ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: 'พระลิขิต' ปุจฉาร้อน โยงตั้งพระสังฆราช.?  (อ่าน 1137 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29439
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



'พระลิขิต' ปุจฉาร้อน โยงตั้งพระสังฆราช.?

การแต่งตั้ง สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ กำลังกลายเป็นประเด็นที่พุทธศาสนิกชน ทุกหมู่เหล่ากำลังให้ความสนใจมากที่สุดครั้งหนึ่ง ภายหลังกลุ่มคนเห็นต่าง เกี่ยวกับการแต่งตั้งพระสังฆราชพระองค์ใหม่ เริ่มออกมาเคลื่อนไหวในท่าทีที่แตกต่างกัน

แถมยังมีการหยิบยกประเด็นเรื่อง "พระลิขิต" ของสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช ที่ทรงให้ความเห็นเกี่ยวกับ พระเทพญาณมหามุนี หรือ หลวงพ่อธัมมชโย มารวมเป็นหนึ่งในท่าทีการเคลื่อนไหวด้วย

เพราะเหตุใด? พระลิขิต ฉบับดังกล่าวจึงถูกนำไปผูกโยงกับเรื่องที่มีความสำคัญเช่นนี้ ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะได้พยายามนำเสนอทุกแง่มุม มาให้ทุกท่านได้รับทราบนับจากบรรทัดนี้ เป็นต้นไป...

ที่ไปที่มาของ พระลิขิต?

นายไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และในฐานะที่เคลื่อนไหวเกี่ยวกับพุทธศาสนา กล่าวว่า ฝ่ายสนับสนุนการแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ประปัจจุบันพยายามเบี่ยงประเด็นว่าการคัดค้านการตั้งสมเด็จพระสังฆราชว่า เป็นกีดกันสมเด็จพระราชาคณะ อีกนิกายหนึ่งขึ้นมาเป็นพระสังฆราช ซึ่งเรื่องที่คัดค้านไม่เกี่ยวกับเรื่องนิกาย เพราะการแต่งตั้งดำเนินการตามอาวุโส แต่สิ่งที่เรามอง คือ สมเด็จพระสังฆราช นั้น ต้องมีวัตรปฏิบัติเป็นไปตามพระธรรมวินัยที่งดงาม เป็นที่เคารพรักของพุทธศาสนิกชนทั้งประเทศ

แต่สมเด็จฯ ที่ถูกเสนอชื่อนั้นมีพฤติกรรมสนับสนุนอุ้มชู พระธัมชโย ซึ่งกระทำผิดโดยตามคำวินิจฉัยของสมเด็จพระญาณสังวร ซึ่งท่านได้เคยมีพระลิขิตไว้ให้ปาราชิก ประเด็นอยู่ตรงนี้ นอกจากนี้ ยังถูกโยงความสัมพันธ์ว่าท่านมีฐานะเป็นพระอุปัชฌาย์ และยังมีเรื่องความสัมพันธ์อีกหลายเรื่องที่วัดทั้งสองแห่งเกื้อกูลกัน


ไพบูลย์ นิติตะวัน

ยืนยัน "พระลิขิต" ของจริง ตรวจสอบแล้ว

ส่วนมีคนตั้งข้อสังเกตว่า "พระลิขิต" เป็นของปลอมนั้น เรื่องนี้ นายไพบูลย์ ยืนยันว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินนำเรื่องนี้ไปพิจารณาหมดแล้ว ในเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว และสรุปคำวินิจฉัยว่า เป็นพระราชวินิจฉัยจริงของสมเด็จพระสังฆราช และบอกให้มีผลตามพระราชวินิจฉัย แต่ว่า มหาเถรสมาคมต่างหากที่ไม่ทำ ผู้ตรวจจึงส่งเรื่องไปยังนายกฯ และดีเอสไอด้วย ดีเอสไอ ตรวจสอบแล้วก็ยืนยันอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งหลายๆ ขั้นตอนก็ยืนยันว่าเป็นพระลิขิตจริง

ด้าน พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ เกี่ยวพระลิขิต ดังกล่าวว่า เบื้องต้นดีเอสไอ มีการตรวจสอบพระลิขิตดังกล่าวแล้ว แต่เนื่องจากไม่ได้มีหน้าที่ยืนยันข้อมูล ว่าเป็นของจริง หรือ ของปลอม จึงได้ส่งเรื่องไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อให้เป็นผู้ประกาศและเผยแพร่ แต่ล่าสุดเท่าที่ทราบ ยังคงไม่ได้มีท่าทีตอบรับใดๆ จาก สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทำให้วานนี้ (11 ม.ค.59) ทาง ดีเอสไอ จึงได้ทำหนังสือทวงถามไปยัง สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อขอความชัดเจน อีกครั้งแล้ว

หลังจากนั้น ทีมข่าวฯ จึงสอบถามไปยัง นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กลับได้รับคำตอบว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ยังไม่ได้รับทราบถึงหนังสือดังกล่าว และให้สอบถามเรื่องดังกล่าวไปที่ สำนักงานเลขามหาเถรสมาคมแทน..... จากนั้น ทีมข่าวฯ จึงได้สอบถามไปยัง สำนักงานเลขามหาเถรสมาคม ซึ่งปรากฏว่าได้มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง ออกมาให้ข้อมูลเพียงว่า ได้มีการตรวจสอบ พระลิขิต แล้ว แต่ตนเองไม่สามารถให้ข้อมูลได้ เพราะคนที่จะให้ข้อมูลและยืนยันเรื่องนี้ได้ดีที่สุดก็คือ นายสมชาย สุรชาตรี โฆษกสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบหมายโดยตรง!


วันชัย สอนศิริ

ยกเลิกพระลิขิต ได้หรือไม่ 2 ความเห็นที่แตกต่าง

พระลิขิตยกเลิกได้หรือไม่....คำถามสำคัญนี้ ทีมข่าวฯได้สอบถามไปยัง บุคคลที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมายและพระพุทธศาสนา

เริ่มต้นที่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า "ยกเลิกได้" การยกเลิกหรือละเลยคำสั่งไม่ดำเนินการได้ มันเป็นหลักการทั่วไป หรือ หลักกฎหมายธรรมดา ในเมื่อผู้ที่มาดำรงตำแหน่งต่อมีอำนาจ ซึ่งเรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราห่วง

ขณะที่ นายวันชัย สอนศิริ นักกฎหมายชื่อดังมีความเห็นต่างว่า "ทำไม่ได้" แม้จะเป็นพระสังฆราชองค์ใหม่มายกเลิกก็ไม่ได้ ทางกฎหมายก็ไม่ได้ เพราะเหมือนกับเป็นความเห็นของพระองค์ในขณะนั้น แม้จะเป็นพระบัญชาก็ยกเลิกไม่ได้ นอกจากตัวท่านเองจะดำริใหม่ และเรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยมีมาก่อน

ด้าน โฆษกสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวยืนยัน ว่า พระลิขิต ไม่สามารถยกเลิกได้ เพราะถือเป็นคำสั่งของสมเด็จพระสังฆราช ที่มีต่อคณะสงฆ์ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถยกเลิกได้ และคณะสงฆ์ต้องดำเนินการ


ความแตกต่างระหว่าง พระลิขิต กับ พระบัญชา

นอกจากนี้ ทนายความชื่อดัง ยังได้ระบุถึงความแตกต่างระหว่าง "พระลิขิต" กับ "พระบัญชา" ว่า...

"พระลิขิตก็เป็นเรื่องที่ท่านเขียน หรือเป็นลายลักษณ์อักษร ส่วนพระบัญชา คือ "คำสั่ง" เช่นสั่งการว่า ให้ทุกคนทำอย่างนั้นนะ ทำอย่างนี้นะอาจจะเป็นการสั่งการด้วยการพูด การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร หรือไม่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ถือว่าเป็นพระบัญชาได้"


ทนายวันชัย ให้ความเห็นถึงความแตกต่างระหว่างพระลิขิต กับ พระบัญชา

นายวันชัย อธิบายต่อไปว่า ถ้าเป็นเอกสารหลักฐานอย่างนี้ถือว่าเป็นพระลิขิต คำว่า พระลิขิต ก็คือท่านเขียนเองโดยตรง เป็นความเห็นเองโดยตรง แต่ประเด็นเรื่องนี้ไม่น่าจะต้องมาตีความว่าเป็นพระบัญชา เป็นพระลิขิต สรุปง่ายๆ ได้ว่า สมเด็จพระสังฆราช คือ พระราชาของพระสงฆ์ ตรัส แสดงความเห็น เป็นพระราชกระแส เป็นพระดำริ ทั้งหมดทั้งมวล นั้น ออกมาในเชิงความคิดเห็น ก็ถือว่าเป็นที่ยอมรับ เพราะผู้นำสูงสุดของพระสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การแสดงความคิดเห็น การเขียน ไม่ว่าจะเป็นพระบัญชา พระลิขิต เป็นการแสดงความคิดเห็นของผู้นำสูงสุดที่ทุกคนจะต้องสนอง เมื่อมีพระลิขิตใดมาแล้ว ทุกคน มหาเถรสมาคมต้องน้อมไปปฏิบัติ วงการคณะสงฆ์ต้องน้อมไปปฏิบัติ

"เรื่องแบบนี้ไม่ควรจะต้องมาเถียงกันว่าอันนี้เป็นพระบัญชา อันไหนเป็นพระลิขิต เพราะเป็นความเห็น จะออกมาจากปากก็ดี จะออกมาด้วยลายมือก็ดี ถ้ามาจากท่านสั่งโดยตรงก็ถือว่าควรจะสนอง หากไม่เป็นลายลักษณ์อักษรก็ถือเป็นพระบัญชา แต่เมื่อเป็นลายลักษณ์อักษรก็ยิ่งเป็นหลักฐาน"

ถ้าไม่ทำตามพระบัญชาผิดไหมในทางกฎหมาย...? ทนายความชื่อดัง ให้ความเห็นว่า ถ้าเราเคารพ สักการะแล้ว ควรจะต้องสนองงาน เพราะท่านเป็นประธานเป็นผู้นำสูงสุด การไม่สนองถือว่าคุณไม่ยอมรับในความเห็นของพระองค์ และมันเป็นสิ่งที่คุณควรจะต้องปฎิบัติไปตามตัวบทกฎหมายและพระธรรมวินัย บางเรื่องอาจจะไม่ใช่กฎหมายแต่เป็นพระธรรมวินัย เช่น บอกว่าเป็นปาราชิก ก็เป็นเรื่องของคณะสงฆ์จะต้องดำเนินการต่อไป การไม่ดำเนินการก็อาจจะขัดทั้งธรรมวินัยและขัดกฎหมาย


จรัล กุลละวณิชย์

ทางออกความขัดแย้ง การแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช...ที่ควรทำคือ!

ทางออกการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ควรจะออกในทิศทางใดนั้น ทีมข่าวฯ ได้ไปขอความเห็นจาก พล.อ.จรัล กุลละวณิชย์ ในฐานะประธานสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เรื่องนี้ มีอยู่ 3 ประเด็น คือ
     1.ควรดำเนินการแบบธรรมเนียม ประเพณี และกฎหมาย เคยตั้งกันมาอย่างไร กฎหมายว่าอย่างไรต้องทำตามนั้น นั่นคือขั้นตอนในการดำเนินการ
     2.การเลือกองค์บุคคลจะเลือกอย่างไร ตามแบบสามอย่างข้างต้นหรือไม่ กรณีนี้มีทั้งคนชอบและคนไม่ชอบด้วยเหตุผลต่างๆ กัน แต่ตนไม่สามารถให้ความเห็นได้ว่าเหตุใด เพราะตนไม่ใช่พระ ไม่รู้ว่าพระองค์ไหนดีหรือไม่ดี

"ประเด็นที่ 3 ปัญหาเกี่ยวกับศาสนาพุทธในบ้านเรานั้นมีอยู่เสมอ ส่วนความรับผิดชอบนั้นส่วนหนึ่งอยู่ที่ประชาชน สองอยู่ที่รัฐบาลซึ่งดูแลสำนักพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ขึ้นสังกัดอยู่ในสำนักนายกรัฐมนตรี ต้องถามนายกรัฐมนตรีว่าควรทำอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการยื่นเสนอ 3 แสนชื่อ ทางรัฐบาลจะต้องรับผิดชอบต่อประชาชน"

ประธานสภาองค์กรพระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาต้องให้คำแนะนำต่อรัฐบาลว่าควรจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประชาชน หรือในหมู่พระด้วยกัน แล้วรัฐบาลจึงตัดสินใจว่าจะทำหรือไม่ตามข้อเสนอ ในขณะนี้รัฐบาลก็ยังไม่ออกมาแถลงการณ์ใดๆ เลย มีแต่เพียงตัวบุคคลอื่นๆพูด ต้องถามสำนักพระพุทธศาสนาว่ามีข้อเสนอแนะอย่างไร

"สิ่งที่ควรหาคำตอบขณะนี้ คือ มีบ้างไหมที่ประเทศไทยเคยว่างเว้นจากการไม่มีพระสังฆราช มีความจำเป็นอย่างใดบ้างไหมที่จะต้องตั้งพระสังฆราชเสมอ หากเราไม่ตั้งพระสังฆราชถึง 20 ปี จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าหากบริหารโดยคณะกรรมการ จำเป็นต้องตั้งไหม ถ้าหากว่าตั้งแล้วจะเกิดข้อพิพาทกันขึ้น ตรงนี้น่าจะหยิบยกขึ้นมา จะทะเลาะกันทำไม ก็ยังไม่ต้องตั้งขึ้นมาสิ เพราะที่ผ่านมาในปัจจุบันก็ยังบริหารกันได้อยู่" พล.อ.จรัล ทิ้งท้ายให้คิด


โฆษก พศ. แจงปม "พระลิขิต" จบนานแล้ว

นายสมชาย โฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวกับทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ ถึงการดำเนินการเกี่ยวกับ "พระลิขิต" ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องในคณะสงฆ์ เรื่องนี้ไม่ได้เอาเข้าในมหาเถรฯ ซึ่งมันจบไปแล้ว เพราะไม่มีการพิจารณา เรื่องนี้จบไปตั้งแต่ปี 2542 แล้ว ส่วนมีการแต่งตั้งพระสังฆราชองค์ใหม่จะดำเนินการอย่างไรหรือไม่นั้น ตนคิดว่าเรื่องจบไปแล้ว

เมื่อถามตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันว่ามีบ้างหรือไม่ว่า ไม่ดำเนินการตามพระลิขิต โฆษก พศ. กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าพระลิขิต กับพระบัญชา แตกต่างกันอย่างไร จดหมาย คือ พระลิขิต ส่วน บัญชา คือ คำสั่ง ถ้ามีพระบัญชาเรื่องใดก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่ปฏิบัติตามก็ถือว่ามีความผิดพระสังฆราช ส่วนพระลิขิต เป็นจดหมายแสดงความคิดเห็น ไม่ได้สั่งใคร มีจดหมายถึง มหาเถรสมาคม ทาง มหาเถรสมาคม ก็ต้องเอาเรื่องเข้าว่าท่านมีความเห็นว่าอย่างไร ต้องแยกแยะกันให้ถูก

ในเมื่อยกเลิกไม่ได้และคณะสงฆ์ควรปฏิบัติตาม "พระลิขิต" จึงเป็นปุจฉาร้อนที่ยังรอคำตอบต่อไป...

สำหรับ ในวันพรุ่งนี้ (14 ม.ค.59) ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ จะพาแฟนๆ ไทยรัฐออนไลน์ทุกท่าน ไปท่องอดีต เพื่อลองทบทวนดูว่า ที่ผ่านมา ในประวัติศาสตร์ของสยามประเทศ อดีตประมุขสงฆ์ของประเทศไทย เคยมีพระลิขิตใดๆ ออกมาหรือไม่ และมี พระลิขิต ใด สั่นสะเทือนสุวรรณภูมิ เฉกเช่น พระลิขิต ของ สมเด็จพระญาณสังวรฯ ในกรณีนี้ หรือไม่? โปรดติดตาม



ขอบคุณภาพข่าวจาก
https://www.thairath.co.th/content/561730
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ