ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนที่ควรดูแลมากที่สุด  (อ่าน 1342 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
คนที่ควรดูแลมากที่สุด
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2016, 09:34:26 pm »
0




คนที่ควรดูแลมากที่สุด
คอลัมน์บาตรเดียวท่องโลก โดย พระพิทยา ฐานิสสโร

หญิงชาวอเมริกันวัย ๕๐ กว่าปี ได้มีโอกาสร่วมปฏิบัติภาวนาเป็นครั้งแรกที่สถานปฏิบัติธรรมและขออนุญาตอยู่ต่อหลังงานภาวนาเสร็จสิ้น เพื่อปฏิบัติให้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ในช่วงที่เธออยู่ต่อ เธอแบ่งปันว่า ได้เห็นความไม่น่ารักในตัวเองเยอะมาก จากเมื่อก่อนเธอไม่เคยรู้ว่า สิ่งเหล่านั้นคือ ความไม่น่ารัก เช่น ความคิดไม่ดี เธอคิดว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะคนส่วนใหญ่ก็ไม่แตกต่าง และเธอก็คิดเช่นนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก ในวันนี้ที่เธอต้องการเปลี่ยนแปลง แต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเธอตลอดเวลา เธอไม่อยากมีความคิด หรือมีความรู้สึกที่ไม่ดีเช่นนั้นอีกต่อไป

เมื่อเธอกลับบ้าน เธอนิมนต์ให้เราไปฉันอาหารเพลกับหลานชายวัย ๖ ขวบและเพื่อนเธออีกคน ที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ ก่อนฉันเพลได้มีโอกาสไปเดินด้วยกันที่ทะเลสาบ ระหว่างที่เดินเด็กน้อยวัย ๖ ขวบ พูดเกือบตลอดเวลา ทำให้ผู้เป็นป้าต้องคอยเตือนเด็กน้อยเป็นระยะๆ ว่าอย่าคุย อย่าเดินเร็ว ส่วนพระเดินเงียบๆ และขอเด็กน้อยจูงมือเดินไปด้วยกัน ทั้งๆ ที่ก่อนเดินเราได้หยุดสนทนากันว่า จะทำอย่างไรให้เราเดินโดยที่ไม่ต้องเหนื่อยมาก เพราะเด็กน้อยไม่ชอบเดิน เด็กน้อยตอบว่า ไม่ทราบ จึงตอบไปว่า เราจะเดินกันสงบๆ เงียบๆ เพื่อจะได้สังเกตว่า มีเสียงอะไรรอบตัวเราบ้าง และใส่ใจในแต่ละย่างก้าวของเรา รับรู้ความรู้สึกเมื่อเท้าได้สัมผัสกับพื้นโลก ว่า แข็ง นุ่ม ร้อน เรียบ ขรุขระ ถ้าทำได้ก็ลองพิสูจน์ดูว่าเราจะเหนื่อยไหม


 :96: :96: :96: :96:

กว่าเราจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เราได้สั่งสมการกระทำ ความคิด คำพูด ที่ดีและไม่ดีมากเหลือเกิน และหลายครั้งเรากระทำ พูด คิด ไม่ดี โดยที่เราไม่รู้ หรือแม้แต่รู้ เราก็ยังกระทำ เป็นสิ่งบ่งบอกชัดว่า แท้จริงแล้วเรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง เพราะพลังที่ไม่ดีได้ถูกสั่งสม ครอบงำ จนเป็นนายบงการชีวิตเรา และเราก็คิดว่า มันคือเรา แต่จริงๆ มันไม่ใช่เรา ประกอบกับการไม่เลือกสิ่งแวดล้อมให้ห่างจากสิ่งไม่ดีที่เปิดโอกาสให้เราทำได้ง่าย

และเมื่อคนรอบข้างหรือคนที่เรารัก เราห่วงใยกระทำไม่ดีหรือทำสิ่งที่ผิด เราก็ไม่สามารถให้อภัยเขาได้ กลับซ้ำเติม บ่น ด่าทอ ทำร้ายจิตใจเขามากยิ่งขึ้น ทั้งๆ ที่เราเองก็ยังทำไม่ดี ทำผิดอยู่แต่อาจเป็นในอีกรูปแบบหนึ่ง โดยเฉพาะระหว่างผู้ปกครองและเด็ก หรือครูและนักเรียน ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก็มักพูดเสมอว่า เราโตแล้ว เราทำได้ ยิ่งทำให้เด็ก งง ไม่เข้าใจ เพราะเห็นว่า ทั้งที่โตแล้วน่าจะไม่สมควรทำ

เราพยายามมากที่จะเปลี่ยนคนอื่นตลอดเวลา อยากให้คนอื่นเป็นคนดี ทั้งที่ในใจเราเองเปี่ยมไปด้วยความกังวล ความหงุดหงิด ไม่พอใจ โกรธ กลัว ฯลฯ เราให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เขาต้องไม่ดีเหมือนเรา แต่เขาจะเข้าใจได้อย่างไร ในเมื่อคนที่บอกให้ทำ ยังทำดีไม่ได้ นั่นเป็นเหตุให้เราต่างทำร้ายกันและกันโดยไม่รู้ตัว เพราะไม่ยอมกลับมาเปลี่ยนตัวเอง แต่อยากเปลี่ยนคนอื่น

 st12 st12 st12 st12

ชีวิตที่ดำเนินไปด้วยความหลงลืม ไม่รู้ เป็นเหตุให้เหนื่อย และเหนื่อยมากยิ่งขึ้นอย่างไม่รู้จบ การที่เรายังปล่อยให้พลังอารมณ์ที่ไม่ดีในตัวเรามาควบคุม กำหนดชีวิตเรา มันคือ คำตอบที่ชัดเจนว่า เรายังรัก เมตตาต่อตัวเองไม่เป็น เมื่อเป็นเช่นนั้น เราจึงไม่สามารถหยิบยื่นความรัก ความเมตตาให้ผู้อื่นได้ เพราะเขาจะไม่เข้าใจ เหมือนเรายังไม่มีอาหาร แต่เราพร่ำพูด พร่ำบอกกับเขาว่า กินให้อิ่มนะ ๆ พอเขาไม่กินเพราะไม่มีอาหารให้กิน แล้วมันจะอิ่มไปได้อย่างไร เขาคงคิดว่า เราไม่ปกติก็เท่านั้นเอง แต่บางทีเขาไม่พูด เพราะเราอาจเป็นผู้ใหญ่เกินไป และเราอาจจะดุ ด่า ว่าเขาด้วยความเป็นเด็กต้องฟังผู้ใหญ่ แล้วเราคิดว่า เราหวังดี อยากให้เขามีชีวิตที่ดี มีความสุข กินอิ่ม

แต่นั่นเป็นความหวังดีที่ยังไม่สามารถรับรู้ สัมผัสได้แท้จริง เพราะเราอยากเห็นสิ่งที่เรายึดว่าเป็นของเรา ดูดีตามที่ใจเราต้องการ ก็เท่านั้นเอง และพอเห็นเขาน่าเกลียดก็ทนไม่ได้ จึงอยากจัดการ ทั้งที่เราก็จัดการตัวเองยังไม่ได้ ความทุกข์จึงยิ่งเพิ่ม ทุกข์เรื่องตัวเองยังไม่พอ ยังทุกข์เรื่องที่ยึดว่าเป็นของตนเข้าไปอีก จัดการตัวเองไม่ได้ จึงอยากจัดการสิ่งภายนอก จึงพังพินาศกันไปหมด


 st11 st11 st11 st11

การดูแลอารมณ์ตัวเองให้ปกติอยู่เสมอ ไม่ว่าเจออะไรมากระทบทั้งดีและไม่ดี จึงเป็นการแสดงความรัก ความเมตตาทั้งแก่ตัวเองและผู้อื่นอย่างแท้จริง แม้เราอาจมิได้วิ่งไปช่วยเหลือใครหรือไปประกาศตนเป็นนักบุญ แต่เมื่อมีโอกาสอยู่ร่วมกับใครหรือปรากฏที่ไหนก็มีจิตใจที่สงบ การเจอกับใครก็จะทำให้คนรอบข้างสงบไปด้วย  แม้อาจเจอการกระทบที่ไม่ดีก็ตาม แต่เขาไม่ตกเป็นเหยื่อ หวั่นไหวในสิ่งมากระทบ หรือต้องจัดการต่อสิ่งที่มากระทบ เพียงแค่นิ่ง เพราะเห็นเหตุ ปัจจัยที่ทำให้ปรากฏ เป็นเช่นนั้นเอง ก็สามารถวางจิตได้ อิสรภาพจึงปรากฏ

            ความหวังดี ต้องคู่กับ การปล่อยวางเสมอ
            แม้สิ่งที่ไม่ได้ปรากฏในเวลานี้ มิได้หมายความว่า ไม่มี
            เห็นสิ่งดี ทั้งที่ไม่ปรากฏ เราไม่จะสูญเสีย
            เพราะไม่อยาก สูญสียจึงไม่มี



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.komchadluek.net/news/amulets/237597
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7283
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: คนที่ควรดูแลมากที่สุด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2016, 11:58:52 pm »
0
เริ่มต้น ด้วยการมองโลกแง่ดี เป็นบวก ภาษา ปัจจุบัน เรียกว่า มองโลกสวย
   สมัยฉันเริ่มบวชสามเณร บวชพระในแนวทางสวนโมกข์นั้น ก็เชือ่อย่างนั้น
เชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี และเราก็สามารถทำให้คนที่ไม่ดีเป็นคนดีได้ ด้วยธรรมะ เชื่อว่าการถ่ายทอดในรูปแบบต่าง ๆนั้นจะทำให้คนเป็นคนดี
กว่าจะรู้ตัวก็ผ่านไป ถึง 20 ปี 2547 รู้ตัว เริ่มบวชศึกษาหลักธรรม ปี 2527 นานโขเลย และมีการใส่ความพยายามหลากรูปแบบเพื่อจะให้คนเป็นคนดี
 2547  มองเห็นตามความเป็นจริง ( ยถาภูตญาณทัศนะ ) อันนี้สำคัญมาก เพราะการมองเห็นตามความเป็นจริง เกิดจากการเข้าใจ ใน อริยสัจ 4 นั่นเอง
   เมื่อมองเห็นตามความเป็นจริง คนที่เกิดมาไม่ได้เป็นคนดีทุกคนแต่ทุกคนสั่งสมอนุสัยกิเลสมาก่อนที่จะได้ปฏิสนธิเรียกว่า การสืบต่อ ปฏฺิสนธิจิต ดังนั้นจะดีจะชั่ว ก็เกิดจากตัวเขาเองเป็นผู้ต้องการ ไม่มีใครเปลี่ยนใครนอกจากเจ้าตัวมีความปรารถนา เดิมอยู่ก่อนว่า จะดี หรือ จะชั่ว ดังนั้นสังเกตได้เด็กบางคนเกิดมาในตระกูลที่มีแต่คนไม่ดี แต่เด็กคนนั้นกับเป็นคนดี ไปได้ไม่เอาความชั่ว เห็นมามาก ในทางกลับกัน เด็กที่เกิดในกลุ่มกัลยาณชน พ่อแม่เข้าวัดฟังธรรมรักษาศีล แต่ลูกที่เกิดมากลายเป็นพวกไร้ศีล ผลาญสมบัติทั้งที่พ่อแม่ ก็ส่งให้พระธรรมาจารย์ที่มีชื่อเสียงอบรม เข้าอยู่วัดบวชพระ บวชเณรกัน แต่สุดท้ายมันก็เป็นสิงห์มอร์เตอร์ไซค์บ้าง เกกมะเหรกเกเร เห็นมาก็หลายคน  ดังนั้่นไม่ใช่เราไปเปลี่ยนใคร เรามีหน้าที่แค่บอก คนที่จะต้องเปลี่ยน ก็คือตัวเอง

   ดังนั้นทุกวันฉันไม่ได้โลกสวย แบบเมื่อก่อน แต่มองเห็นตามความเป็นจริงมากกว่า
   ถ้ายังมองไม่เห็นตามความเป็นจริง แบบพื้นฐานอย่างนี้ ก็เท่ากับแบกโลก

   ถามว่า คุณเห็นคนตกทุกข์ได้ ยากแค้น คุณอยากจะช่วย แล้วคุณก็ช่วย แต่คนอื่นที่ตกทุกข์ได้ยาก อีกจำนวนมากคุณจะช่วยไหม หรือ คุณไปปล่อยปลา ปล่อยเตา ไปในตลาด ซื้อมาตัวสอง แล้วในกาละมังอีกเป็นร้อยตัวทำอย่างไร  ถ้าโลกสวยก็เป็นทุกข์ ถ้ามองเห็นตามความเป็นจริง ก็ไม่ทุกข์

      ยถาภูตญาณทัศศนะ มีความสำคัญเป็นด่านแรกในการภาวนาธรรม ขั้นสูง คือ อริยมรรค และ อริยผล

     เจริญธรรม / เจริญพร

   
 


บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ