ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ภัยที่ใหญ่กว่า การตั้งจิตไว้ผิด..ไม่มี  (อ่าน 2654 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ภัยที่ใหญ่กว่า การตั้งจิตไว้ผิด..ไม่มี
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 09:03:10 am »
0


ภัยที่ใหญ่กว่า การตั้งจิตไว้ผิด..ไม่มี
วิปัสสนาบนหน้าข่าว โดยพิสุทธิ์ เกรียงบูรพา

ข่าวใหญ่การตายของอดีตเซียนพระนักระดมทุน-ระดมบุญ ผู้ลือลั่นคนหนึ่งในสยามประเทศ เป็นกรณีศึกษาที่น่าสะท้อนใจไม่เฉพาะชาวพุทธเราเท่านั้น แต่มันมีนัยสำคัญมากสำหรับ “คนดี” หรือคนที่คิดว่าตนเองพยายามเป็นคนดีแล้ว แต่ยังไม่มีใครมองเห็นความดีของตน...อย่างยิ่งยวด

อย่างไรก็ตาม ก็ขอให้เขาเดินทางในสัมปรายภพไปจนถึงสุคติด้วยเทอญ ด้วยความกตัญญูกตเวทีในจิตใจของเขา และความสำนึกผิดบาป อันเป็นสิ่งสำคัญที่มนุษย์ใจประเสริฐพึงมี และเขาก็มีสิ่งนี้ไม่น้อยในจิตใจของเขา

คนเราส่วนใหญ่อาจเคยประสบและพรรณนาความน้อยใจ ไม่ว่าจะเป็น...ทำดี ได้ดี มีที่ไหน  ทำชั่ว ได้ดี มีถมไป เช่นว่า  พ่อผมเป็นคนช่วยเหลือคน  ช่วยจนหมดตัว ไม่เห็นมีใครตอบแทนคุณเลย? แม่ผมเป็นคนทำบุญช่วยคนไม่ขึ้น  คนที่คุณแม่ช่วยเหลือทั้งหมด สะกดคำว่า “กตัญญู” กันไม่เป็นเลยสักคน! ฯลฯ ผมเองช่วงแรกๆ ของการทำงานเผยแผ่ธรรมะ ก็ยังเคยไปปรารภกับพระอาจารย์อนันต์ อกิญจโน วัดมาบจันทร์ จ.ระยอง
       “ท่านอาจารย์ครับ...เวลาเราทำความดีแล้ว บางครั้งก็ท้อแท้ใจเหมือนกันนะครับ”
       “ทำไมจึงคิดแบบนั้นเล่า...พิสุทธิ์”
       “ก็เพราะไม่เห็นใคร จะเห็นคุณค่า”
       “ถ้าเช่นนั้นแสดงว่าเป็นคนดี ไม่จริง!”


 :96: :96: :96: :96:

บทสนทนาสิ้นสุดลงแค่ตรงนั้น ประหนึ่งการถ่ายทอดแบบเซน (Zen) ที่ไม่ต้องการคำอธิบายมากมายในรายละเอียด นอกเสียจากการกระแทกทางจิต (Impact) ที่เกิดขึ้น ครั้งเดียวก็เกินพอ  โยมจดจำไม่ลืมเลย สอดคล้องกับคำของท่านอาจารย์พุทธทาส...ที่ว่า  “เราจะได้ไม่อกแตกตายไปเสียก่อน (Refer...) คนดี หลายคนโดยเฉพาะชาวพุทธในแผ่นดินไทย”

       ชอบกันนัก  แบบว่าทำบุญ แล้วคาดหวังผล  เป็นคนดีแล้วคาดหวังการยอมรับนับถือ
       ถามว่าบุญ และ “การยอมรับนับถือ” จะมาจากไหน?
       และจะเอามันไปไหน? ถ้ายังจะแบกรับ  ขนถ่ายกันไปยังที่ไหนสักแห่งนั้นแสดงว่า...ยังมีตัวตนอย่างหนาแน่น  เกินขุดถอนไปได้  ตึกรามสูงเสียดฟ้าเป็น ๑๐๐ ชั้น ต้องฝังเสาเข็มลงลึกฉันใด อย่างมากก็อยู่ไม่เกิน ๓๐๐ ปี แต่รากลึกเหนียวแน่นหนาของจิตมนุษย์อันอุดมไปด้วยตัวกูของกูนั้นเป็นอสงไขย!

      คน “ติดดี” น่ะมันแกะยากว่าคน “ติดชั่ว” อีกนะครับท่าน ทำความเข้าใจตรงนี้ให้ดีๆ จะได้ไม่มีคนที่ทำท่าจะดี  ทำประโยชน์มากมายให้สังคมและจมจ่อมกับความทุกข์-ความยึดมั่นถือมั่น
      คิดว่าเงินทำบุญที่เรี่ยไรมานั้นเป็นของกู  คิดว่าความดีทั้งผองเป็นของกูแต่เพียงผู้เดียว ฯลฯ  แล้วมานั่งตีอกชกตัวว่าทำไมไม่มีใครเห็นคุณค่าของเราเลยซะงั้น  กรณีเช่นนี้แหละครับที่พระท่านว่าเรายังไม่ดีจริง


        :25: :25: :25: :25:

       การตั้งจิตไว้ผิดที่นั้นเป็นภัยอันตรายยิ่งใหญ่กว่าศัตรูร้ายยกกองทัพมาโจมตีเราเสียอีก!
       เพราะตั้งจิตไว้ไม่ถูกแต่แรก  การบำเพ็ญเพียรทำความดีก็เลยผิดไปเสียหมด

“สัมมาทิฐิ” จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงย้ำนักย้ำหนา แม้ในมรรคมีองค์ ๘  ท่านก็ยกให้เป็นองค์ประธาน เพียงมีสัมมาทิฐิเท่านั้นก็เหมือนตะวันเบิกอรุณ ยังไงตะวันก็ต้องโผล่พ้นขอบฟ้าเข้าสักวัน แต่หากขาดสัมมาทิฐิ  มีแต่จะตั้งจิตไว้ผิดที่ เช่นทำบุญก็หวังรวย  รักษาศีลก็หวังสวยในชาติหน้า  ตั้งใจภาวนาก็หวังว่าชาติหน้าเกิดมาฉลาดเฉลียว ทำดีก็หวังคนมายกหู ชูหาง ฯลฯ ก็จะเสียของเอาเปล่าๆ ประหนึ่งติดกระดุมเม็ดแรกผิด  เม็ดต่อๆ ไปก็จะผิด  แก้ไขให้ตายก็ไม่เรียบร้อย

      คล้ายๆ กฎข้อ ๑ ในระบบ ISO 9000 “Do it right at the first time” ทำบุญก็คือสละละตัวกู ของกู
      รักษาศีลก็เพื่อความเป็นปกติ  มิต้องจำอวดใคร
      ภาวนาก็เพื่อทำจิตให้นิ่งจนเกิดพลังจิตตานุภาพ เห็นสภาพเกิดดับของทุกข์ เพื่อดับทุกข์ในที่สุด




หากชาวพุทธคิดกันแบบนี้ก็จะไม่มีโอกาสเป็นบ้าหรือฆ่าตัวตายแต่อย่างใด นี้เป็นระดับปรมัตถธรรม หรือถ้าท่านคิดว่ามันยากเกินไปล่ะก็ ยังมีการทำความดีแบบไม่ยึดติดระดับเริ่มต้น (Beginner)  ก็คือ ให้น้อมนำหลักพรหมวิหารสี่ไปพิจารณา

คนเริ่มทำความดีมักจะมีพื้นฐานมาจากความมีเมตตาและลงมือทำช่วยเหลือคนด้วยความกรุณา  เมื่อเห็นพวกเขาลืมตาอ้าปากได้แล้ว  บางทีอาจจะพัฒนาไปได้ไกลกว่าเราเสียอีก ก็ไม่มีอิจฉาแต่อย่างใด ใจมุ่งแต่จะมุทิตา (เห็นเขาดีก็ดีใจ  ปลื้มใจด้วย) สุดท้ายก็ปล่อยวางสิ้นทั้งหมด  เพราะทำงานด้วยจิตว่างและยกผลงานให้ความว่างเสมอมา ดังที่ท่านอาจารย์พุทธทาสกล่าวไว้ไม่มีผิด

เมื่อใจเป็นอุเบกขา ประหนึ่งพ่อเลี้ยงลูกให้เติบโตขึ้นมา แม้ต้องทุ่มเททั้งเวลา ทั้งหมดเงินเป็นล้านๆ บาท ก็ไม่เคยคิดจะเอาคืนแม้แต่สตางค์แดงเดียว ไม่ใส่ใจด้วยว่าลูกๆ จะมายกย่องเทิดทูนพระคุณพ่อหรือเปล่า  ไม่ใช่สาระสำคัญเท่าการได้ทำหน้าที่ของพ่อคนหนึ่งเท่านั้น เพราะธรรมะคือหน้าที่

นี้ก็เป็นระดับโลกียธรรม หากใครไม่เอาความหลุดพ้น ก็จงมีใจเป็นพรหมวิหารสี่  มุ่งมั่นปฏิบัติธรรม ทำหน้าที่ ทำความดีกันต่อไป จะใส่ใจอะไรว่าใครจะเห็นคุณค่าหรือไม่ หากอยากจะคิดพิจารณาจริงๆ ก็ให้หันเข้ามาพิจารณาจิตตนกันดีกว่า ที่เราทำความดีอยู่นั้น...ดีจริงหรือเปล่า


 ans1 ans1 ans1 ans1

ทำดีเพื่ออะไร.? หรือทำดี แล้วอยากเข้าเฝ้า  รับรางวัล  รับพัดยศ  ได้เป็นศิลปินแห่งชาติ  ได้ประกาศรางวัลแมกไซไซ (Ramon Magsaysay Award) ฯลฯ นั่นก็เท่ากับยังไม่ดีจริง เป็นพวกบ้าดี เมาบุญ  ตุนกุศลไปเกิดใหม่กันท่าเดียวอยู่ดี

              ทำดี เพื่อดี มีใครเห็น
              ทำดีอยากเด่นเป็นไฉน
              ปฏิบัติธรรม แล้วอยากรวย รวยทำไม
              คงรวยได้แต่กิเลส ตัณหาบาน

              ปฏิบัติธรรม ทำดีคือหน้าที่
              ทำความดีเพื่อเย็นเป็นนิพพาน
              ลดตัวกู ของกู จนเบาบาง
              ไม่มีฉัน ไม่มีใคร ให้เห็นเอยฯ


ขอบคุณบทความจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20151110/216620.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

นิรตา ป้อมนาวิน

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +20/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 1212
  • อย่างน้อยชาตินี้ขอปิดอบายภูมิ
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: ภัยที่ใหญ่กว่า การตั้งจิตไว้ผิด..ไม่มี
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2015, 06:35:34 pm »
0
 st11 st12 :25: like1
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ