พิมพ์

[raponsan]

ระดมพลังสังฆาธิกา รต้านแก้มาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์

“เจ้าคุณประสาร” โวยกฤษฎีกาเร่งรีบแก้ไขมาตรา 7 พ.ร.บ.คณะสงฆ์ แถมยังซุ่มทำโดยที่มหาเถรสมาคมไม่รู้เรื่อง ในขณะที่ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาฯ ร่อนหนังสือถึงเจ้าอาวาส 30,000 วัดทั่วประเทศ ร่วมแสดงพลังส่งหนังสือถึงนายกรัฐมนตรียับยั้งแก้มาตรา7 ย้ำหากเกินเยียวยาคงต้องร่วมแสดงพลังอีกครั้ง

วันนี้(7 ก.ค.)พระเมธีธรรมาจารย์(ประสาร จนฺทสาโร) เลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการที่คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังดำเนินการตีความมาตรา 7 เกี่ยวกับการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชตามพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2535 และมีบางกลุ่มพยายามที่จะเสนอให้มีการแก้มาตรา 7 ด้วยนั้น ขณะนี้ศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย และสมาคมนักวิชาการเพื่อพระพุทธศาสนา(สนพ.) ได้ออกหนังสือที่พิเศษ/ 2559 เรื่องการแก้ไขพ.ร.บ.คณะสงฆ์ มาตรา 7 ว่าด้วยการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช และแบบฟอร์มลงชื่อยับยั้งการแก้ไขมาตรา 7 ส่งถึงเจ้าคณะพระสังฆาธิการทั่วประเทศ ให้ได้รับทราบถึงสถานการณ์การดำเนินการเกี่ยวกับมาตรา 7 และขอให้เจ้าอาวาส พระสังฆาธิการทุกวัดทั่วประเทศกว่า 30,000 วัด ส่งหนังสือฉบับดังกล่าว ตรงถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ช่วยยับยั้งเรื่องดังกล่าว

 

พระเมธีธรรมาจารย์ กล่าวต่อไปว่า คณะกรรมการกฤษฎีกากำลังพิจารณาแก้ไขมาตรา 7 ให้แล้วเสร็จภายในต้นเดือนกรกฎาคมและจะส่งให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) นำเสนอเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ออกเป็นกฎหมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะมีการดำเนินการอย่างรีบร้อน ปิดลับ โดยมหาเถรสมาคม(มส.)และคณะสงฆ์ไม่รู้เรื่อง เนื่องจากเป็นกฎหมายการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งเป็นประมุขสงฆ์ทั้งประเทศ หากมีการทำอย่างปกปิดหมกเม็ดมีวาระซ่อนเร้น ย่อมก่อให้เกิดความแตกแยกในคณะสงฆ์อย่างรุนแรง ซึ่งก่อนการดำเนินการใดๆรัฐบาลควรต้องปรึกษาหารือกับมส.ก่อนตามจุดยืนที่รัฐบาลได้แถลงต่อสาธารณะ โดยผู้ที่มีอำนาจที่จะยับยั้งเรื่องนี้ได้ก็มีแต่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เท่านั้น

“หนังสือดังกล่าว ทางศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทยและสนพ.ได้ทยอยส่งถึงมือเจ้าอาวาสทุกวัดทั่วประเทศแล้ว เพื่อให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศตระหนักเรื่องนี้ โดยการสถาปนาสมเด็จพระสังฆราชต้องเริ่มจากมหาเถรสมาคม รวมถึงการแก้ไขมาตรา 7 เป็นการแก้เพื่อคนบางกลุ่มบางพวก ไม่ได้แก้ไขเพื่อพระศาสนาส่วนร่วม โดยได้ขอให้เจ้าอาวาสทั่วประเทศลงนามส่งถึงนายกรัฐมนตรีภายในวันที่ 15 กรกฎาคม 2559 เพื่อขอบารมีพระสังฆาธิการทั่วประเทศยับยั้งเรื่องเลวร้าย และขอให้นายกรัฐมนตรีช่วยยับยั้งเรื่องดังกล่าวพร้อมกับขอให้ดำเนินการทูลเกล้าเสนอนามสมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ โดยเร็ว เพื่อทรงสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชตามมติเห็นชอบของมหาเถรสมาคมที่เป็นเอกฉันท์ 17:0 เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2559 อย่างไรก็ตาม หากเหตุการณ์ยากที่จะเยียวยา คงต้องขอบารมีพระสังฆาธิการทั่วประเทศได้แสดงพลังร่วมกันอีกครั้ง”เลขาธิการศูนย์พิทักษ์ฯกล่าว

ขอบคุณข่าวจาก : http://www.dailynews.co.th/education/507479