« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2015, 08:07:44 am »
0
นมัสการเกจิดัง ชมสถาปัตย์อีสาน รับตะวันใหม่ '59 ที่ ‘อุบลราชธานี’
ประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างเมืองที่ยาวนานกว่า 223 ปี ทำให้ที่นี่เคยเป็นเมืองหลักของมณฑลอีสาน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น “เมืองนักปราชญ์” เพราะเป็นถิ่นเกิดของเกจิและอริยสงฆ์หลายรูป
ถิ่นบัวงามนาม “อุบลราชธานี” จังหวัดเดียวที่ลงท้ายด้วยคำว่า “ราชธานี” พื้นที่ครอบคลุมที่ราบและแม่น้ำสายสำคัญของภาคอีสานถึง 3 สายด้วยกัน คือ แม่น้ำชี แม่น้ำมูล และแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่มีกำเนิดจากเทือกเขาในพื้นที่หลายสาย อุบลราชธานีจึงเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ ผู้คนมีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายเป็นคนที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี สมกับที่ได้ชื่อ ว่าเป็น “เมืองคนดี” โดยมี “อนุสรณ์แห่งความดี” (Monument of merit) สัญลักษณ์การันตีที่ลูกหลานอดีตเชลยศึก และอดีตทหารเชลยศึก ในสงครามมหาเอเชียบูรพาร่วมสร้างไว้ให้เป็นอนุสรณ์ เพื่อเป็นการรำลึกถึงความดีจากการเข้าช่วยเหลือทหารพันธมิตรซึ่งเป็นเชลยศึกกองทัพญี่ปุ่น

ประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างเมืองที่ยาวนานกว่า 223 ปี ทำให้ที่นี่เคยเป็นเมืองหลักของมณฑลอีสาน ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็น “เมืองนักปราชญ์” เพราะเป็นถิ่นเกิดของเกจิและอริยสงฆ์หลายรูป มีสถาปัตยกรรมวัด โบสถ์ที่สวยงาม พุทธศาสนิกชนที่มีโอกาสมาเยือนจึงไม่พลาดที่จะแวะนมัสการรูปหล่อเหมือน “หลวงปู่ชา” พร้อมศึกษาคติธรรมที่ “วัดหนองป่าพง” แล้วเลยไปฟังธรรมะกับพระฝรั่งที่ “วัดป่านานาชาติ” วัดสาขาของวัดหนองป่าพงท่ามกลางธรรมชาติที่ร่มรื่นเงียบสงบ
มุ่งหน้าเข้าสู่ตัวอำเภอเมืองอุบลราชธานีไปนมัสการ “พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์” ที่จำลองมาจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึง 2 องค์ที่ “วัดพระธาตุหนองบัว” จากนั้นเดินทางไปชมความงามวิจิตรของ “สิมวัดแจ้ง” พุทธศิลป์ที่ถ่ายทอดให้เห็นผ่านสถาปัตยกรรมแบบอีสาน ซึ่งมีจำหลักไม้ที่อ่อนช้อยสวยงาม ทั้งนาคสะดุ้ง ช่อระกา หางหงส์ หน้าบันจกหลักรูปพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ชม “หอไตรกลางน้ำ” แห่ง “วัดทุ่งศรีเมือง” สถาปัตยกรรมผสมไทย-ลาว-พม่า ที่เรียกได้ว่าสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งของภาคอีสาน ซึ่งเคยได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่นมาแล้ว 
ออกจากตัวเมืองอุบลราชธานีสู่อำเภอสิรินธรก่อนถึงชายแดนไทย-ลาวช่องเม็ก แวะขึ้นชมความงามของอุโบสถ “วัดภูพร้าว” หรือ “วัดสิรินธรวราราม” หรือ “วัดเรืองแสง” จำลองแบบมาจากวัดเชียงทอง สปป.ลาว ตั้งอยู่บนเนินเขาทำให้มองเห็นไกลถึงอ่างเก็บน้ำเขื่อนสิรินธร และพรมแดนช่องเม็ก ลงจากภูพร้าวเลยไปชอปปิงที่ตลาดช่องเม็กและข้ามฝั่งไป สปป.ลาวบ้านวังเต่า มีร้านค้าปลอดภาษีให้เลือกช้อป
วกกลับคืนทางลัดสู่ข้ามถนนหลัง “เขื่อนปากมูล” ผ่านสู่อำเภอโขงเจียม ประตูของถิ่นมหัศจรรย์แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติของอุบลราชธานี โดยแวะ “วัดถ้ำคูหาสวรรค์” กราบนมัสการสรีระ “หลวงปู่คำคะนิง จุลมณี” บรรจุในโลงแก้วภายในถ้ำขนาดใหญ่ จากจุดที่ตั้งของวัดสามารถมองเห็นทัศนียภาพอำเภอโขงเจียม และแม่น้ำโขงคดเคี้ยวออกจากไทยสู่ประเทศ สปป.ลาว ลงเขามุ่งสู่ตัวอำเภอโขงเจียมชมความงามจุดที่แม่น้ำมูลไหลลงเชื่อมประสานแม่น้ำโขงเกิดปรากฏการณ์ “แม่น้ำสองสี” ที่ดอนด่าน ผู้คนมักเรียกว่า “โขงสีปูน มูลสีคราม”

จากตัวอำเภอโขงเจียมไปตามถนนยุทธศาสตร์ผ่านเข้าแวะชมภาพเขียนประวัติ ศาสตร์ 4000 ปีที่ “อุทยานผาแต้ม” ชมทัศนียภาพสองฝั่งโขงที่มองจากหน้าผาลานผาแต้ม ที่จุดนี้สามารถตั้งเต็นท์เพื่อรอชมความงามทะเลหมอกยามเช้าที่ลานผาแต้ม-ผาหมอน พร้อมรับแสงแรกแห่งอรุณเสริมสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง นอกจากนี้ยังมี น้ำตกสร้อยสวรรค์, น้ำตกทุ่งนาเมือง, น้ำตกลงรู หรือน้ำตกแสงจันทร์ และเถาวัลย์ยักษ์ เถาว์สะบ้าป่าที่เกี่ยวพันกันเป็นเกลียวมีขนาดใหญ่โต กว่า 90 ซม. ความยาวของเถาวัลย์กว่า 1 กิโลเมตรว่ากันว่ามีอายุกว่า 400 ปี
ลึกเข้าไปสู่ “ป่าดงนาทาม” เพชรเม็ดงามของเมืองอุบลราชธานี เหมาะกับผู้ชอบท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ตื่นเช้าชมทะเลหมอก พร้อมชมพระอาทิตย์ขึ้นก่อนใครในสยามที่ “ผาชะนะได” ผืนดินตะวันออกสุดของไทยมีมนต์เสน่ห์ของหินรูปทรงแปลกตาอย่างเสาเฉลียงและหินรูปร่าง ต่าง ๆ ตามจินตนาการ, น้ำตก, ทุ่งดอกไม้ป่า 
เดินทางต่อเข้าสู่เขต “อุทยานธรณีผาชัน สามพันโบก” ลักษณะธรณีวิทยาประกอบด้วยหินตะกอนยุคจูแรสซิก ถึงตะกอนร่วนยุคควอ เทอร์นารี นับอายุถึงปัจจุบันกว่า 200 ล้านปี ก่อนให้เกิดผาหินและเนินเขารูปทรงแปลกตา เริ่มจาก “ภูสมุย” ชมความงามพระอาทิตย์ตกดินยามเย็น และทัศนียภาพที่สวยงามยามเช้า ช่วงเทศกาลปีใหม่ อบต.สำโรง มีการจัดกิจกรรม “นอนภูดูดาวที่ภูสมุย” พร้อมชมความมหัศจรรย์ “เสาเฉลียงยักษ์” ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และดูร่องรอยการเก็บศพคนโบราณระดับผู้นำกลุ่มที่ “ภูโลง” และล่องเรือชมทัศนียภาพ 2 ฝั่งของหน้าผาสูงชันริมฝั่งแม่น้ำโขง และมหัศจรรย์ธรรมชาติของหน้าผา “สามหมื่นรู”
ออกจากบ้านผาชัน ไปตามถนนยุทธศาสตร์ระยะทาง 16 กิโลเมตรถึงบ้านโป่งเป้า อำเภอโพธิ์ไทร แวะเข้าชมแหล่งมหัศจรรย์เวิ้งแม่น้ำโขงยามสายน้ำโขงลดขอดในร่องน้ำลึก ปรากฏหินที่มีรูปร่างแปลกตามากมายด้วยรู หลุม บนแผ่นหินในแม่น้ำโขง “สามพันโบก” ที่น้ำใสเขียวดั่งมรกต ขังตามหลุมแอ่ง ดูสวยงาม ทั้งสระอโนดาต, สระน้ำมรกต, โบกรูปหัวใจคู่ , โบกมิคกี้เมาส์, หินหัวสุนัข เป็นต้น พร้อมถ่ายรูปตะวันยามเช้าและเย็น

กลับเข้าสู่ตัวเมืองอุบลราชธานีก่อนจากอย่าลืมแวะ พิพิธภัณฑ์ภาพสามมิติ “Country of Art 3 D Gallery” แกลเลอรี่ภาพ 3 มิติที่ใหญ่ที่สุดพร้อมภาพแหล่งท่องเที่ยวสำคัญไทยและต่างประเทศ และอื่น ๆ รวมกว่า 400 ภาพ อยู่ริมถนนทางเข้าสนามบินนานาชาติอุบลราชธานี.

เรื่องกิน เรื่องใหญ่
อุบลราชธานีมีอาหารหลากหลายรูปแบบไว้ให้ได้เลือกลิ้มรส ทั้งอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารเช้าแบบเบา ๆ อาหารอีสานพื้นบ้านขึ้นชื่อ เริ่มต้นเช้า ๆ ในตัวเมืองที่ “ร้านสามชัย” มีอยู่ 2 สาขา หน้าศาลจังหวัด ถนนผาแดง และเยื้องจวนผู้ว่าราชการจังหวัด ถนนเทพโยธี เมนูแนะนำยามเช้าสำหรับคอกาแฟ คือ กาแฟโบราณกับชาอู่หลงอุ่น ๆ ทานกับข้าวต้มทรงเครื่องตามสั่ง, โจ๊ก, ต้มเลือดหมูดัง, กวยจั๊บญวน, ไข่กระทะร้อน ๆ เสิร์ฟคู่กับขนมปังไส้กุนเชียง-หมูยอ ความพิเศษของที่นี่นอกจากกาแฟคั่วเองแล้ว กุนเชียงและหมูยอ ก็ผลิตเองจากโรงงานสามชัยกรุ๊ป
ท่านที่เน้นอาหารสุขภาพแนะนำ “ร้านครัวเช้า” อาหารหลากหลายเน้นส่วนปรุงที่เป็นพืชผักและธัญพืช ส่วนประกอบหลักคือ “สำรอง” หรือ “หมากจอง” ที่มีคุณค่าทางอาหารสูง เมนูเด่นที่อยากแนะนำคือ ชุดโจ๊ก 9 ทรัพย์ ประกอบด้วยโจ๊กข้าว organic 5 สายพันธุ์, น้ำลูกสำรอง, ซุปลูกสำรอง ที่มีเห็ด 3 เซียน, ธัญพืช (ข้าวโพด, ถั่ว, แครอท) และลอยแก้วลูกสำรอง มีทั้งร้อนและเย็น เป็นขนมหวาน

หากชอบอาหารเวียดนามแนะนำ “อินโดจีน” ร้านที่เก่าแก่มีชื่อมานาน ตั้งอยู่ถนนสรรพสิทธิ์ อาหารแนะนำ ยำหัวปลี ใช้ปลีกล้วยตานีเสิร์ฟคู่กับข้าวเกรียบงา, กุ้งพันอ้อย, ขนมถ้วยญวน และ แนมเหนือง หรือ แหนมเนือง พิเศษตรงหมูปั้นย่างถ่าน แผ่นแหนมเนืองหรือเปาะเปี๊ยะบางนุ่ม น้ำจิ้มอร่อย ทานกับผักพื้นบ้านหลากหลาย
ใครที่อยากลิ้มรสอาหารอีสานแนะนำ “ร้านส้มตำจินดา” ตั้งอยู่หน้าโรงแรมลายทอง มีส้มตำหลากหลายเมนู เช่น ตำป่า, ตำถั่วหมูกรอบ, ตำปูหมูยอ ปลาร้าของร้านสั่งผลิตโดยเฉพาะและเคี่ยวจนหมดกลิ่นปลาร้า นอกนั้นยังมีเมนูปลา เช่น ต้มปลาคังใส่ผักขะแยง, อู๋หน่อไม้พุงปลา, ลาบปลาคัง, ลาบเป็ด

ออกไปที่โขงเจียม อาหารปลาสด ๆ จากแม่น้ำมูลและแม่น้ำโขงแนะนำ “ร้านอาหารแม่น้ำสองสี” ร้านอาหารแพลอยน้ำริมแม่โขงหน้าที่ว่าการอำเภอ เมนูปลาหลากหลาย พร้อมเมนูแนะนำ กุ้งแม่น้ำมูลเผา, กุ้งแม่น้ำมูลอบเกลือ, ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม, ยำ18 มงกุฎ และปลาบึกผัดฉ่า อิ่มแล้วจะข้ามไปเที่ยวบ้านใหม่สิงสำพัน เมืองชนะสมบูรณ์ แขวงจำปาสัก สปป.ลาว จ่ายค่าเรือคนละ 45 บาท ก็ไปได้ทันที. 
ข้าวฮาง ผ้าไหม เชี่ยนหมาก กะไหล่ทอง..ของฝากจากภูมิปัญญา มูยอ หมูหยองอาจจะเป็นของฝากขึ้นชื่อที่ใครมาถึงอุบลฯ ต้องไม่พลาดซื้อกลับไป แต่ที่นี่ยังมีของฝากโอทอประดับ 5 ดาว อย่าง “ข้าวฮางงอกอินทรีย์” ของ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ชีวภาพศรีวิสุทธิ์ (ศูนย์เรียนรู้การเกษตรแบบธรรมชาติไร้สารเคมี) อำเภอวารินชำราบด้วย ซึ่งคัดเฉพาะพันธุ์ข้าวที่มีคุณค่าทางโภชนาการโดดเด่นแตกต่างกันมาผสมกันจนได้สายพันธุ์ใหม่ ที่มีความหอม นุ่ม อร่อย เหมาะสำหรับผู้ป่วย ผู้สูงวัย เด็กและสตรีมีครรภ์
“เทียนหอม” สินค้าโอทอประดับ 3 ดาวของ กลุ่มผลิตภัณฑ์เทียนหอมเดชอุดม โดดเด่นตรงการประดิษฐ์เป็นรูปดอกไม้ช่อดอกไม้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่สมจริง โดยเฉพาะขอบและเส้นใยที่ทำขึ้นอย่างละเอียดของใบและดอก สามารถจุดได้จริงส่งกลิ่นหอมไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

ส่วนผู้ที่มองหาผ้าไหม “ผ้าไหมและเสื้อสำเร็จรูป” ร้านอุบลกาญจน์ไหมไทย ต.บุ่งมะแลง อ.สว่างวีระวงศ์ สินค้าระดับ 4 ดาว มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของผ้าเมืองอุบลคือ “ผ้าไหมกาบบัว” ขณะที่ “ผ้าย้อมคราม” สินค้าระดับ 5 ดาวของ นายสุพัฒน์ สมเสนาะ บ้านห้วยสะคาม อ.โขงเจียม เป็นผ้าฝ้ายทอมือที่มีความโดดเด่นเพราะย้อมด้วยสีธรรมชาติจากเปลือกไม้ที่ให้สีต่าง ๆ ถือเป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวของอุบลราชธานี
“ชุดเชี่ยนหมากทองเหลืองบ้านปะอาว” ของฝากที่มีเสน่ห์และคุณค่าทางศิลปะประดิษฐ์เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ชิ้นงานประกอบชุดเชี่ยนหมากใช้กรรมวิธีการหล่อแบบขี้ผึ้งหาย (Wax Loss) หลังจากการหล่อแล้วนำมาตกแต่งผิวและลวดลายด้วยกรรมวิธีการ “เสี่ยน” หรือการกลึงแบบโบราณ 
สำหรับคนชอบเครื่องประดับ “เครื่องประดับกะไหล่ทอง” โอทอประดับ 5 ดาวของ กลุ่มเครื่องประดับชุบเงินชุบทอง บ้านก่อเอ้ อ.เขื่องใน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลวดลายประณีตสวยงาม เป็นเครื่องประดับแบบโบราณของชน “เผ่ากุลา” ซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านการทำเครื่องประดับทองที่สืบทอดต่อกันมา นอกจากนี้ยังมี “ภาพเขียนไทย” โอทอประดับ 4 ดาว ของ กลุ่มศูนย์อนุรักษ์ภาพเขียนไทย ต.ยาง อ.น้ำยืน ภาพเขียนสีน้ำบนผืนผ้าเกี่ยวกับพุทธประวัติในวรรณคดี เช่น กินนรีเล่นน้ำ, รามเกียรติ์ เป็นต้น
ผู้มองหาอาหารสุขภาพ ของฝากที่ควรพิจารณาคือ “หมากจอง” หรือ “สำรอง” สินค้าโอทอป ระดับ 3 ดาว ของ ร้านคุณเบลล์ โดย คุณกัลยา ชื่นไมตรี เนื้อสำรอง 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำไปรับประทานสดหรือนำไปปรุงแต่งเป็นอาหาร ขนมหวาน ได้ตามใจชอบ สนนราคา 120-450 บาทต่อกล่อง และที่นี่มี “ข้าวกล้องสวรรค์” ซึ่งเป็นข้าวสารผลิตจากข้าวอินทรีย์ 5 สายพันธุ์มีคุณค่าทางอาหาร
นักท่องเที่ยวที่สนใจสามารถขอข้อมูลได้ที่สำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดอุบลราชธานี.
ทวีศักดิ์ บุตรจันทร์ขอบคุณภาพและบทความจาก :
http://www.dailynews.co.th/article/367178