ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น่าสนใจ...จิตแพทย์พูดถึงคนเรียกร้องความสนใจในโซเชียล  (อ่าน 904 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29346
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



น่าสนใจ...จิตแพทย์พูดถึงคนเรียกร้องความสนใจในโซเชียล


"หมอครับ ...เราจะแยกยังไงระหว่างคนที่เรียกร้องความสนใจกับคนที่ต้องการความช่วยเหลือจริงๆบนโลกโซเชียล?"

...นี่เป็นคำถามที่ผมมักถูกถามบ่อยครั้ง ไม่ใช่แค่เพียงเมื่อวานนี้ที่เกิดเหตุน่าสลดจากการที่เด็กสาวคนหนึ่งส่งสัญญานขอความช่วยเหลือผ่านทางเฟสบุ๊คของเธอ และเรื่องจบลงตรงที่ สัญญาน S.O.S ที่ถูกส่งออกไปนั้น ไม่สามารถส่งความช่วยเหลือกลับมาหาเธอได้ทันเวลา

"ไม่ต้องแยกครับ" ...ผมตอบแบบนี้เสมอ

ไม่ต้องแยกจริงๆ เพราะสุดท้ายคนเหล่านี้ คือ คนที่ต้องการความช่วยเหลือทั้งหมดนั่นแหละ !!

กลุ่มที่ถูกตราหน้าว่าชอบเรียกร้องความสนใจ (Attention-seeker) มักจะถูกมองด้วยความเหยียดหยามจากคนรอบข้าง มักถูกสั่งสอนด้วยคำต่อว่าที่รุนแรงจากคนใกล้ตัว สุดท้ายมักจบลงด้วยคำพูดที่ว่า...

"อย่าเรียกร้องความสนใจ"

จบ...จบแค่ตรงนี้เสมอ...จบแบบเจ็บๆ

...น่าแปลก กลับไม่ค่อยมีคนตั้งคำถามต่อไปว่า "บุคลิกภาพแบบนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาได้อย่างไร?" "มีปมอะไรถูกซ่อนอยู่?" "หรือนี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของอาการที่รุนแรงในอนาคต?"

เราไม่มีทางรู้หรอก ว่าเด็กวัยรุ่นที่เอาลิปสติกขีดแขนเป็นปื้นแล้วเขียนสเตตัสว่าอยากตาย ท้ายที่สุดจะไม่พัฒนาเป็นเด็กที่หยิบคัตเตอร์มากรีดข้อมืออย่างเงียบๆจนต้องเข้าไอซียู


 :41: :41: :41: :41:

...ปัญหาทางสุขภาพจิตระยะแรกๆ มักเป็นแบบนี้แหละครับ ถูกแสดงออกอย่างไม่ตรงไปตรงมาและมักถูกมองข้าม สุดท้ายถูกปัดไว้ไปใต้พรมหรือฝังกลบไว้อยู่ใต้ดิน

รอสะสมพลังจนกลายเป็นระเบิดลูกใหญ่!

และจะแยกไปทำไม ในเมื่อ....

คนที่ต้องการความช่วยเหลือ คือคนที่"สังคม"ตัดสินว่า "เค้าน่าจะทำจริงๆ"

ส่วนคนที่เรียกร้องความสนใจ ก็คือคนที่"สังคม"ตัดสินว่า "เค้าไม่ทำจริงๆหรอก"

...เส้นบางๆตรงกลางที่ถูกขีดขึ้นมาโดย"คนอื่นในสังคม"

เราชอบตัดสินเรื่องของคนอื่น บนพื้นฐานชีวิตของตัวเอง ประสบการณ์ของตัวเอง และความเชื่อของตัวเอง .....ทั้งที่เป็นคนนอกแท้ๆ ไม่ได้อยู่กับเขา 24 ชั่วโมง ไม่ได้อยู่กับเขามาตั้งแต่เกิดซักหน่อยเลย

จะทำจริง หรือ ไม่ทำจริง ...เจ้าตัวต่างหากที่รู้ดีที่สุด

โลกเราเปลี่ยนไป...

 :96: :96: :96: :96:

ผู้ใหญ่จากยุคสมัยก่อนอาจมองว่าการเขียนหรือโพสท์อะไรไปในเฟสบุ๊คของเด็กสมัยนี้ คือ การโชว์ออฟ การเรียกร้องความสนใจ การเรียกไลค์ การระบายอารมณ์ หรือแม้กระทั่งการอยากเป็นคนโด่งดังแบบเน็ทไอดอล

นั่นเพราะคนเหล่านั้นขาดความเข้าใจในความสัมพันธ์ของสังคมโซเชียลกับชีวิตเด็กยุคดิจิตอลในปัจจุบัน

เด็กรุ่น Generation Me เป็นต้นมา ได้หลอมรวมการสื่อสารในชีวิตประจำวันของตัวเอง ทั้งการรับสื่อมาและการสื่อสารออกไป เข้ากับโลกโซเชียลมีเดียไปหมดแล้ว โซเชียลมีเดียจึงไม่ใช่เพียงแค่เครื่องมือสื่อสารอีกต่อไป แต่มันผนวกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันเราไปโดยปริยาย

เพราะฉะนั้น การแสดงออกถึงเจตจำนงค์แห่งความตายผ่านทางโลกโซเชียลในยุคปัจจุบันนี้ จึงมักจะสะท้อนบางอย่างภายใต้จิตใจของคนๆหนึ่งได้เสมอ ไม่ว่าจะตั้งใจทำจริงๆหรือไม่ก็ตาม

เอาเป็นว่า ถ้าเรื่องแบบนี้ผ่านตาเรามา...เข้าไปช่วยเหลือเขาเถอะครับ ตั้งสติให้ดี ลดอคติที่อยู่ในใจ สุดท้ายจะให้ความช่วยเหลืออย่างจริงจัง หรือ พิมพ์แค่ "สู้ๆ" "เอาใจช่วยนะ" ก็ดีมากแล้ว

คุณแบบพวกนักเลงคีย์บอร์ดรุมกันแกล้ง รุมกันสับ รุมกันยุ นี่ผมขอเลยครับ...นี่มัน "ร่วมด้วย ช่วยกันฆ่า" ชัดๆ


ที่มา เฟซบุ๊ก Nat Varoth
http://webboard.news.sanook.com/forum/index.php?topic=4406794
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ