักทีครับ จังหวัดตราดนี่ ไปได้เต็มที่ก็แค่จันทบุรี ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา