ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฮือฮา.!! มะขามยักษ์อายุ 500 ปี อยู่ในวัด ลำต้นกลวง-งูขนาดใหญ่ 2 ตัวเลื้อยอาศัย  (อ่าน 851 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28595
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ฮือฮา!! มะขามยักษ์อายุ 500 ปี ลำต้นกลวง-งูขนาดใหญ่ 2 ตัวเลื้อยอาศัย ชาวบ้านจุดไฟเผาไล่

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 30 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีต้นมะขามขนาดใหญ่อายุหลายร้อยปี อยู่ภายในวัดศิลามงคล หมู่ 3 ต.หินฮาว อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พบว่าภายในบริเวณวัดดังกล่าวมีลักษณะร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด ส่วนใหญ่จะเป็นต้นมะขาม โดยมีอยู่ต้นหนึ่งเด่นสง่า และแปลกกว่าต้นอื่นๆ คือ มีขนาดใหญ่ ลำต้นกลวง โดยคนสามารถเข้าไปยืนอยู่ได้ 4-5 คนเลยทีเดียว หากมองขึ้นไปจะเป็นภาพที่สวยงามแปลกตาเป็นอย่างมาก

 โดยลำต้นสูงประมาณ 30 เมตร แผ่กิ่งก้านเป็นพุ่มรัศมีประมาณ 15–20 เมตร โดยที่บริเวณลำต้นและโคนต้น มีพวงมาลัย ดอกไม้ ธูปเทียนของผู้ที่มากราบไหว้ ได้นำมาวางและปักไว้รอบๆ ลำต้น เมื่อให้ชาวบ้านจับมือกันและโอบรอบต้นมะขามต้องใช้ 6-7 คนโอบเลยทีเดียว



 นายพิทักษ์ บุญแถม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.หินฮาว เล่าให้ฟังว่า วัดศิลามงคลตั้งอยู่ริมแม่น้ำพุง ซึ่งจากคำบอกเล่าต่อๆ กันมาว่าต้นมะขามดังกล่าวเป็นมะขามเปรี้ยวและมีมาก่อนที่จะมีการสร้างวัดซึ่งลำต้นก็มีขนาดใหญ่ไม่ผิดไปจากที่เห็นปัจจุบันจึงคาดว่าต้นมะขามดังกล่าวน่าจะมีอายุราว ๆ 500 ปี

 เมื่อก่อนลำต้นไม่ได้กลวงขนาดนี้เป็นเพียงซอกหลืบจำนวนมาก และมีงูขนาดใหญ่จำนวน 2 ตัว เลื้อยเข้าไปอาศัยอยู่ ชาวบ้านเกรงจะเป็นอันตรายแก่พระสงฆ์ จึงได้จุดไฟเผา จนเป็นโพรงกลวงดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยคนสามารถเข้าไปยืนอยู่ได้ 4–5 คน ส่วนลำต้นได้มีการวัดและบันทึกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2551 ขนาดเส้นรอบวง 8.40 เมตร




สำหรับวัดศิลามงคล เดิมชื่อวัดหินฮาวมหานิกาย ตั้งชื่อตามหมู่บ้านและได้รับวิสุงคามสีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2290 ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2460 กองทัพธรรมภาคอีสานได้นำคณะสงฆ์ธรรมยุติมาประจำที่วัดและเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายธรรมยุติ ซึ่งมีหลวงปู่ชอบ ฐานสโม และ หลวงปู่หลุย จันทะสาโร รวมอยู่ด้วย และได้ตั้งชื่อให้เป็นมงคลและสอดคล้องกับชื่อหมู่บ้านหินฮาว โดย “หิน” หมายถึง “ศิลา” จึงตั้งชื่อว่า “ศิลามงคล” หมายถึง “หินอันเป็นมงคล” อุโบสถหันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นแม่น้ำพุง คาดว่าเป็นเส้นทางที่ใช้สัญจรไปมาในขณะนั้น มีพระประธานมีพุทธลักษณะคล้ายหลวงพ่อใหญ่วัดตาล จึงคาดว่าน่าจะสร้างในสมัยเดียวกัน

 ส่วนอุโบสถได้มีการปรับปรุงมาแล้วถึง 3 ครั้ง แต่พระประธานก็ยังประดิษฐานอยู่ที่เดิมไม่ได้เคลื่อนย้ายแต่อย่างใด และนอกจากนั้นภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจควรค่าแก่การศึกษาอีกมาก เช่น ตู้เก็บพระไตรปิฎก จะมีลวดลายคล้ายกับคนแคระที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จึงน่าจะมีความเกี่ยวข้องในด้านยุคสมัย รวมทั้งยังมีใบลานจารึก คล้ายๆ ภาษาขอม หรือ ภาษาบาลี ซึ่งน่าจะมีการอ่านหรือแปลความหมายเพื่อเก็บไว้เป็นประวัติศาสตร์หรือแหล่งความรู้แก่คนรุ่นหลังได้ โดยในขณะนี้ได้ประสานของบประมาณจาก อบต.หินฮาว เพื่อนำมาปรับปรุง และพัฒนาวัด เพื่อเป็นแหล่งศึกษาและท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมต่อไป


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=1435652671
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ