พิมพ์

[raponsan]

กรมศิลป์ เริ่มบูรณะปลียอดทองคำพระบรมธาตุเมืองคอน คาด 6 เดือนเสร็จ

กรมศิลปากร เริ่มบูรณะพระบรมธาตุนครศรีธรรมราช คาดใช้เวลา 6 เดือน หลังมีสีคล้ายสนิมที่ปลียอดทองคำ เตรียมขูดลอกสีอะคริลิกออก ก่อนใช้สีปูนหมักและปูนตำแบบโบราณทาทับ ไม่มีการทาสีใดๆ อีก

วันที่ 28 พ.ค. 59 นายศิริพัฒ พัฒกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการในการนำเสนอวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร (พระบรมธาตุนครศรีธรรมราช) เพื่อขึ้นบัญชีเป็นมรดกโลก ประจำปี 2559 เมื่อวานที่ผ่านมา โดยมีคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยที่ประชุมได้รับทราบรายงานความก้าวหน้าในการดำเนินงานของฝ่ายต่างๆ รวมทั้งความคืบหน้าในการบูรณะปลียอดทองคำพระบรมธาตุเจดีย์

 

นายศิริพัฒ กล่าวว่า คณะกรรมการกองทุนมรดกโลก ได้รายงานยอดเงินกองทุนพระบรมธาตุสู่มรดกโลก ให้ทราบว่าปัจจุบันมียอดเงินทั้งสิ้น 4.9 ล้านบาท ด้านคณะกรรมการฝ่ายวิชาการ รายงานความคืบหน้าการจัดทำเอกสาร Normination Dozzier ฉบับภาษาอังกฤษ คาดว่าจะแปลแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 มิ.ย. 59 ก่อนนำมาปรับปรุงแก้ไข จากนั้นส่งให้กรมศิลปากรทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ในวันที่ 30 ก.ย. 59 เพื่อส่งไปให้ คณะกรรมการมรดกโลก ตรวจสอบความสมบูรณ์ถูกต้องในขั้นต้น จากนั้นจะมีการส่งกลับมาให้ปรับปรุงแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง

ส่วนคณะกรรมการฝ่ายบริหารจัดการพื้นที่แหล่งมรดกโลก ในส่วน Core Zone ได้มีการปรับปรุงแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในวัดพระมหาธาตุ เช่น การขุดลอกท่อระบายน้ำทั้งในวัดและเชื่อมต่อกับท่อระบายน้ำของเทศบาล พร้อมทั้งออกแบบระบบการระบายน้ำในระยะยาวเพิ่มเติมด้วย สำหรับพื้นที่ Buffer Zone ทางเทศบาลนครฯ เตรียมปรับปรุงผิวถนนราชดำเนิน ตั้งแต่แยกประตูไชยสิทธิ์ ถึงแยกตลาดแขก คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ใน มิ.ย. 59 เมื่อการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และทีโอที นำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ลงใต้ดินเรียบร้อยแล้ว ด้านคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ จะจัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์การสร้างความเข้าใจในขั้นตอนการนำเสนอวัดพระมหาธาตุฯ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก รวมทั้งการซ่อมแซมบูรณะพระบรมธาตุเจดีย์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้รับทราบอย่างกว้างขวางยิ่งขึ้นต่อไป

เริ่มการบูรณะปลียอดทองคำ พระบรมธาตุฯ เมืองนครศรีธรรมราช

สำหรับประเด็นสำคัญคือ การบูรณะพระบรมธาตุที่เป็นคราบคล้ายสนิม โดยได้รับการรายงานจาก นายอาณัติ บำรุงวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 14 นครศรีธรรมราช ว่า จากการตรวจวิเคราะห์ครั้งสุดท้ายพบว่า คราบสีคล้ายสนิมดังกล่าวมากกว่าร้อยละ 90 เกิดจากสีของตะกั่วที่หุ้มปลียอดซึ่งอยู่ภายใน เพื่อรองรับแผ่นทองคำที่หุ้มอยู่ภายนอก เป็นการป้องกันไม่ให้แผ่นทองสึกกร่อนเมื่อมีการเสียดสีของพื้นผิวจากแรงลม เป็นภูมิปัญญาโบราณ แต่เมื่อคราบดังกล่าวไหลลงมากระทบ และทำปฏิกิริยากับแสงอาทิตย์และสีอะคริลิกสีขาว ทำให้เห็นชัดเจนขึ้น

ทั้งนี้ การซ่อมแซมบูรณะนั้น มีการลงนามในสัญญาจ้างแล้วในวงเงิน 5 ล้านบาทเศษ ระยะเวลาดำเนินการ 180 วัน ซึ่งขณะนี้ผู้รับจ้างกำลังติดตั้งนั่งร้านเพิ่มเติมเพื่อเสริมความมั่นคงแข็งแรง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ขึ้นปฏิบัติงานได้ คาดว่าจะใช้เวลาติดตั้ง 1 เดือน โดยในขั้นแรกจะมีการขูดลอกสีอะคริลิกสีขาวที่ทาองค์พระบรมธาตุออกทั้งหมดตั้งแต่ปล้องไฉนลงมา หากพื้นผิวส่วนใดที่ชำรุดหมดสภาพก็จะซ่อมแซม โดยใช้ปูนหมักและปูนตำแบบโบราณ ซึ่งจะไม่ใช้สีอื่นๆ ใดมาทาทับอีก จะปล่อยให้สีองค์พระบรมธาตุเปลี่ยนไปตามธรรมชาติเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งใช้เวลา 2-3 ปี สีจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีดำ นอกจากนี้ ยังมีการบูรณะกลีบบัวคว่ำบัวหงายด้วย

 

รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวอีกว่า การบูรณะปลียอดทองคำองค์พระบรมธาตุนั้น ที่ประชุมได้ให้ข้อเสนอแนะต่อกรมศิลปากรว่า เห็นควรให้มีการบูรณะใหม่ทั้งหมดด้วย แม้ว่าจะต้องใช้งบประมาณจำนวนมากและใช้เวลานาน เพื่อให้มีสภาพสมบูรณ์และงดงามมากที่สุด

ขณะที่ นายอาณัติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสำนักศิลปากรที่ 14 จะได้นำข้อเสนอแนะดังกล่าวเสนอไปยังกรมศิลปากรต่อไป อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่กำลังมีการติดตั้งนั่งร้านอยู่ ทางสำนักศิลปากรที่ 14 ได้ดำเนินการติดตั้งกล้องวงจรปิด และสร้างห้องคลังเก็บทรัพย์สินมีค่าที่วิหารธรรมศาลา ควบคู่กันไปด้วย.


ภาพจาก: สนง.ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครศรีธรรมราช
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.thairath.co.th/content/627099