พิมพ์

[raponsan]

ชีวิตที่ขอเลือก! สุดสลด เศรษฐีนีใจบุญ ยอมเป็นหนี้มหาศาล เพื่อเลี้ยงเด็กกำพร้า

สำนักข่าวเซี่ยงไฮ้อิสต์รายงานว่า อดีตเศรษฐีนีชาวจีนรายหนึ่งต้องเผชิญวิกฤตชีวิตจากการป่วยเป็นโรคมะเร็ง และยังต้องเลี้ยงเหล่าเด็กกำพร้า ขณะที่เจ้าตัวยังต้องเผชิญกับการเป็นหนี้มหาศาลถึง 2 ล้านหยวนด้วย (ราว 10 ล้านบาท)

รายงานระบุว่า หลี่หลี่จวน เคยเป็นเศรษฐีนีผู้ร่ำรวยคนหนึ่งแห่งมณฑลเหอเป่ย ในทศวรรษที่ 1980 จากธุรกิจผลิตเครื่องแต่งกายของเธอ ซึ่งในช่วงระยะเวลา 19 ปีที่ผ่านมา เธอได้รับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้งถึง 75 คน โดยเด็กส่วนใหญ่จะเป็นเด็กที่ถูกทิ้งจากครอบครัวตัวเองเนื่องจากอาการป่วยและความพิการ หรือเป็นเด็กที่สูญเสียพ่อแม่จากอุบัติเหตุที่เหมืองถ่านหิน

 

โดยในช่วงปีแรกๆนั้น นางหลี่สามารถใช้ผลกำไรจากการลงทุนในเหมืองเหล็กและเงินเก็บของเธอจากธุรกิจเครื่องแต่งกายเพื่อดูแลเด็ก อย่างไรก็ตาม ในปี 2008 เหมืองของเธอต้องปิดตัวลง อันเป็นผลจากการพัฒนาเมืองในขณะนั้น ซึ่งนั่นเป็นการสูญเสียแหล่งรายได้สำคัญของเธอ และเธอจึงต้องเริ่มขายที่ดินและสิ่งของมีค่าเพื่อที่จะเลี้ยงเด็กๆไปได้ นอกจากนี้ ในฤดูหนาว ปี 2011 นางหลี่ได้รับการตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะเริ่มแรก ซึ่งเธอกล่าวว่า ขณะนี้ มีค่าใช้จ่ายมากเกินไปในการรักษาอาการป่วยของเธอ อีกทั้งเธออยากจะใช้เงินจำนวนเท่าๆกันที่เธอรักษาตัวเองในการเลี้ยงเด็กๆด้วย

อย่างไรตาม เมื่อเธอได้พิจารณาจำนวนเด็กๆที่ได้รับการอุปการะที่มากขึ้น คาดว่าคงเป็นเวลาไม่นานที่เงินที่เธอมีจะหมดลง โดยตั้งแต่ปี 2011 ค่าใช้จ่ายรายเดือนในการดูแลบ้านรับอุปการะเด็กมีมากกว่ารายได้ของเธอ แม้ว่าจะมีการช่วยเหลือจากญาติของเธอและเพื่อนๆ รวมถึงเงินบริจาคจากองค์กรการกุศลต่างๆ แต่เมื่อรวมแล้วก็ไม่เพียงพอที่จะจ่ายค่าใช้จ่ายมหาศาลได้ ตอนนี้ หนี้สินต่างๆรวมกันแล้วมีมากกว่า 2 ล้านหยวน

รายงานระบุว่า แม้ว่านางหลี่ จะเป็น "แม่" ของเหล่าเด็กกำพร้า แต่ลูกชายของหลี่เองที่มีชื่อว่า เสี่ยวเวิ่น ปฏิเสธที่จะไม่เจอเธอตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ในปี 2004 เสี่ยวเวิ่นได้รับบาดเจ็บสาหัสที่กระดูกสันหลังและต้องได้รับการผ่าตัด แต่นางหลี่ไม่สามารถอยู่กับเขาได้ เพราะตอนนั้นเธอกำลังพาเด็กที่เธออุปการะคนหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคน้ำคั่งในโพรงสมองไปผ่าตัดที่นครเซี่ยงไฮ้

เมื่อเสี่ยวเวิ่นได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขารู้สึกหดหู่อย่างหนักและไม่อยากเจอแม่ของเขา หลายปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นความสัมพันธ์ที่ตึงเครียด อย่างไรก็ตาม หลี่เผยว่าเป็นเพราะลูกชายของเธอ มันจึงกลายเป็นแรงบันดาลใจทำให้เธอจึงเริ่มรับเลี้ยงเด็กที่ถูกทอดทิ้ง

 

ด้านตัวแทนจากกรมกิจการพลเรือนเมืองวู่อานกล่าวว่าการรับเลี้ยงเด็กจะต้องทำผ่านศูนย์สวัสดิการสังคมแม้ว่าความกรุณาของหลี่หลี่จวนในการสร้าง"หมู่บ้านการกุศล"จะเป็นเรื่องที่น่าซาบซึ้งถึงกระนั้นก็ยังคงเป็นเพียงองค์กรเอกชนที่จัดขึ้นเองโดยที่กฎหมายรัฐไม่ได้รับรอง

ทั้งนี้รายงานระบุว่า เนื่องจากข้อจำกัดของกฎหมาย ทำให้เด็กที่หลี่รับเลี้ยงดูไม่อยู่ในสถานะที่ถือได้ว่าเป็น"เด็กกำพร้า" เพราะพวกเขาอยู่ภายใต้หน่วยงานของนางหลี่ ที่กฎหมายไม่ได้รับรอง  ดังนั้น แม้ว่าจะมีผู้อื่นเสนอที่จะรับเลี้ยงเด็ก เธอจึงไม่มีทางเลือกนอกจากจะปฏิเสธไป เนื่องจากเด็กกำพร้าเหล่านี้ไม่ได้ถูกรับรองตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ในขณะเดียวกัน  เนื่องจากจำนวนของเด็กที่ถูกอุปการะมีมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่"หมู่บ้านการกุศล"จึงคับแคบลง รวมถึงกองทุนช่วยเหลือก็ร่อยหรอลงไปเรื่อยๆเช่นกัน

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1434440024