ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พิธีศพยุคดึกดำบรรพ์  (อ่าน 1113 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29438
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พิธีศพยุคดึกดำบรรพ์
« เมื่อ: มิถุนายน 04, 2015, 10:46:34 am »
0


(บน) ภาชนะดินเผาบรรจุศพแบบ "แค็ปซูล" เมื่อราว 2,500 ปีมาแล้ว มีรูปร่างลักษณะต่างๆกัน
นับเป็นต้นเค้าโกศ และประเพณีเก็บกระดูกใส่หม้อ หรือสถูปเจดีย์ในสมัยหลังๆ
ขุดพบบริเวณขอบทุ่งกุลาร้องไห้ บ้านเมืองบัว อ. เกษตรวิสัย จ. ร้อยเอ็ด
(ล่าง) ไหหิน ใส่กระดูกศพ ราว 2,500 ปีมาแล้ว ที่ทุ่งไหหิน แขวงเชียงขวาง ในลาว



พิธีศพยุคดึกดำบรรพ์
คอลัมน์ สยามประเทศไทย โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ

พิธีศพก็คือพิธีกรรมเกี่ยวกับความตาย (ที่ยุคดั้งเดิมดึกดำบรรพ์เข้าใจความตายต่างจากยุคนี้) เป็นพิธีกรรมสำคัญที่สุดของมนุษย์อย่างน้อยตั้งแต่ 3,000 ปีมาแล้ว สืบถึงปัจจุบัน

คนมีฐานะทางสังคม เช่น หัวหน้าเผ่าพันธุ์ หรือหมอผี เมื่อตายไป คนทั้งชุมชนร่วมกันทำพิธีศพใหญ่โต มีเครื่องมือเครื่องใช้ฝังไปกับศพ เช่น โลหะต่างๆ ฯลฯ เหลือไว้ให้ขุดพบในยุคปัจจุบัน เช่น บ้านเชียง (อุดรธานี) แต่ถ้าคนทั่วไปตายลงก็ทิ้งให้แร้งกากินจนไม่เหลือซาก


 :96: :96: :96: :96: :96:

ฝังศพ

พิธีศพไม่ว่าจะเป็นบุคคลสำคัญหรือธรรมดา เครือญาติจะเก็บศพไว้หลายวันหลายคืนเพื่อรอขวัญกลับสู่ร่างเดิม โดยกินเลี้ยงกินเหล้าแล้วขับลำบอกเล่าเรื่องราวต่างๆของเผ่าพันธุ์ (เป็นต้นแบบมหรสพงานศพทุกวันนี้) เมื่อเอาศพไปฝังลงหลุมต้องเอาเครื่องมือเครื่องใช้ใส่ลงไปด้วย เชื่อว่าจะได้ติดตัวไปใช้เมื่อขวัญคืนร่าง ฉะนั้นในหลุมศพจึงมีสิ่งของมากมายล้วนแสดงฐานะของผู้ตายว่าเป็นคนสำคัญ


 ask1 ask1 ask1 ask1

โกศใส่ศพนั่ง

คนบางกลุ่มมีประเพณีฝังศพงอเข่าไว้กับอก บางทีเอาศพงอเข่าใส่ไหไปฝัง ฯลฯ อย่างนี้เรียกกันภายหลังว่าประเพณีศพนั่ง (แบบที่เรียกนั่งยองๆ หรือนั่งชันเข่า) สืบเนื่องมาถึงสมัยหลังคือศพเจ้านายในพระบรมโกศ
[คำว่า โกศ ยืมจากภาษาบาลี-สันสกฤต แต่ประเพณีศพนั่งในโกศ ไม่พบหลักฐานว่าเคยมีในอินเดีย]

แต่ที่สำคัญมากอย่างหนึ่ง คือ พิธีศพครั้งที่ 2 เริ่มจากครั้งแรกเอาคนตายไปฝังดินไว้ให้เนื้อหนังเน่าเปื่อยยุ่ยสลายไปกับดินจนเหลือแต่กระดูก แล้วทำศพอีกครั้ง ด้วยการเก็บกระดูกใส่ภาชนะ เช่น ไหหิน ที่ทุ่งไหหินในลาว, หม้อดินเผาใส่กระดูกพบทั่วไป แต่ที่มีขนาดใหญ่ พบแถบทุ่งกุลาร้องไห้ แม้แต่การเก็บกระดูกคนตายไว้ตามกำแพงวัด ก็สืบเนื่องจากประเพณีดึกดำบรรพ์ อย่างนี้เอง


 ans1 ans1 ans1 ans1 ans1

สร้างเจดีย์คร่อมที่ฝังศพ

แหล่งฝังศพยุคดึกดำบรรพ์ไม่ได้เป็นที่น่ารังเกียจสะพรึงกลัวอย่างทุกวันนี้เรียก ป่าช้า (หมายถึงเลวทรามต่ำช้า) ป่าเลว (เห้ว, เปลว) ฯลฯ แต่คนเมื่อ 3,000 ปีมาแล้ว ยกย่องพื้นที่ฝังศพเป็นบริเวณศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตของผีบรรพชน เมื่อรับพุทธศาสนาในภายหลังจึงยกบริเวณนั้นสร้างสถูปเจดีย์เป็นพุทธสถานคร่อมทับที่ฝังศพก็มี เช่น ปราสาทพิมาย (อ. พิมาย จ. นครราชสีมา) และวัดชมชื่น ที่เมืองเชลียง (อ. ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย) ฯลฯ

ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1432786349
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ