ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: น้องหมามีอนุสาวรีย์ “อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษย์สุจริต จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้"  (อ่าน 980 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ย่าเหลอยู่ใกล้ชิด ร.๖ เสมอ


“ย่าเหล” น้องหมาที่ต้องมีอนุสาวรีย์! “อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษย์สุจริต จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้”

ถ้าพูดถึงน้องหมาที่โด่งดังในยุคนี้ ต้องยกให้ “คุณทองแดง” เอารูปพิมพ์บนเสื้อออกมาเท่าไหร่ๆก็ไม่พอกับความต้องการของแฟนๆ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนต้องยกให้ “คุณย่าเหล” หมาข้างถนนที่มีบุญวาสนาได้อยู่ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งนอกจากย่าเหลจะซื่อสัตย์อย่างหมาแล้ว ยังแสนรู้อย่างคนด้วย
       
       ย่าเหลเป็นหมาไทยธรรมดา ทั้งยังเป็นหมาเร่ร่อน ในราว พ.ศ.๒๔๕๒ ย่าเหลยังเป็นลูกหมาสีขาวสลับน้ำตาล เข้าไปอาศัยในเรือนจำจังหวัดนครปฐม เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯเสด็จเรือนจำแห่งนี้ ย่าเหลตัวเลอะนุ่นเพราะนอนอยู่ในกระชุนุ่นวิ่งผ่านขบวนเสด็จจึงถูกไล่ แต่ก็แอบเข้ามาเฝ้าคลอเคลียไม่ห่างพระยุคลบาท เมื่อทรงแสดงพระเมตตาเจ้าหมาน้อย พระพุทธเกษตรานุรักษ์ พัสดีเรือนจำจึงทูลถวาย ตอนนั้นย่าเหลยังไม่มีชื่อ ชะตาจึงพลิกผันจากหมาในคุกไม่มีเจ้าของ มาเป็นหมาในวังของล้นเกล้าฯรัชกาลที่ ๖
       
       ที่จริง ร. ๖ ทรงเรียกย่าเหลว่า “ย้าเล่” ซึ่งมาจาก “ยาร์ดเลย์” ชื่อตัวละครในนิยายฝรั่งเศสเรื่อง “พอลล์ แอนด์ ยาร์ดเลย์” ที่ทรงให้ชื่อภาษาไทยว่า “เพื่อนตาย” ยาร์ดเลย์เป็นผู้เสียสละยอมตายแทนเพื่อนในการทำสงครามใต้ดินฝรั่งเศสกับเยอรมัน เพื่อให้ความรักของเพื่อนกับแฟนสาวสมหวัง

        :96: :96: :96: :96:

       เมื่อโตขึ้นร่างกายของย่าเหลสูงใหญ่ ขนปุกปุย วิ่งตามเสด็จไม่ยอมห่าง เมื่อสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าประทับอยู่ที่ใด ย่าเหลก็จะหมอบเฝ้าอยู่ตรงนั้น ในด้านความแสนรู้ของย่าเหลนั้น มีเรื่องเล่ากันไว้มากมาย อย่างในคราวฝึกเสือป่าที่พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม ย่าเหลได้เดินตรวจแถว และเมื่อเห็นว่าเสือป่าคนใดแต่งกายไม่เรียบร้อย ก็จะเข้าไปคาบแขนดึงออกมาจากแถวให้ทอดพระเนตร
       
       ขณะที่ความแสนรู้ของย่าเหลสร้างความโปรดปรานจากพระเจ้าอยู่หัว ก็ได้สร้างความขุ่นเคือง ริษยา จนถึงอาฆาตแค้นให้แก่ผู้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทไม่น้อย มหาดเล็กบางคนรวมถึงเจ้านายบางองค์เคยถูกย่าเหลขู่กรรโชก บ้างก็ถูกกัด แต่ก็ไมมีใครกล้าตอบโต้ ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นไว้ จนวันหนึ่งเมื่อลับพระเนตรพระกรรณ มหาดเล็กกลุ่มหนึ่งก็คิดบัญชีแค้นกับย่าเหล ซึ่งแน่นอนว่าย่าเหลไม่มีทางตอบโต้กับคน โดยเฉพาะคนหมู่ มันก็ได้แต่กล้ำกลืนความแค้นไว้เช่นกัน คนที่ทำร้ายก็คิดว่าย่าเหลเป็นหมา ไม่สามารถไปฟ้องได้ แต่ย่าเหลฉลาดกว่าที่คิด เมื่อมหาดเล็กกลุ่มนั้นมาเข้าเฝ้า ย่าเหลจึงปราดเข้าหาคนที่ทำร้ายมัน ทั้งเห่ากรรโชก ทั้งกัด แล้ววิ่งกลับมาข้างพระนั่ง จากนั้นก็วิ่งเข้าหามหาดเล็กกลุ่มนั้นทั้งเห่าทั้งกัดอีก ซึ่งผู้ที่ถูกย่าเหลคิดบัญชีแค้นเข้าบ้างก็ได้แต่ปัดป้อง โต้ตอบอะไรไม่ได้ อาการวิ่งไปวิ่งมาของย่าเหลนั้น พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯก็ทรงเข้าพระทัยได้ว่า เกิดอะไรขึ้นระหว่างคนกลุ่มนี้กับย่าเหล จึงรับสั่งด้วยความกริ้วว่า
       
       “ไอ้พวกนี้ มันต้องรังแกหมาของข้าแน่”
       
       จากนั้นก็ทรงบริภาษมหาดเล็กกลุ่มนี้ที่ทำกับย่าเหล ซึ่งทำเอาทุกคนขนหัวลุกไปตามกัน ต่างหวาดกลัวโทษที่จะตามมา ซึ่งไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับพวกตน

       
อนุสาวรีย์ยาเหล่ที่สนามจันทร์ ยังมีแฟนเอาดอกไม้ไปให้เสมอ


       ในราว พ.ศ. ๒๔๕๕ มีมหาดเล็กคนหนึ่งถูกไล่ออกในโทษฐานไม่ซื่อสัตย์ หลังจากนั้นราวเดือนเศษได้แอบเข้ามาในที่ประทับ ย่าเหลได้กลิ่นจึงเข้างับแขนแล้วดึงมาเข้าเฝ้า เคราะห์ดีที่ไม่มีอาวุธจึงถูกปล่อยไป
       
       ต่อมาอีกไม่กี่เดือน ขณะที่ย่าเหลตามเสด็จพระราชดำเนินไปถวายผ้าพระกฐินที่วัดราชบพิตร ข้างกระทรวงมหาดไทย ย่าเหลอาจจะถูกล่อด้วยตัวเมียหรือตามตัวเมียไปเอง ข้ามคลองหลอดไปที่สวนเจ้าเชตถ์ ข้างวังสราญรมย์ และไปถูกยิงที่นั่น โดยไม่สามารถหาตัวคนยิงได้ กระสุนปืนฝังที่ต้นขาขวา แพทย์หลวงได้ทำการผ่าตัดเอาหัวกระสุนออก อาการไม่สู้สาหัสนัก แต่อยู่มาได้อีก ๗ วันย่าเหลก็สิ้นชีวิต
       
       พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ทรงโศกเศร้าเสียพระทัยในการจากไปของย่าเหลอย่างมาก โปรดฯให้จัดขบวนแห่อย่างมโหฬารไปที่วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม แห่เวียนรอบแล้วนำขึ้นเผาที่เมรุชั่วคราว โปรดให้สร้างอนุสาวรีย์หล่อด้วยทองเหลืองขนาดเท่าตัวจริง ตั้งไว้ที่หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ ในพระราชวังสนามจันทร์ บรรจุกระดูกย่าเหลและคำกลอนอาลัยไว้ที่ฐาน
       
       ส่วนหีบที่บรรจุศพย่าเหลก่อนเผา ซึ่งแกะลวดลายอย่างสวยงาม ขณะนี้ตั้งแสดงอยู่ในพิพิธภัณฑ์สถานพระปฐมเจดีย์ ด้านตะวันออกขององค์พระปฐมเจดีย์
       

โลงศพย่าเหล


       คำกลอนที่ติดไว้ที่อนุสาวรีย์ย่าเหลนั้น สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า รัชกาลที่ ๖ ทรงพระราชนิพนธ์ด้วยพระองค์เอง ซึ่งแสดงว่าทรงพระเมตตาและอาลัยย่าเหลอย่างมาก ใครอ่านแล้วก็น้ำตาซึมไปตามกัน ข้อความในคำอาลัยนั้นมีว่า
       
       “อนุสาวรีย์นี้เตือนจิตร์   ให้กูคิดรำพึงถึงสหาย
       โอ้อาไลยใจจู่อยู่ไม่วาย   กูเจ็บคล้ายศรศักดิ์ปักอุรา
       ยากที่ใครเขาจะเห็นหัวอกกู   เพราะเขาดูเพื่อนเห็นแต่เปนหมา
       เขาดูแต่เปลือกนอกแห่งกายา   ไม่เปนฤกตรึกตราถึงดวงใจ

       เพื่อนเปนมิตรชิดกูอยู่เนืองนิตย์   จะหามิตรเหมือนเจ้าที่ไหนได้
       ทุกทิวาราตรีไม่มีไกล   กูไปไหนเจ้าเคยเปนเพื่อนทาง
       ช่างจงรักภักดีไม่มีหย่อน   จะนั่งนอนยืนเดินไม่เหินห่าง
       ถึงยามกินเคยกินกับกูพลาง   ถึงยามนอนๆ ข้างไม่ห่างไกล

       อันตัวเพื่อนเหมือนมนุษย์สุจริต   จะผิดอยู่แต่เพียงพูดไม่ได้
       แต่เมื่อกูใคร่รู้ความในใจ   ก็มองดูรู้ได้ในดวงตา
       โออกกูดูเพื่อนอยู่หลัดๆ   เพื่อมาพลัดพรากไปไม่เห็นหน้า
       กูเผลอๆ ก็ชะเง้อเผื่อเพื่อนมา   เสียงกุกกักก็ผวาตั้งตามอง

       อันความตายเป็นธรรมดาโลก   กูอยากตัดความโศกกมลหมอง
       นี่เพื่อนตายเพราะผู้ร้ายมันมุ่งปอง   เอาปืนจ้องสังหารผลาญชีวี
       เพื่อนมอดม้วยด้วยมือทุรชน   เอารูปคนสวมใส่คลุมใจผี
       เปนคนจริงฤาจะปราศซึ่งปรานี   นี่รากษสอัปปรีปราศเมตตา

       มันยิงเพื่อนเหมือนกูพลอยถูกด้วย   แทบจะม้วยชีวังสิ้นสังขาร์
       จะหาเพื่อนเหมือนเจ้าที่ไหนมา   ช้ำอุราอาไลยไม่วายวัน
       เมื่อยามมีชีวิตร์สนิทใจ   ยามบรรไลยลับล่วงดวงใจสั่น
       ด้วยอำนาจจงรักภักดีนั้น   ขอให้เพื่อนขึ้นสวรรค์สำราญรมย์

       ถึงจะมีหมาอื่นมาแทนที่   กูก็รักเพื่อนนี้เปนปฐม
       ที่ไหนเล่าจะสนิทและชิดชม   ที่ไหนเล่าจะนิยมเท่าเพื่อนรัก
       ถึงแม้จะไม่มีรูปนี้ไว้   รูปเพื่อนฝังดวงใจกูตระหนัก
       แต่รูปนี้ไว้เปนพยานรัก   ให้ประจักษ์แก่คนผู้ไมตรี

       เพื่อนเปนเยี่ยงอย่างมิตรสนิทยิ่ง   ภักดีจริงต่อกูอยู่เต็มที่
       แม้คนใดเปนได้อย่างเพื่อนนี้   ก็ควรนับว่าดีที่สุดเอย”

       
       ย่าเหลเกิดเป็นหมาข้างถนน แต่ได้รับความเมตตารักใคร่จากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ก็เพราะความซื่อสัตย์จงรักภักดี มีความฉลาดแสนรู้คล้ายกับเป็นคน ชี้ให้เห็นว่า ผู้ที่ทำความดีแล้ว ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ย่อมได้ดีตอบแทน อันเป็นหลักธรรมในพระพุทธศาสนา และผู้ที่ประกอบกรรมชั่ว ก็ย่อมได้รับผลกรรมชั่วตอบแทนเช่นกัน มีคำกล่าวที่น่าคิดประโยคหนึ่งว่า
       
       “เกิดเป็นคน ทำดีไม่ได้ อายย่าเหล”




ขอบคุณภาพและบทความจาก
คอลัมน์ เรื่องเก่า เล่าสนุก โดย โรม บุนนาค
http://www.manager.co.th/OnlineSection/ViewNews.aspx?NewsID=9590000083961
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 29, 2016, 10:05:26 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ