ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ผู้ว่าฯตรัง ทำหนังสือด่วนให้ 2 หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ‘พระพุทธสิหิงค์’ หาย  (อ่าน 2279 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ผู้ว่าฯตรัง ทำหนังสือด่วนให้ 2 หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ‘พระพุทธสิหิงค์’หาย ขีดเส้นตายด่วน.!

ผู้ว่าฯตรัง ทำหนังสือด่วนให้ 2 หน่วยงานตรวจสอบข้อเท็จจริง “พระพุทธสิหิงค์” สูญหาย ขีดเส้น 25 เมษายน ขณะที่ ชาวบ้าน ต.นาพละ เตรียมขึ้นป้ายหวังได้องค์พระคืน ทางด้านอดีตกำนันนาพละ ระดมชาวบ้านตำบลใกล้เคียงรวมใจ ตั้งจิตอธิษฐาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวถึงการมาเคลื่อนไหวของประชาชนชาวตรัง ให้ติดตามพระพุทธสิหิงค์ที่สูญหายไปนาน 34 ปี กลับคืนสู่จังหวัดตรัง ว่าเมื่อวันที่ 19 เมษายน ตนได้ทำหนังสือด่วนที่สุดไปยัง อำเภอเมืองตรัง และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดตรัง ให้ลงไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน เนื่องจากที่ผ่านมามีการพูดกันไปต่างๆนานา แต่ก็ยังไม่ทราบข้อมูลที่ชัดเจนว่า พระพุทธสิหิงค์ ถูกนำไปประดิษฐานที่ไหน ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลระยะเวลาการสูญหาย ที่ไหนเมื่อไหร่ มีการแจ้งความร้องทุกข์หรือไม่ และเคยมีการติดตามสืบหาอย่างไร และให้รายงานให้ตนทราบ ภายในวันที่ 25 เมษายน นี้

“เมื่อได้ข้อมูลแล้ว ทางจังหวัดจะได้มีการกำหนดแนวทางว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ความสับสนที่เกิดขึ้นในขณะนี้ยังปรากฏ หรือแม้แต่วัดที่เป็นเจ้าขององค์พระทั้งวัดหัวถนน และวัดพระพุทธสิหิงค์ ก็มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า วัดไหนเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ จนถึงขณะนี้ทางจังหวัดเองยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด การดำเนินการต้องใช้ความระมัดระวัง เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะไปพูดว่า อยู่ที่นั้นที่นี้ ไม่ได้ ต้องมีหลักฐานแน่ชัด หรือแม้แต่ นายดำรง ลีนานุรักษ์ อดีตรองอธิการบดี ม.แม่โจ้ ออกมาเรียกร้องให้รื้อฟื้นนั้น หากนายดำรงมีข้อมูลก็ช่วยเรียนให้ตนทราบด้วย


 :25: :25: :25: :25:

นายครองพิชญ์ ชัยภักดี กำนันต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า เป็นที่รับรู้กันว่า พระพุทธสิหิงค์ ซึ่งเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองตรัง สูญหายไปจากวัดหัวถนน นานกว่า 30 ปีแล้ว ชาวบ้านยังมีความหวังว่าน่าได้กลับคืนมาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ตนเองก็เห็นด้วยมาโดยตลอดที่ทุกฝ่ายเห็นว่า น่าจะติดตามเอาพระพุทธสิหิงค์คืนสู่จังหวัดตรัง แต่ขณะนี้ยังมืดแปดด้าน

“ผมในฐานะผู้นำท้องที่ จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ จะด้วยวิธีการใดก็ตาม เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดเดินทางมายังพื้นที่ ก็เรียนให้ท่านทราบถึงความต้องการของชาวบ้าน หรือการลงบัญชีรายชื่อชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคน รวมทั้งการขึ้นป้ายไวนิล ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านที่พอทราบมาให้ข้อมูลในการติดตามพระพุทธสิหิงค์”


 st12 st12 st12 st12

นายปรีชา เหมือนเดช อายุ 61 ปี อดีตกำนัน ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า หลายฝ่ายมีความคิดเหมือนๆ กันว่า ให้ช่วยกันติดตามเอาพระพุทธสิหิงค์ กลับคืนจังหวัดตรัง ผมเองเห็นด้วยกับกำนัน ต.นาพละ คนปัจจุบัน ที่จะให้มีการขึ้นป้าย แต่นอกเหนือจากนี้ต้องประชาสัมพันธ์ชาวบ้านตำบลใกล้เคียง ทั้ง ต.บ้านโพธิ์ ต.นาโยงใต้ ต.นาบินหลา และต.ทับเที่ยง ว่าถ้าใครมีชุดขาว นัดแนะกันเข้ามาที่วัดหัวถนน มาร่วมกิจกรรมด้วยกัน ด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน บนบานศาลกล่าวดลจิตดลใจ ว่าชาวบ้านที่มาร่วมยังมีความเป็นห่วง ข้องใจ ไม่ทราบว่า พระพุทธสิหิงค์ ประดิษฐานอยู่ที่ไหน และขอให้ท่านกลับสู่เมืองตรัง ชาวบ้านสามารถแต่งชุดนุ่งขาว ห่มขาว นำธูปเทียน ดอกไม้ อธิษฐานร่วมกันถึงความตั้งใจ

 st11 st11 st11 st11

นายปรีชา กล่าวอีกว่า พระพุทธสิหิงค์องค์นี้ มีความสำคัญต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านแถบนาโยงมาโดยตลอด โดยเฉพาะในเรื่องความเจ็บป่วย พระพุทธสิหิงค์จะมีฐานะเหมือนหมอกลางบ้านเลยทีเดียว ผู้ที่มีบุตรหลานเจ็บป่วยบนบานต่อพระพุทธสิหิงค์เมื่อหายแล้ว หากเป็นชายก็มอบให้เป็นลูกของพระพุทธสิหิงค์ เมื่ออายุครบบวชก็ต้องบวชต่อหน้าองค์พระ จึงถือว่าเป็นการแก้บน หากเป็นหญิงก็นำเอาด้ายมาผูกข้อมือหรือนำน้ำพระพุทธมนต์มาประพรมให้หาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดกระแสการจุดประเด็น การทวงคืนพระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองตรัง กลับคืนสู่จังหวัดตรัง ได้รับการตอบรับจากประชาชนชาวตรังทุกภาคส่วน ทุกคนเห็นด้วยที่จะให้มีการดำเนินการ แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด ว่าองค์พระพุทธสิหิงค์ ถูกนำไปประดิษฐานอยู่กับใคร ที่ไหน โดยที่ชาวบ้านมีความเห็นว่า ชาวตรังทุกคนจะต้องร่วมใจกันด้วยจิตบริสุทธิ์ แน่วแน่ ตั้งมั่น ประการสำคัญ อย่าให้เป็นประเด็นทางการเมือง เพราะไม่เช่นนั้นจะประสบความล้มเหลวเหมือนในอดีต


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news/111087
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ตามหา “พระพุทธสิหิงค์ เมืองตรัง” ที่หายไป
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: เมษายน 21, 2016, 09:40:01 am »
0


"พระพุทธสิหิค์เมืองตรัง" องค์จริง


ตามหา “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง” ที่หายไป
เรื่อง : จำนง ศรีนคร / ภาพ : Ta trangtoday
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 22 ตุลาคม 2557 13:41 น.


       
       เมื่อเร็วๆ นี้ “เมืองตรัง” เหมือนกับอีกหลายเมืองทางภาคใต้ที่คึกคักไปทั้งเมืองกับขบวน “เรือพระ” จากวัดต่างๆ รวมทั้งพุทธศาสนิกชนคนตรังผู้ศรัทธาในพระพุทธศาสนาที่ต่างออกมาร่วมแรงร่วมใจกันลากเรือพระ และร่วมทำบุญเนื่องในช่วงออกพรรษา..แต่ที่จะเล่าต่อจากนี้คือ คุณรู้ไหมว่า “พระพุทธสิหิงค์” ล้ำค่าของ “คนตรัง” หายไปไหน?...
         
       “ประเพณีลากพระ” ถือเป็นประเพณีเก่าแก่คู่ “เมืองตรัง” มายาวนาน สำหรับ “ประเพณีลากพระเมืองตรัง” หรือบางคนก็เรียกว่า“ชักพระ” ครั้งนี้ในส่วนของงานสมโภชเรือพระที่เริ่มจัดใหญ่โตเป็นเรื่องเป็นราวก็เป็นครั้งที่ 14 แล้ว แต่ประเพณีเก่าแก่นั้นยาวนานเกินกว่าจะสืบเอาอายุได้


         :25: :25: :25: :25:

       งานประเพณีลากพระเมืองตรัง จัดขึ้นที่ลานเรือพระ สนามทุ่งแจ้ง อำเภอเมืองตรัง ตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 9 ตุลาคม พี่น้องชาวตรังได้ช่วยกันลากเรือพระออกจากวัดต่างๆ ทั้ง 10 อำเภอมุ่งตรงสู่ลานเรือพระ เพื่อเข้าร่วมการประกวด และโชว์เรือพระ โดยปีนี้มีเรือพระเข้าร่วมงาน 89 วัด 89 ลำ ได้แก่ เรือพระขนาดใหญ่ 68 วัด (ร่วมประกวด 67 วัด ที่เหลือแสดงโชว์) และเรือพระขนาดเล็ก 21 วัด (ร่วมประกวด 19 วัด ที่เหลือแสดงโชว์) มีการจัดกิจกรรมภายในงานตลอด 8 วัน 8 คืน เปิดให้ชมเรือพระ และทำบุญเรือพระทั้ง 89 ลำ การประกวดเรือพระฟังปาฐกถาธรรม หรือแม้แต่กิจกรรมพื้นบ้านหาดูยาก อย่างแข่งขันตะกร้อลอดห่วง ประกวดขบวนแห่เรือพระ การประกวดวงกลองยาว แข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และกิจกรรมอนุรักษ์ภาษาถิ่นใต้อีกมากมาย
       
       แต่ภาพเรือพระที่ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างงดงาม คงไม่ทรงพลังยิ่งกว่ารอยยิ้ม และสีหน้าเปี่ยมสุขของชาวบ้านที่มาช่วยกันลากเรือพระ ซึ่งมีทั้งคนแก่ หนุ่มสาว เด็กเล็ก บางกลุ่มก็มากันทั้งครอบครัว ลากไปก็ส่งเสียงเฮโลเรียกเรี่ยวแรง และกำลังใจ คนไม่ลากก็ส่งเสียงเชยร์ คนแก่อายุน่าจะเกิน 60 จับหัวเชือกแถวหน้าด้วยสีหน้ามุ่งมั่น พร้อมสอนหลานให้จับเชือกหัดลาก บางกลุ่มมากันทั้งครอบครัว สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ “ทรงพลัง” และช่วยสืบสานประเพณีอันทรงคุณค่าให้ยืนหยัดมาได้จนวันนี้ มากกว่าวัตถุสวยงามที่แต่งอยู่บนเรือพระ ซึ่งภายในความสวยงามบนเรือพระเหล่านั้น คือ “พระธรรม” ที่คนจำนวนไม่น้อยยังคงศรัทธายึดปฏิบัติอยู่


         :96: :96: :96: :96:

       จะว่าไปสำหรับ “เมืองตรัง” ในด้าน “พระพุทธศาสนา” ก็มีวัดวาอารามมากมาย วัดหลายแห่งเก่าแก่โบราณอายุหลายร้อยปี แต่หลายแห่งก็ชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา และตามจำนวนคนเข้าวัดที่น้อยลงทุกที จากบันทึก และหนังสือหลายเล่มใน “หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ ของตรัง” ได้เล่าเรื่องราวของวัดในเมืองตรังไว้มากมาย ทั้งในแง่โบราณวัตถุอันล้ำค่า ตำนาน ความเชื่อ ประวัติศาสตร์ ที่ล้วนเชื่อมโยงกับรากเหง้าการก่อกำเนิดเมือง รวมทั้งบรรพบุรุษของเรา เป็นเรื่องราวที่น่าภาคภูมิใจหลายวัดได้เป็นอารามหลวง หลายวัดเป็นแหล่งปฏิบัติธรรม หลายวัดมีพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณหายาก

       

"พระพุทธสิหิค์เมืองตรัง" องค์จำลอง
         

       ก่อนหน้านี้ ในช่วงยังไม่ออกพรรษา ผมได้มีโอกาสร่วมทีมกับคณะถ่ายทำสารคดีคณะหนึ่งจากกรุงเทพฯ เราเดินทางไปตามวัดเก่าแก่ต่างๆ หลายวัดในเมืองตรัง เพื่อตามรอยประวัติศาสตร์ ตำนาน และเรื่องราว
       
       และเพื่อตามหา “ความจริงที่ถูกลืมเลือน” ของเรื่องหนึ่งคือ “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรังที่หายไป”
       
       สำหรับ “พระพุทธสิหิงค์” และ “วัดพระพุทธสิหิงค์” ในประเทศไทยมีอยู่ไม่กี่องค์ ไม่กี่วัด ซึ่งล้วนมีตำนานต่างกันไป เช่น ที่เชียงใหม่ เชียงราย นครศรีธรรมราช กรุงเทพฯ และที่ “เมืองตรัง”


         st12 st12 st12 st12

       “วัดพระพุทธสิหิงค์” ของ “เมืองตรัง”ตั้งอยู่ที่หมู่ 5 ตำบลนาโยงเหนือ อำเภอนาโยง ห่างตัวเมืองตรัง 10 กว่ากิโลเมตร เป็นวัดโบราณ ตำนานว่าเรียก “วัดพระศรีสรรเพ็ชญ์” เดิมชื่อ “วัดกลาง” แต่เปลี่ยนไปเรียกตามชื่อพระพุทธรูปที่ประดิษฐานว่า “วัดพระพุทธสิหิงค์” ซึ่งปัจจุบันมีเพียง “พระพุทธสิหิงค์” องค์หล่อจำลองเท่านั้นที่ประดิษฐานอยู่
       
       ส่วน “พระพุทธสิหิงค์” องค์จริงที่หล่อด้วยสำริด ซึ่งตำนาน “พระนางเลือดขาว” ตำนานผู้มีบุญญาธิการสร้างวัดเมืองตรังเป็นผู้สร้าง และนำมาจาก “ลังกา” อายุหลายร้อยปีนั้น ได้ถูกขโมยไป และยังตามหาไม่เจอจนวันนี้
       
       แต่กระนั้นไม่ได้หายไปจาก “วัดพระพุทธสิหิงค์” ซึ่งประดิษฐานอยู่ในตอนแรก แต่กลับหายไปในช่วงที่องค์สำริดถูกอัญเชิญไปประดิษฐานที่ “วัดหัวถนน” ตำบลนาพละ อำเภอนาโยง อย่างมีเงื่อนงำใน พ.ศ.2526


         ans1 ans1 ans1 ans1

       เรื่องนี้ “พระอธิการชู จนฺทโน” เจ้าอาวาสวัดพระพุทธสิหิงค์ และ “พระครูสุทธิโสภณ” เจ้าอาวาสวัดสวัสรัตนาภิมุข เจ้าคณะตำบลนาโยงเหนือ เล่าว่า “ไม่ได้หายไปอย่างปาฏิหาริย์ แต่คนใจบาปเป็นผู้เอาไป”
       
       ในช่วงบ่ายที่ฝนค่อนข้างหนาเม็ด เราเดินทางไปที่ “วัดหัวถนน” เพื่อสืบสาวเรื่องราวของ “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรังที่หายไป” เราได้สนทนากับคนเฒ่าคนแก่ และผู้ที่เคยได้เห็น “พระพุทธสิหิงค์” องค์สำริดดังกล่าว ทุกคนเล่าด้วยแววตาเศร้าสร้อยเสียดาย แม้เรื่องจะผ่านมากว่า 31 ปีแล้ว
       
       คนแก่เล่าว่า ในอดีตชาวตรังเลื่อมใสศรัทธา “พระพุทธสิหิงค์” มาก ช่วงหลังที่นำมาประดิษฐานที่ “วัดหัวถนน” ในทุกเทศกาลสงกรานต์ของทุกปีทางจังหวัดจะต้องจัดขบวนยิ่งใหญ่มาอัญเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” จาก “วัดหัวถนน” ไปให้พี่น้องประชาชนชาวตรังสักการบูชา สรงน้ำที่ศาลากลางจังหวัด มีการจัดงานสมโภชยิ่งใหญ่กันทุกปี ทั้งคหบดี ข้าราชการ ประชาชน จำนวนมากมาสรงน้ำ


         st11 st11 st11 st11

       สมัยก่อนการคมนาคมลำบาก มีถนนลูกรังเส้นเดียวคือ “ถนนตรังพัทลุง” รอบๆ “วัดหัวถนน” ยังเป็นทุ่งนาทั้งหมด ทางการจึงต้องตัดขบวนลงทาง “บ้านท่าปาบ” แล้วเดินกันมาตามคันนาลุยน้ำเพื่อมาอัญเชิญ “พระพุทธสิหิงค์” ที่วัด
       
       “คุณสีนวล” หรือ “เอื้อน คำวร” อดีตผู้ใหญ่บ้านหญิง หมู่ 6 ตำบลนาพละ ผู้รับรู้เรื่องราวของการตามหา “พระพุทธสิหิงค์” อย่างใกล้ชิด เล่าถึงความศักดิ์สิทธิ์ว่า “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง” จะมีลักษณะพิเศษที่ไม่เหมือนแห่งใดในประเทศไทย เพราะหล่อฐานด้านหน้าองค์พระให้มีห่วง เข้าใจว่าเพื่อเอาไว้ร้อยเชือกระหว่างเดินทางขนย้ายมาทางเรือที่ต้องเจอกับคลื่นลม ส่วนด้านหลังก็จะมีห่วงไว้เสียบฉัตร
       
       ชาวบ้านที่เลื่อมใสศรัทธาก็จะมาบนบานศาลกล่าวความว่า.. “เดชะ พระพุทธสิหิงค์ ข้าพเจ้าของให้....” ไม่ว่าเรื่องเจ็บป่วย วัวควายหายให้ได้คืน หรือเรื่องทุกข์ต่างๆ ซึ่งเมื่อพ้นทุกข์ชาวบ้านก็จะมาแก้บนด้วย “ต้มเปียก” คือ การต้มข้าวแล้วปรุงรสด้วยการใส่น้ำตาล


         :96: :96: :96: :96: :96:

       ดังนั้น การหายไปของ “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง” นอกจากจะเป็นการสูญเสียโบราณวัตถุทรงคุณค่าแล้ว ยังกระทบจิตใจพุทธศาสนิกชนคนตรังอย่างรุนแรง
       
       คนเฒ่าคนแก่ในแถบนั้นเล่าเพิ่มเติมว่า ในช่วงหลังก่อนพระจะหายไป “วัดหัวถนน” ต้องตกเป็นวัดร้างบ้างในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะมีพระสงฆ์มาจำวัด โดยในช่วงหลังมีเจ้าอาวาสท่านหนึ่งนำองค์พระที่ประดิษฐานในอุโบสถไปเก็บไว้ในกุฏิ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน “พระพุทธสิหิงค์” ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยใน พ.ศ.2526 ชาวบ้านสอบถามอย่างไรก็ไม่ได้ความ

       

ประเพณีลากพระเมืองตรัง
         

นาฬิกาแห่งกาลเวลาหมุนเวียนไปกว่า 31 ปี พร้อมๆ กับเรื่องราวที่เริ่มเลือนออกจากความทรงจำคนรุ่นใหม่ แต่สำหรับคนเฒ่าคนแก่ “ฝันร้าย” นี้ได้ฝังลึกลงในหัวใจ จนยากที่จะล้างออกตราบใดที่ยังไม่ได้ “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง” กลับคืนมา...
       
วันนี้ พ.ศ.2557 แล้ว คนรุ่นใหม่ ผู้เกี่ยวข้อง ผู้หลักผู้ใหญ่ในเมืองตรังว่าอย่างไรกับเรื่องนี้?...
       
ไปถามคนแก่ๆ แถบนาพระ นาหมื่นศรี นาโยง เกือบทุกคนที่เข้าวัดบอกตรงกันทุกคนว่า “พระพุทธสิหิงค์เมืองตรัง” ถูกคนใหญ่คนโตระดับประเทศเอาไปเป็นสมบัติส่วนตัว กระทั่งบุคคลดังกล่าวถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้คืน และไม่รู้ว่าครอบครัว และลูกหลานของคนใหญ่คนโตคนนั้น ได้เก็บรักษาไว้ต่อไปหรือไม่...

       
ask1 ans1 ask1 ans1
       
เกี่ยวกับผู้เขียน : “จำนง (โต) ศรีนคร” จบปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต นิเทศศาสตร์ สถาบันราชภัฏจันทรเกษม เดินออกจากอาชีพสื่อสารมวลชนมาเป็นนักข่าวและนักเขียนอิสระ ส่วนใหญ่พำนัก และทำงานอยู่ใน จ.ตรัง บ้านเกิด และยังคงเขียนงานสารดี บทความ ข่าว สกู๊ปพิเศษ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคม ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 14 จังหวัดภาคใต้ newstoe@hotmail.com



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9570000121633
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

        ขออนุโมทนาสาธุ ครับ


     เจ้าท่าน อธิฐาน บารมีสร้าง...

  รู้สึกจะมีตำหนิ ที่นิ้วหรือ อยู่ที่ไหนซักที่  นี่แหละครับ


ต้องให้ท่านผู้รู้      หาข้อมูลเรื่องตำนาน การสร้าง พระองค์นี้มาให้ทราบ

นะครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา