ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คืน พื้นที่ธรณีสงฆ์ วัดไผ่ล้อม จบบริบูรณ์ด้วย 'ศีล สมาธิ ปัญญา'  (อ่าน 850 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 

คืน พื้นที่ธรณีสงฆ์ วัดไผ่ล้อม จบบริบูรณ์ด้วย 'ศีล สมาธิ ปัญญา'

การจัดประโยชน์ที่ดินวัดร้าง และศาสนสมบัติกลางของวัด มักเกิดข้อพิพาทระหว่างพระกับชาวบ้านกลายเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง อย่างกรณีของวัดไผ่ล้อม ต.พระปฐมเจดีย์ อ.เมือง จ.นครปฐม ซึ่งมีพระครูปลัดสิทธิวัฒน์ หรือหลวงพี่น้ำฝน เป็นเจ้าอาวาส ซึ่งมีนโยบายต้องการขอคืนพื้นที่จากชาวบ้าน เพราะอาคารต่างๆ สร้างมานานแล้ว จะพังครืนวันไหนไม่มีใครตอบได้ แต่วันนี้ถึงจุดที่ต้องรื้อตามกาลเวลา เพื่อความปลอดภัยของญาติโยมที่เช่าอาศัย

ด้วยเหตุดังกล่าว วัดจึงต้องแจ้งล่วงหน้าว่าขอคืนพื้นที่ เพื่อรื้อความทรุดโทรมออกไป ผลปรากฏว่าชาวบ้านบางส่วนไม่ยอม หลวงพี่น้ำฝนท่านพยายามเรียกทุกฝ่ายมาพูดคุยเจรจาหาข้อคิดเห็น ในรูปแบบของการปรึกษา เรียกหน่วยราชการทุกฝ่ายมาร่วมรับฟัง ช่วยกันออกความเห็น ประชุมแล้วทุกฝ่ายลงมติรื้อ แต่ชาวบ้านกลุ่มนี้ก็ไม่ยอม ทางวัดจึงมีจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย สู้กันไปตามครรลองคลองธรรม ปรากฏว่าวัดชนะทุกคดี ทุกราย ทุกหลัง แบบใสสะอาดตามหลักนิติศาสตร์ทุกประการ

 :25: :25: :25: :25:

ทนายศุภภัทร์พจน์ นิติศศธร ในฐานะผู้จบนิติศาสตร์ เนติบัณฑิตไทย และไวยาวัจกร มหาเปรียญคนข้างวัด มีความเห็นว่า การปฏิสังขรณ์ถือเป็นหน้าที่ของเจ้าอาวาส ถูกต้องแล้วทั้งทางโลกและทางธรรม พระสงฆ์ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับฆราวาส พระก็มีหน้าที่เคารพกฎหมาย การต้องรื้อถอน เมื่อคดีจบศาลตัดสินแล้ว ชาวบ้านก็พอใจ ย้ายออกไปโดยไม่โกรธกัน

วัดไผ่ล้อมให้เวลาชาวบ้านมาแล้วหลายปี โดยไม่เก็บค่าเช่าที่ มีชาวบ้านบางรายเท่านั้นที่ยึดติด คิดว่าเป็นที่ของตน ทั้งที่เป็นศาสนสมบัติ บุคคลใดจะเข้าไปยึดถือครองไม่ได้ พอวัดปรึกษาหารือกับฆราวาสจนเข้าใจดีแล้ว ทุกอย่างก็จบ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจก็ต้องว่ากันไปตามกระบวนการของศาล แต่ที่วัดจบดีจบสวย ชาวบ้านกับวัดและพระสงฆ์ไม่เกลียดชังกัน ไม่วุ่นวาย สังคมไม่ฉงนฉงาย ถึงต้องย้าย ก็จากไปอย่างสันติสุข



ในขณะที่หลวงพี่น้ำฝน บอกว่า ที่ดินของวัดนั้น ถือเป็นธรณีสงฆ์ เป็นหน้าที่โดยตรงของเจ้าอาวาสทุกวัดที่ต้องดูแลปกปักรักษา คุ้มครอง พัฒนาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้เจริญก้าวหน้า เพื่อให้เป็นไปด้วยความถูกต้องตามกฎหมายของสงฆ์ ส่วนกรณีวัดร้างนั้น เป็นหน้าที่ของสำนักงานพระพุทธศาสนาแต่ละจังหวัดที่จะต้องไปดูแลจัดการ ส่วนกรณีที่ดินธรณีสงฆ์ ถือเป็นศาสนสมบัติกลาง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นเจ้าอาวาสต้องรับภาระแก้ไข ทุกวัดเป็นเหมือนกันหมด บางวัดแก้ได้บ้าง บางวัดแก้ไม่ได้เลย กลายเป็นปัญหาเรื้อรังที่เจ้าอาวาสทุกวัดต่างยอมรับสภาพนี้

 :25: :25: :25: :25: :25:

ทั้งนี้ที่ผ่านมาทางวัดได้ทำทุกอย่างไปตามขั้นตอน เริ่มต้นด้วยการบอกกล่าว เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย แบบเป็นกันเองประนีประนอม ด้วยจิตบริสุทธิ์ มีเมตตาธรรม เป็นการแจ้งเตือน และเพื่อให้โอกาสญาติโยมด้วยการหาทางออกและทางเลือกที่เหมาะสมให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมายอย่างแท้จริง

     “หัวใจสำคัญ เจ้าอาวาสต้องมีหลักคุณธรรม เมตตาธรรม และควรมีระบบระเบียบการบริหารจัดการที่ดี และต้องมีความเข้าใจถึงธรรมชาติของญาติโยมในชุมชนคนใกล้วัดว่ามีพื้นฐานเช่นไร โดยส่วนตัวอาตมายึดหลัก บ้านกับวัดต้องอยู่ด้วยกันได้อย่างร่มเย็นเป็นสุข เกื้อหนุน เกื้อกูลซึ่งกันและกัน” หลวงพี่น้ำฝนกล่าว



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20151009/214822.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ