ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: มรณานุสติกับพุทโธ : อายุของมนุษย์มีน้อย พึงประพฤติดุจคนที่ศีรษะถูกไฟไหม้  (อ่าน 2539 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29307
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



มรณานุสติกับพุทโธ
ธรรมะยู-เทิร์น โดยอิทธิโชโต

 
อปฺปมายุ มนุสฺสานํ หิเฬยฺย นํ สุโปริโส จเรยฺยาทิตฺตสีโสว นตฺถิ มจฺจุสฺส นาคโม
 
อายุของมนุษย์มีน้อย คนดีพึงดูถูกอายุนั้นเสีย พึงประพฤติดุจคนที่ศีรษะถูกไฟไหม้ มฤตยูจะไม่มาถึงย่อมไม่มี

(พุทธ)สํ.ส.๑๕/๑๕๘.ขุ.มหา.๑๙/๑๔๓.)
 
 :96: :96: :96: :96:

ทุกชีวิตไม่อาจเลี่ยงพ้นความตายได้ และไม่อาจกำหนดได้เลยว่าเมื่อใดความตายจะมาพรากเราไปจากของรักของหวงไปจนหมดสิ้น หนทางเดียวก็คือ ทำความรู้จัก ทำความเข้าใจ ทำความคุ้นเคย กับความตาย ทุกลมหายใจเข้า ทุกลมหายใจออก ดังที่พระพุทธองค์ให้เราพิจารณา’มรณานุสติ’ ตลอดเวลา

แล้วเราจะพบว่า เป็นเรื่องแปลก เมื่อยิ่งระลึกถึงความตายบ่อยเท่าไร กลับไม่กลัวตาย จนกระทั่งความตายจะมาเยือนในที่สุด เราก็จะสามารถมีสติระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามได้เพื่อการเดินทางไปสัมปรายภพอย่างสุคติ

“มรณานุสติ” กับ “พุทโธ” จึงต้องภาวนาควบคู่กันไป ผู้ใดเจริญมรณานุสติอยู่เสมอ หากย่อลงมาก็คือ การภาวนา “พุทโธ” นั่นเอง ซึ่งก็คือ การทำจิตให้สงบก่อน หลังจากจิตสงบแล้ว ก็ให้ใช้ปัญญาในการพิจารณาอสุภะ ให้เห็นว่า ร่างกายเราไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และไม่อาจยึดไว้ได้



สำหรับคนที่คิดว่า เวลาจะตาย แล้วค่อยคิดถึงพุทโธ คิดถึงพ่อแม่ครูอาจารย์ พอถึงเวลาเจียนตัวก็ทำไม่ได้ เนื่องจากเวลาปกติไม่ได้ฝึกไว้ ดังนั้น จะตายอย่างดี ก็ต้องฝึกมาอย่างดี

การฝึกมาอย่างดีก็ต้องตอนที่ร่างกายดีๆ แล้วฝึกอย่างต่อเนื่อง ไม่เช่นนั้น ไม่ทันแน่ เวลาจวนเจียน เช่น เมื่อความเจ็บไข้ได้ป่วยมา เวทนาก็มา อุปสรรคของความเจ็บไข้ได้ป่วย คือ “เวทนา” คนเป็นมะเร็งจะเจ็บปวดมาก ถึงเวลานั้นจะยอมรับได้ไหม ก็ต้องร้องโอดโอย เพราะมันทุกข์ทรมานมาก จะมานึกถึงพุทโธไหวอย่างไร เนื่องจากตอนดีๆ อยู่ไม่เคยฝึก ไม่เคยคิดว่าเวทนามันจะรุนแรงขนาดนี้ เวลาเผชิญต่อหน้ามันจะทำได้หรือ

ไม่ต้องพูดถึงโยม พระบางรูปยังทำไม่ได้ เมื่อเวทนามาถึง เมื่อความเจ็บปวดมาเยือน ถ้าคนที่อบรมสติมาดีบ้างก็ยังอุ่นใจอยู่ มีที่ยึดเหนี่ยวอยู่ แต่ปุถุชนคนธรรมดา ไม่เคยสร้างไม่เคยภาวนาจะเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่วิบากใคร วิบากมัน คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็หวงแหนมันเข้าไป ใช้มันเข้าไป ไม่เคยนึกถึงว่าวันหนึ่งก็ต้องจาก ก็ต้องพราก


 st12 st12 st12 st12

ดังนั้น การภาวนาเป็นต้นทุนไว้ก่อน เมื่อเวลานั้นมาถึงก็ไม่ต้องห่วงอะไร พร้อมที่จะทิ้งสิ่งของภายนอกได้ตลอดเวลา เพราะชีวิตเรายังจะทิ้งมันอยู่ ถ้าเป็นเงินทอง หนี้สิน มันใช้ชั่วคราว ถึงเวลานั้นถ้าไปยึดติด ก็เหมือนกับจิตถูกตาข่ายยึดให้ติดกับสังขารร่างกายไว้

หน้าที่ ณ ตอนนั้นของคนที่ฝึกฝนทางด้านจิตใจมาดีจะไม่สนใจเรื่องข้างนอก สนใจแต่เรื่องเฉพาะหน้าเท่านั้น คือ รักษาจิตของตัวเอง ไม่ต้องไปสนใจจิตใจคนอื่น

สำหรับพระอริยะที่ฝึกจบแล้ว ก็ไม่มีปัญหา เสร็จกิจแล้ว พรหมจรรย์นี้จบแล้ว ไม่มีกิจอื่นต้องทำ เราอยากจะตายแบบนี้ไหม ถ้าอยากตายแบบไปสบายๆ ก็ต้องฝึก แล้วจะเห็นว่า เราสามารถที่จะมีความตายเป็นเพื่อนได้ แม้ยังไม่เป็นพระอริยะก็ทำได้...


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20151125/217459.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

         ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา