พิมพ์

[raponsan]

มหาสงกรานต์ มหามงคล ณ พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ นครนายก
ท่องไปในแดนธรรม เรื่องและภาพ ไตรเทพ ไกรงู

“สงกรานต์” เป็นภาษาสันสกฤต แปลว่า ผ่าน หรือ เคลื่อนย้ายเข้าไป ซึ่งในที่นี้หมายถึงพระอาทิตย์ผ่าน หรือเคลื่อนย้ายเข้าไปในจักรราศีหนึ่ง เรียกว่า สงกรานต์ปีหนึ่ง ๑๒  ราศี เวลาที่พระอาทิตย์ยกขึ้น ราศีเมษ เราเรียกเป็นพิเศษว่า มหาสงกานต์ เพราะถือว่าเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามคติโบราณ

ในปีพุทธศักราช ๒๕๕๙ นางสงกรานต์ ชื่อนางมัณฑาเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกจำปา มีแก้วไพฑูรย์ เป็นอาภรณ์ ภักษาหาร คือ นมและเนย พระหัตถ์ขวาถือเหล็กแหลม พระหัตถ์ซ้ายถือไม้เท้า และเสร็จไสยาสน์ ลืมพระเนตรมาบนหลังคัสพะ หรือลา

 

พระสุทธิธรรม สุทธิญาโณ หรือพระอาจารย์ต้อม ศิษย์พระมหาประดิษฐ์ ถิระธัมโม อดีตโหราจารย์ใหญ่ประจำวัดสุทัศนฯ กทม. บอกว่า ตามคำทำนายโบราณเกี่ยวกับอิริยาบถของนางสงกรานต์ หากนอนลืมตาในปีนั้น ประชาชนจะอยู่เย็นเป็นสุข และอีกอย่างหนึ่ง นางสงกรานต์เป็นนางสงกรานต์ประจำวันพุธ ทำนายว่า ข้าราชารชั้นผู้ใหญ่จะได้รับการยกย่องจากต่างประเทศข้าวปลาอาหารจะแพง แม่หม้ายจะพลัดถิ่นที่อยู่

ประกาศมหาสงกรานต์ วันที่ ๑๓ เมษายน จะเป็นวันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๕ เวลา ๒๐ นาฬิกา ๐๐ นาที ๐๐ วินาที ปีวอก ผีเสื้อผู้ชาย ธาตุเหล็ก อัฐศก จุลศักราช  ๑๓๗๘ ทรงจันทรคติ เป็นปกติมาสวาร ทางสุริยคติเป็น อธิกสุรทิน วันที่  ๑๖ เมษายน เวลา ๐๐ นาฬิกา ๓๔ นาที ๑๒ วินาที เป็นวันเปลี่ยนจุลศักราชใหม่ ปีนี้วันเสาร์ เป็นวันธงชัย วันพุธ เป็นวันอธิบดี วันศุกร์เป็นทั้งวันอุบาทว์และโลกาวินาศ 

 

วันอธิบดี วันธงชัย คือ วันที่สามารถกระทำการมงคล จะดีจะเจริญยิ่ง ส่วนวันที่เป็นวันอุบาทว์หรือ โลกาวินาศ คือ วันต้องห้ามกระทำการงคล ปีนี้วันจันทร์ เป็นอธิบดี ฝนบันดาลให้ฝนตก ๕๐๐ ห่า ตกในเขาจักรวาล ๒๐๐ ห่า ตกในป่าหิมพานต์ ๑๕๐ ห่า ตกในมหาสมุทร ๑๐๐ ห่า ตกในโลกมนุษย์ ๕๐ ห่า นาคให้น้ำ ๒ ตัว ทายว่า ฝนตกต้นปีน้อย กลางปีงาม ปลายปีมาก

เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ วาโย(ธาตุลม) น้ำพอประมาณ พายุจัด เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ ลาภะ ข้าวกล้าในน้ำ จะได้  ๑๐ ส่วน เสียเพียงส่วนเดียว ธัญญาหาร มังสาหาร บริบูรณ์ ประชาชนทั้งหลายจะอยู่เย็นเป็นสุข

สำหรับกิจกรรมบุญมหาสงกรานต์หนึ่งที่เป็นมหามงคลยิ่งคือ "กราบพระบรมสารีริธาตุ สรงน้ำรอยพระบาท ๙๙ รอย” ณ พุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ สวนพุทธชยันตี ๒๖๐๐ ปี ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทางขึ้นน้ำตกสาริกา ต.สาริกา อ.เมือง จ.นครนายก  ทางไปน้ำตกสาริกา

 

ในการจัดสร้างพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์นี้  พระเทพประสิทธิมนต์ หรือหลวงพ่อเณร  เจ้าอาวาสวัดศรีสุดารามโกศล กทม.  เป็นประธานผู้ดำเนินการสร้างด้วยการระดมทุนจากผู้มีจิตศรัทธาทั้งในและต่างประเทศ  โครงการนี้เป็นโครงการที่สร้างพลังศรัทธาของพุทธศาสนิกชนที่มีต่อพระพุทธศาสนาล้วนๆ พระอรหันต์ จำนวน ๑,๒๕๐ องค์

บริเวณโดยรอบของพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์  ล้อมรอบไปด้วยภูเขามีสายน้ำไหลผ่าน  เมื่อเข้าไปในสถานที่แห่งนี้จะได้เห็นพระพุทธรูปปางแสดงโอวาทปาติโมกข์ ขนาดใหญ่เด่นเป็นสง่าหน้าตัก ๙ เมตร สูง ๑๓.๕ เมตร เป็นตัวแทนองค์พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ ขนาดหน้าตัก ๙๐ ซม. อีก ๑,๒๕๐ องค์ เป็นตัวแทนพุทธสาวกแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญเมื่อครั้งพุทธกาล  กล่าวคือ เป็น วันจาตุรงคสันนิบาต หรือวันประชุมใหญ่อันประกอบด้วยองค์ ๔ คือ

๑.พระภิกษุสงฆ์ซึ่งเป็นพุทธสาวกจำนวน ๑,๒๕๐ องค์ มาชุมนุมพร้อมกันโดยที่ไม่ได้นัดหมาย
๒.พระพุทธสาวกเหล่านี้ล้วนเป็นเอหิภิกขุอุปสัมปทา คือ เป็นผู้ที่พระพุทธองค์ทรงประทานการอุปสมบทด้วยพระองค์เอง 
๓.พระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดเป็นพระอรหันต์
๔.วันนั้นเป็นวันเพ็ญเดือนมาฆะ

 

ในวันดังกล่าวสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงประกาศหลักธรรมสำคัญทางพระพุทธศาสนา ที่ใช้เป็นหลักธรรมสำคัญของพุทธศาสนา คือ การแสด โอวาทปาติโมกข์ เป็นประกาศหลักธรรมสำคัญอันเป็นแนวทางในการปฏิบัติ เพื่อนำไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา ประกอบด้วยหลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ และ วิธีการ ๖ ที่นี่จึงเหมือนเป็นตำราเรียนประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนาเล่มใหญ่สำหรับผู้สนใจ นักเรียน นักศึกษา เข้ามาสัมผัสบรรยากาศที่เกิดขึ้นจริงเมื่อครั้งพุทธกาลที่ไม่มีประเทศใดสร้างมาก่อน

อย่างไรก็ตามในเทศกาลมหาสงกรานต์ พ.ศ.๒๕๕๙ นี้ จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธีสักการะพระบรมสารีริธาตุ ที่อัญเชิญมาจากเมืองซีอาน ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน และบางส่วนที่มอบให้ประดิษฐานถาวรไว้ในพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์ พร้อมกันนี้ยังได้อัญเชิญรอยพระพุทธบาท ๙๙ รอบพระบาท จากประเทศศรีลังกา มาให้ประชาชนได้กราบไว้ทำบุญในเทศกาลมหาสงกรานต์

มหามงคลห่มผ้าพระธาตุเจดีย์จำลอง ๑๒ ปีนักษัตร

ประติมากรรมทรายพุทธจริยาวัตร ๖๐ ปาง ของพระพุทธเจ้า ภายในพุทธอุทยานมาฆบูชาอนุสรณ์นั้น เป็นเล่าเรื่องราวของพุทธประวัติตั้งแต่ประสูติ ตรัส ปรินิพพาน รวมถึงอริยสงฆ์ ๔ ภาค หลวงปู่ทวด ครูบาศรีวิชัย หลวงปู่โต หลวงปู่มั่น หมอชีวกโกมารภัจจ์ การสอนเรื่องการทำความดี ใช้เทคนิคเดียวกับการแกะสลักหิมะแบบไม่มีแกนภายในประติมากรรม

นอกจากนี้ยังมีการจัดสร้างพระธาตุเจดีย์จำลอง ๑๒ ปีนักษัตร ประจำปีเกิด ทั้งนี้มีคติความเชื่อกันว่า การได้ห่มผ่าพระธาตุประจำปีเกิดเป็นมงคลแก่ชีวิต มีอานิสงส์สูงและจะทำให้มีอายุยืนนาน เช่น ปีชวด ห่มพระธาตุศรีจอมทอง, ปีฉลู ห่มพระธาตุลำปาง, ปีขาล ห่มพระธาตุช่อแฮ, ปีเถาะ ห่มพระธาตุแช่แห้ง ปีมะโรง ห่มพระธาตุพระสิงห์, ปีมะเส็ง ห่มพระมหาเจดีย์พระพุทธคยา, ปีมะเมีย ห่มพระธาตุชเวดากอง ปีมะแม ห่มพระธาตุดอยสุเทพ, ปีวอก ห่มพระธาตุพนม, ปีระกา ห่มพระธาตุหริภุญชัย, ปีจอ  ห่มพระธาตุจุฬามณี, และปีกุน ห่มพระธาตุดอยตุง

 

ตัวละครจากวรรณคดี  ๓ ก๊ก

สามก๊ก เป็นวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์ เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง จัดเป็นวรรณกรรมเพชรน้ำเอกของโลก เป็นมรดกทางปัญญาของปราชญ์ชาวตะวันออกที่สุดยอด มีการแปลเป็นภาษาต่างๆ มากกว่า ๑๐ ภาษา

สำหรับภาษาไทยนั้นแปลและเรียบเรียงเป็นครั้งแรกโดยเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อ พ.ศ.๒๓๔๕ ในรูปแบบสมุดไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกโดยโรงพิมพ์ของหมอบรัดเลย์ พ.ศ.๒๔๐๘ และได้รับการตีพิมพ์ซ้ำอีกครั้งภายใต้ชื่อ “หนังสือสามก๊ก ฉบับราชบัณฑิตยสภา” โดยโรงพิมพ์โสภณพิพรรฒธนากร พ.ศ.๒๔๗๑

 

“สามก๊กมีเนื้อหาหลากหลายรสชาติ เต็มไปด้วยกลเล่ห์เพทุบาย กลศึกในการรบ การชิงรักหักเหลี่ยม ความเคียดแค้นชิงชัง ความซื่อสัตย์และการให้อภัย ซึ่งมีเนื้อหาและเรื่องราวในทางที่ดีและร้ายปะปนกัน” นี่เป็นเหตุผลที่ หลวงพ่อเณร ได้จัดสร้างหุ่นตัวละครเอก ของวรรณคดี เรื่อง ๓ ก๊ก มาให้คนได้ศึกษา

ตัวละครเอก ที่มีความเป็นโดดเด่นเรื่องคุณธรรมในด้านต่างๆ จัดสร้างเป็นรูปปั้น  อาทิ   โจโฉ, เล่าปี่, ซุนกวน, กวนอู, เตียวหุย, ขงเบ้ง, สุมาอี้, จูล่ง, ตั๋งโต๊ะ, ลิโป้,จิวยี่, และเทพเจ้า จี่กง ผู้ชอบช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ เช่น เจ็บป่วย หรือถูกรังแก จึงเป็นที่นับถือของประชาชน หนึ่งในพระอรหันต์สิบแปดองค์กลับชาติมาเกิด

ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20160408/225528.html

[PRAMOTE(aaaa)]

       สาธุุ ครับ

                   เห็นหน้าหลวงพ่อ  ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปในบ้านของผม ที่ท่าน ให้มา เป็นพระประจำบ้าน ตกทอดมาจากลุง

          ชื่อว่าพระพุทธไชยรัชกาล หน้าตักประมาณ 9 นิ้ว  ปัจจุบันก็ยังใช้อยู่เป็นพระประจำบ้าน ครับ

           
                       หลวงพ่อท่านเคยอยู่บ้านนา ย้ายไปอยู่กรุงเทพ

                           และก็กลับมาอยู่นครนายก

     หลวงพ่อท่านบารมีมาก ครับ สาธุ....ที่ไม่สามารถนำมาเล่าได้