ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นมัสการเกจิดัง ชมสถาปัตย์อีสาน รับตะวันใหม่ '59 ที่ ‘อุบลราชธานี’  (อ่าน 816 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



นมัสการเกจิดัง ชมสถาปัตย์อีสาน รับตะวันใหม่ '59 ที่ ‘อุบลราชธานี’

ประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างเมืองที่ยาวนานกว่า 223 ปี ทำให้ที่นี่เคยเป็นเมืองหลักของมณฑลอีสาน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น “เมืองนักปราชญ์” เพราะเป็นถิ่นเกิดของเกจิและอริยสงฆ์หลายรูป

ถิ่นบัวงามนาม “อุบลราชธานี” จังหวัดเดียวที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ราชธานี” พื้นที่ครอบคลุมที่ราบและแม่น้ำสายสำคัญของภาคอีสานถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่หลายสาย อุบลราชธานีจึงเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี สมกับที่ได้ชื่อ ว่าเป็น “เมืองคนดี” โดยมี “อนุสรณ์แห่งความดี” (Monument of merit) สัญลักษณ์การันตีที่ลูกหลานอดีตเชลยศึก และอดีตทหารเชลยศึก ในสงครามมหาเอเชียบูรพาร่วมสร้างไว้ให้เป็นอนุสรณ์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความดีจากการเข้าช่วยเหลือทหารพันธมิตรซึ่งเป็นเชลยศึกกองทัพญี่ปุ่น


 :49: :49: :49: :49:

ประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างเมืองที่ยาวนานกว่า 223 ปี ทำให้ที่นี่เคยเป็นเมืองหลักของมณฑลอีสาน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น “เมืองนักปราชญ์” เพราะเป็นถิ่นเกิดของเกจิและอริยสงฆ์หลายรูป มีสถาปัตยกรรมวัด โบสถ์ที่สวยงาม พุทธศาสนิกชนที่มีโอกาสมาเยือนจึงไม่พลาดที่จะแวะนมัสการรูปหล่อเหมือน “หลวงปู่ชา” พร้อมศึกษาคติธรรมที่ “วัดหนองป่าพง” แล้วเลยไปฟังธรรมะกับพระฝรั่งที่ “วัดป่านานาชาติ” วัดสาขาของวัดหนองป่าพงท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นเงียบสงบ

มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองอุบลราชธานีไปนมัสการ “พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์” ที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 2 องค์ที่ “วัดพระธาตุหนองบัว” จากนั้นเดินทางไปชมความงามวิจิตรของ “สิมวัดแจ้ง” พุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดให้เห็นผ่านสถาปัตยกรรมแบบอีสาน ซึ่งมีจำหลักไม้ที่อ่อนช้อยสวยงาม ทั้งนาคสะดุ้ง ช่อระกา หางหงส์ หน้าบันจกหลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ชม “หอไตรกลางน้ำ” แห่ง “วัดทุ่งศรีเมือง” สถาปัตยกรรมผสมไทย-ลาว-พม่า ที่เรียกได้ว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ซึ่งเคยได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นมาแล้ว





ออกจากตัวเมืองอุบลราชธานีสู่อำเภอสิรินธรก่อนถึงชายแดนไทย-ลาวช่องเม็ก แวะขึ้นชมความงามของอุโบสถ “วัดภูพร้าว” หรือ “วัดสิรินธรวราราม” หรือ “วัดเรืองแสง” จำลองแบบมาจากวัดเชียงทอง สปป.ลาว ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้มองเห็นไกลถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร และพรมแดนช่องเม็ก ลงจากภูพร้าวเลยไปชอปปิงที่ตลาดช่องเม็กและข้ามฝั่งไป สปป.ลาวบ้านวังเต่า มีร้านค้าปลอดภาษีให้เลือกช้อป

วกกลับคืนทางลัดสู่ข้ามถนนหลัง “เขื่อนปากมูล” ผ่านสู่อำเภอโขงเจียม ประตูของถิ่นมหัศจรรย์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของอุบลราชธานี โดยแวะ “วัดถ้ำคูหาสวรรค์” กราบนมัสการสรีระ “หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี” บรรจุในโลงแก้วภายในถ้ำขนาดใหญ่ จากจุดที่ตั้งของวัดสามารถมองเห็นทัศนียภาพอำเภอโขงเจียม และแม่น้ำโขงคดเคี้ยวออกจากไทยสู่ประเทศ สปป.ลาว ลงเขามุ่งสู่ตัวอำเภอโขงเจียมชมความงามจุดที่แม่น้ำมูลไหลลงเชื่อมประสานแม่น้ำโขงเกิดปรากฏการณ์ “แม่น้ำสองสี” ที่ดอนด่าน ผู้คนมักเรียกว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม”


 :welcome: :welcome: :welcome: :welcome:

จากตัวอำเภอโขงเจียมไปตามถนนยุทธศาสตร์ผ่านเข้าแวะชมภาพเขียนประวัติ ศาสตร์ 4000 ปีที่ “อุทยานผาแต้ม” ชมทัศนียภาพสองฝั่งโขงที่มองจากหน้าผาลานผาแต้ม ที่จุดนี้สามารถตั้งเต็นท์เพื่อรอชมความงามทะเลหมอกยามเช้าที่ลานผาแต้ม-ผาหมอน พร้อมรับแสงแรกแห่งอรุณเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง นอกจากนี้ยังมี น้ำตกสร้อยสวรรค์, น้ำตกทุ่งนาเมือง, น้ำตกลงรู หรือน้ำตกแสงจันทร์ และเถาวัลย์ยักษ์ เถาว์สะบ้าป่าที่เกี่ยวพันกันเป็นเกลียวมีขนาดใหญ่โต กว่า 90 ซม. ความยาวของเถาวัลย์กว่า 1 กิโลเมตรว่ากันว่ามีอายุกว่า 400 ปี

ลึกเข้าไปสู่ “ป่าดงนาทาม” เพชรเม็ดงามของเมืองอุบลราชธานี เหมาะกับผู้ชอบท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตื่นเช้าชมทะเลหมอก พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามที่ “ผาชะนะได” ผืนดินตะวันออกสุดของไทยมีมนต์เสน่ห์ของหินรูปทรงแปลกตาอย่างเสาเฉลียงและหินรูปร่าง ต่าง ๆ ตามจินตนาการ, น้ำตก, ทุ่งดอกไม้ป่า





เดินทางต่อเข้าสู่เขต “อุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก” ลักษณะธรณีวิทยาประกอบด้วยหินตะกอนยุคจูแรสซิก ถึงตะกอนร่วนยุคควอ เทอร์นารี นับอายุถึงปัจจุบันกว่า 200 ล้านปี ก่อนให้เกิดผาหินและเนินเขารูปทรงแปลกตา เริ่มจาก “ภูสมุย” ชมความงามพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น และทัศนียภาพที่สวยงามยามเช้า ช่วงเทศกาลปีใหม่ อบต.สำโรง มีการจัดกิจกรรม “นอนภูดูดาวที่ภูสมุย” พร้อมชมความมหัศจรรย์ “เสาเฉลียงยักษ์” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และดูร่องรอยการเก็บศพคนโบราณระดับผู้นำกลุ่มที่ “ภูโลง” และล่องเรือชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งของหน้าผาสูงชันริมฝั่งแม่น้ำโขง และมหัศจรรย์ธรรมชาติของหน้าผา “สามหมื่นรู”

ออกจากบ้านผาชัน ไปตามถนนยุทธศาสตร์ระยะทาง 16 กิโลเมตรถึงบ้านโป่งเป้า อำเภอโพธิ์ไทร แวะเข้าชมแหล่งมหัศจรรย์เวิ้งแม่น้ำโขงยามสายน้ำโขงลดขอดในร่องน้ำลึก ปรากฏหินที่มีรูปร่างแปลกตามากมายด้วยรู หลุม บนแผ่นหินในแม่น้ำโขง “สามพันโบก” ที่น้ำใสเขียวดั่งมรกต ขังตามหลุมแอ่ง ดูสวยงาม ทั้งสระอโนดาต, สระน้ำมรกต, โบกรูปหัวใจคู่ , โบกมิคกี้เมาส์, หินหัวสุนัข เป็นต้น พร้อมถ่ายรูปตะวันยามเช้าและเย็น


 like1 like1 like1 like1

กลับเข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานีก่อนจากอย่าลืมแวะ พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ “Country of Art 3 D Gallery” แกลเลอรี่ภาพ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดพร้อมภาพแหล่งท่องเที่ยวสำคัญไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ รวมกว่า 400 ภาพ อยู่ริมถนนทางเข้าสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี.




เรื่องกิน เรื่องใหญ่

อุบลราชธานีมีอาหารหลากหลายรูปแบบไว้ให้ได้เลือกลิ้มรส ทั้งอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเช้าแบบเบา ๆ อาหารอีสานพื้นบ้านขึ้นชื่อ เริ่มต้นเช้า ๆ ในตัวเมืองที่ “ร้านสามชัย” มีอยู่ 2 สาขา หน้าศาลจังหวัด ถนนผาแดง และเยื้องจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ถนนเทพโยธี เมนูแนะนำยามเช้าสำหรับคอกาแฟ คือ กาแฟโบราณกับชาอู่หลงอุ่น ๆ ทานกับข้าวต้มทรงเครื่องตามสั่ง, โจ๊ก, ต้มเลือดหมูดัง, กวยจั๊บญวน, ไข่กระทะร้อน ๆ เสิร์ฟคู่กับขนมปังไส้กุนเชียง-หมูยอ ความพิเศษของที่นี่นอกจากกาแฟคั่วเองแล้ว กุนเชียงและหมูยอ ก็ผลิตเองจากโรงงานสามชัยกรุ๊ป

ท่านที่เน้นอาหารสุขภาพแนะนำ “ร้านครัวเช้า” อาหารหลากหลายเน้นส่วนปรุงที่เป็นพืชผักและธัญพืช ส่วนประกอบหลักคือ “สำรอง” หรือ “หมากจอง” ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เมนูเด่นที่อยากแนะนำคือ ชุดโจ๊ก 9 ทรัพย์ ประกอบด้วยโจ๊กข้าว organic 5 สายพันธุ์, น้ำลูกสำรอง, ซุปลูกสำรอง ที่มีเห็ด 3 เซียน, ธัญพืช (ข้าวโพด, ถั่ว, แครอท) และลอยแก้วลูกสำรอง มีทั้งร้อนและเย็น เป็นขนมหวาน

 :sign0144: :sign0144: :sign0144: :sign0144:

หากชอบอาหารเวียดนามแนะนำ “อินโดจีน” ร้านที่เก่าแก่มีชื่อมานาน ตั้งอยู่ถนนสรรพสิทธิ์ อาหารแนะนำ ยำหัวปลี ใช้ปลีกล้วยตานีเสิร์ฟคู่กับข้าวเกรียบงา, กุ้งพันอ้อย, ขนมถ้วยญวน และ แนมเหนือง หรือ แหนมเนือง พิเศษตรงหมูปั้นย่างถ่าน แผ่นแหนมเนืองหรือเปาะเปี๊ยะบางนุ่ม น้ำจิ้มอร่อย ทานกับผักพื้นบ้านหลากหลาย

ใครที่อยากลิ้มรสอาหารอีสานแนะนำ “ร้านส้มตำจินดา” ตั้งอยู่หน้าโรงแรมลายทอง มีส้มตำหลากหลายเมนู เช่น ตำป่า, ตำถั่วหมูกรอบ, ตำปูหมูยอ ปลาร้าของร้านสั่งผลิตโดยเฉพาะและเคี่ยวจนหมดกลิ่นปลาร้า นอกนั้นยังมีเมนูปลา เช่น ต้มปลาคังใส่ผักขะแยง, อู๋หน่อไม้พุงปลา, ลาบปลาคัง, ลาบเป็ด

 :88: :88: :88: :88:

ออกไปที่โขงเจียม อาหารปลาสด ๆ จากแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงแนะนำ “ร้านอาหารแม่น้ำสองสี” ร้านอาหารแพลอยน้ำริมแม่โขงหน้าที่ว่าการอำเภอ เมนูปลาหลากหลาย พร้อมเมนูแนะนำ กุ้งแม่น้ำมูลเผา, กุ้งแม่น้ำมูลอบเกลือ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ยำ18 มงกุฎ และปลาบึกผัดฉ่า อิ่มแล้วจะข้ามไปเที่ยวบ้านใหม่สิงสำพัน เมืองชนะสมบูรณ์ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว จ่ายค่าเรือคนละ 45 บาท ก็ไปได้ทันที.





ข้าวฮาง ผ้าไหม เชี่ยนหมาก กะไหล่ทอง..ของฝากจากภูมิปัญญา

มูยอ หมูหยองอาจจะเป็นของฝากขึ้นชื่อที่ใครมาถึงอุบลฯ ต้องไม่พลาดซื้อกลับไป แต่ที่นี่ยังมีของฝากโอทอประดับ 5 ดาว อย่าง “ข้าวฮางงอกอินทรีย์” ของ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ชีวภาพศรีวิสุทธิ์ (ศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบธรรมชาติไร้สารเคมี) อำเภอวารินชำราบด้วย ซึ่งคัดเฉพาะพันธุ์ข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการโดดเด่นแตกต่างกันมาผสมกันจนได้สายพันธุ์ใหม่ ที่มีความหอม นุ่ม อร่อย เหมาะสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงวัย เด็กและสตรีมีครรภ์

“เทียนหอม” สินค้าโอทอประดับ 3 ดาวของ กลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม โดดเด่นตรงการประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ช่อดอกไม้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สมจริง โดยเฉพาะขอบและเส้นใยที่ทำขึ้นอย่างละเอียดของใบและดอก สามารถจุดได้จริงส่งกลิ่นหอมไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ


 :49: :49: :49: :49:

ส่วนผู้ที่มองหาผ้าไหม “ผ้าไหมและเสื้อสำเร็จรูป” ร้านอุบลกาญจน์ไหมไทย ต.บุ่งมะแลง อ.สว่างวีระวงศ์ สินค้าระดับ 4 ดาว มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าเมืองอุบลคือ “ผ้าไหมกาบบัว” ขณะที่ “ผ้าย้อมคราม” สินค้าระดับ 5 ดาวของ นายสุพัฒน์ สมเสนาะ บ้านห้วยสะคาม อ.โขงเจียม เป็นผ้าฝ้ายทอมือที่มีความโดดเด่นเพราะย้อมด้วยสีธรรมชาติจากเปลือกไม้ที่ให้สีต่าง ๆ ถือเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวของอุบลราชธานี

“ชุดเชี่ยนหมากทองเหลืองบ้านปะอาว” ของฝากที่มีเสน่ห์และคุณค่าทางศิลปะประดิษฐ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ชิ้นงานประกอบชุดเชี่ยนหมากใช้กรรมวิธีการหล่อแบบขี้ผึ้งหาย (Wax Loss) หลังจากการหล่อแล้วนำมาตกแต่งผิวและลวดลายด้วยกรรมวิธีการ “เสี่ยน” หรือการกลึงแบบโบราณ





สำหรับคนชอบเครื่องประดับ “เครื่องประดับกะไหล่ทอง” โอทอประดับ 5 ดาวของ กลุ่มเครื่องประดับชุบเงินชุบทอง บ้านก่อเอ้ อ.เขื่องใน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลวดลายประณีตสวยงาม เป็นเครื่องประดับแบบโบราณของชน “เผ่ากุลา” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องประดับทองที่สืบทอดต่อกันมา นอกจากนี้ยังมี “ภาพเขียนไทย” โอทอประดับ 4 ดาว ของ กลุ่มศูนย์อนุรักษ์ภาพเขียนไทย ต.ยาง อ.น้ำยืน ภาพเขียนสีน้ำบนผืนผ้าเกี่ยวกับพุทธประวัติในวรรณคดี เช่น กินนรีเล่นน้ำ, รามเกียรติ์ เป็นต้น

ผู้มองหาอาหารสุขภาพ ของฝากที่ควรพิจารณาคือ “หมากจอง” หรือ “สำรอง” สินค้าโอทอป ระดับ 3 ดาว ของ ร้านคุณเบลล์ โดย คุณกัลยา ชื่นไมตรี เนื้อสำรอง 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำไปรับประทานสดหรือนำไปปรุงแต่งเป็นอาหาร ขนมหวาน ได้ตามใจชอบ สนนราคา 120-450 บาทต่อกล่อง และที่นี่มี “ข้าวกล้องสวรรค์” ซึ่งเป็นข้าวสารผลิตจากข้าวอินทรีย์ 5 สายพันธุ์มีคุณค่าทางอาหาร

นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถขอข้อมูลได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี.


ทวีศักดิ์ บุตรจันทร์



ขอบคุณภาพและบทความจาก : http://www.dailynews.co.th/article/367178
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ