ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มหัศจรรย์ “ดอกเข้าพรรษา” เชื่อมวัฒนธรรมสู่วิถีชีวิตชาวพุทธ  (อ่าน 1030 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


มหัศจรรย์ “ดอกเข้าพรรษา” เชื่อมวัฒนธรรมสู่วิถีชีวิตชาวพุทธ

ในครั้งโบราณกาลมาจนถึงปัจจุบันนี้ วันเข้าพรรษาของทุกปี ซึ่งตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 พุทธศาสนิกชนชาวพระพุทธบาท จ.สระบุรี จะมีการทำบุญตักบาตรดอกไม้กันที่วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ซึ่งเป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่มีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ปัจจุบันเป็นสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาที่นอกจากประชาชนชาวไทยแล้วยังเป็นที่สนใจของชาวต่างประเทศอีกด้วย

การตักบาตรดอกไม้จึงกลายเป็นประเพณีที่มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตามความเชื่อของชาวพุทธ ที่เลื่อมใสในพุทธศาสนาและถือว่าการตักบาตรดอกไม้เป็นการสร้างอานิสงส์ที่สูงส่งอย่างยิ่งประเพณีตักบาตรดอกไม้เป็นประเพณีสำคัญที่อยู่คู่กับวัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารมาช้านาน ประชาชนชาวพระพุทธบาทและใกล้เคียง จะถือเอาวันเข้าพรรษาของทุกปี โดยดอกไม้ที่ใช้ตักบาตรแด่พระภิกษุสงฆ์นั้นจะต้องเป็น“ดอกเข้าพรรษา” เท่านั้นซึ่งปัจจุบันดอกเข้าพรรษามีเหลืออยู่ในป่าธรรมชาติน้อยและมีจำนวนลดลงอย่างรวดเร็ว

 

ทำไมถึงต้องเป็น ดอกเข้าพรรษา ก็เพราะว่า ต้นดอกไม้เข้าพรรษาจะขึ้นตามไหล่เขาโพธิ์ลังกา หรือเขาสุวรรณบรรพต เทือกเขาวง และเขาพุใกล้ๆ กับรอยพระพุทธบาท ซึ่งหาได้ง่ายและจะผลิดอกเฉพาะช่วงเข้าพรรษาเท่านั้น จนชาวบ้านเรียกชื่อให้เป็นที่เหมาะสมว่า “ต้นเข้าพรรษา” ดอกไม้เข้าพรรษาที่ชาวบ้านออกไปเก็บจะมี ดอกสีเหลือง ดอกสีขาว ดูจะหาง่ายไม่ลำบากยากเย็นนัก แต่การเก็บดอกไม้เข้าพรรษาสีม่วง ถือกันว่าถ้าใครสามารถเก็บดอกไม้เข้าพรรษาสีม่วง มาใส่บาตรได้ คนนั้นจะได้รับบุญกุศลมากมายกว่าการนำดอกไม้สีอื่นๆ มาตักบาตร

 

ดร.จรัญ มากน้อย นักวิชาการองค์การสวนพฤกษศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพืชวงศ์ ขิง-ข่า กล่าวว่า ดอกเข้าพรรษา หรือดอกหงส์เหิน เป็นชื่อเรียกรวมๆ ของดอกไม้หลายชนิดในวงศ์ขิง-ข่า โดยมากจะหมายถึงพืชในสกุล Globba ในท้องถิ่นอื่นอาจมีชื่อเรียกแตกต่างกันไป เช่น กล้วยจะก่า กล้วยเครือคำ กะทือลิงหรือข่าลิง เป็นต้น

เป็นไม้พื้นเมืองของไทยที่เกิดในป่าร้อนชื้นภายใต้ร่มเงาไม้ใหญ่ หรือขึ้นอยู่ตามชายป่าซึ่งในป่าเมืองไทยมีขึ้นกระจายอยู่ทุกภาค มีลำต้นเป็นหัวแบบเหง้ามีรากสะสมอาหารคล้ายรากของกระชาย ส่วนของลำต้นเหนือดินกาบใบที่เรียงตัวกันแน่นสูง ใบเดี่ยว ยาวรี ปลายใบแหลม ดอกมีรูปร่างเรียว กลีบดอกเชื่อมติดกันรูปร่างของดอกมีลักษณะคล้ายกับหงส์ที่สยายปีกออกมา แลดูเหมือนกำลังจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยลีลาสง่างามด้วยลำต้นที่มีความสูงแค่ 30-70 ซม. ช่อดอกจึงมีขนาดเล็ก

ดอกเข้าพรรษาในหนึ่งปีนั้นจะออกดอกเพียงครั้งเดียว ชาวบ้านจึงเก็บมามัดรวมกันเป็นช่อได้หลายๆ ช่อจึงค่อยนำไปใส่บาตรดอกไม้ในวันเข้าพรรษาดอก เข้าพรรษาเป็นพืชที่อยู่ในวงศ์ขิง-ข่า ที่มีการเจริญเติบโตและออกดอกในช่วงฤดูฝน จากนั้นจะพักตัวในช่วงฤดูหนาวจนถึงฤดูร้อน ซึ่งต้นเหนือดินจะยุบแห้งไปเหลือไว้เพียงหัวที่ฝังตัวอยู่ใต้ดิน และจะงอกใหม่ในช่วงฤดูฝนต่อไป

 

นอกจากดอกเข้าพรรษาที่บานสะพรั่ง ในช่วงฤดูฝนแล้ว ยังมีพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกันที่มีความสวยงามไม่แพ้ดอกเข้าพรรษาเลย อย่างเช่น ดอกกระเจียว หรือบัวสวรรค์ จะเห็นได้ว่าในช่วงฤดูฝน ภายในเขตอุทยานแห่งชาติป่าหินงาม จังหวัดชัยภูมิ ตระการตาไปด้วยดอกกระเจียวเต็มท้องทุ่งที่ถือว่าเป็นราชินีแห่งมวลไม้ดอกของขุนเขาป่าหินงาม มีดอกสีชมพูอมม่วง ออกดอกเพียงปีละครั้ง ด้วยรูปทรงและสีสันที่มีความโดดเด่นสวยงามจึงทำให้ป่าหินงามเป็นทุ่งดอกกระเจียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และนอกจากในพื้นที่อุทยานแห่งชาติป่าหินงามแล้ว ยังมีทุ่งดอกกระเจียวสีชมพูกับสีขาวภายในอุทยานแห่งชาติไทรทอง ซึ่งเป็นทุ่งดอกกระเจียวอีกแห่งหนึ่งที่เบ่งบานชูช่อมีความสวยงามโดดเด่นไม่แพ้กัน
 
 

ไม่ว่าจะเป็นดอกเข้าพรรษา หรือว่าดอกกระเจียว ล้วนแต่เป็นพืชวงศ์ขิง-ข่า ทีมีการกระจายพันธุ์เป็นวงกว้างในป่าธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีพี่น้องของพืชตระกูลขิง-ข่า อีกเป็นจำนวนมากที่เรายังไม่รู้จักและไม่เคยเห็น ดังนั้น องค์การสวนพฤกษศาสตร์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้ทำการรวบรวมพืชวงศ์ขิง-ข่า ของไทย กว่า 180 ชนิด รวบรวมและจัดแสดงไว้ใน อุทยานขิง-ข่า ที่มีความหลากหลายมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ภายในสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่

ซึ่งมีทั้งความหลากหลายของชนิดพันธุ์ และสีสันสวยงามแปลกตาน่าชมโดยได้รวบรวมกลุ่มพืชวงศ์ขิง-ข่า ที่สามารถพบได้ในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไว้เพื่อแสดงถึงศักยภาพทางด้านความหลากหลายทางชีวภาพของพืชวงศ์ขิง-ข่า ให้ชาวโลกรับรู้ถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรพรรณพืชที่มีอยู่ในประเทศไทย

สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสารนิเทศและประชาสัมพันธ์ องค์การสวนพฤกษศาสตร์ โทรศัพท์ 0-5384-1234 และ www.qsbg.org.

 
นิวัตร ธาตุอินจันทร์/เชียงใหม่


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.banmuang.co.th/news/region/22625
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ