พิมพ์

[raponsan]

จริงหรือที่ว่า พุทธศาสนาไม่ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเพราะสอนให้คนไม่อยาก

แม้ปัจจุบันโลกพัฒนาไปมาก แต่ดูเหมือนว่าความสะดวกสบายต่างๆ ไม่เพียงช่วยให้ความทุกข์ของมนุษย์ลดลง แต่ยังกลับทำให้ “ความทุกข์” เพิ่มทวีขึ้นจากความไม่มี ไม่พอ เมื่อ Secret ได้ไปกราบพระอาจารย์ ว.วชิรเมธี ที่ไร่ เชิญตะวัน จังหวัดเชียงราย จึงเป็นโอกาสที่ได้ขอคำแนะนำการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางเศรษฐกิจแบบทุนนิยม

 

Secret : นักธุรกิจทั่วไปอาจมองว่าพุทธศาสนาไม่ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจเพราะสอนให้คนไม่อยาก

ท่าน ว.วชิรเมธี : “แสดงว่าเข้าใจธรรมะตื้นมาก คือคิดว่าเมื่อคนมีธรรมะแล้วความอยากจะหายไป แต่เปล่าเลย แท้จริงแล้วต่อให้คนเรามีธรรมะมากขึ้น ก็ยังคงอยู่ในภาคการผลิตได้ ยังคงเป็นนักเศรษฐศาสตร์ได้ ยังคงเป็นนักการตลาดได้ คุณยังขายโฆษณาได้ ในทางตรงกันข้าม คุณจะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น ถ้าเราเป็นชาวพุทธที่เรียนเรื่องพุทธเศรษฐศาสตร์ก็จะรู้ว่า การบริโภคที่ดีนั้นคือการบริโภคอย่างมีสติและบริโภคคุณค่าที่แท้จริงของสิ่งนั้น ฉะนั้นเราทั้งหลายก็จะให้ความสำคัญกับคุณภาพของการบริโภค และเราก็จะกระตุ้นผู้ผลิตให้ผลิตแต่สินค้าที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น การบริโภคอย่างมีสติจะทำให้กระบวนการผลิตเปลี่ยนแปลงตาม ทรัพยากรที่นำมาใช้ก็จะได้รับการเลือกสรรอย่างถี่ถ้วน ดังนั้นทรัพยากรย่อมได้รับการปกป้องไปในตัว

“ประเทศมหาอำนาจไม่มีความกระตือรือร้นที่จะแก้ไขปัญหามลพิษในอากาศและปัญหาโลกร้อน ด้วยเหตุนี้ทำให้เราเห็นว่าประเทศที่มีเศรษฐกิจชั้นนำของโลกเขาคิดกันอย่างไร เขาเป็นคนก่อปัญหา เหตุใดจึงไม่คิดแก้ปัญหา เพราะถ้าเขาแก้ปัญหาเรื่องนี้ ปัญหาเศรษฐกิจก็จะตามมา อย่างนี้เรียกว่า เศรษฐกิจหรือเศรษฐศาสตร์ที่ไม่รับผิดชอบต่อชาวโลก มันคุ้มกันหรือไม่กับการที่คุณได้กำไรเพิ่มขึ้น แต่คุณภาพชีวิตของคุณแย่ลง นี่คือการได้กำไรที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ มันคือกำไรที่มีผลลัพธ์เป็นการขาดทุนใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าเราฟังแต่เศรษฐศาสตร์กระแสหลักเพียงอย่างเดียว ก็คงไม่มีใครคำนึงถึงความหายนะที่จะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้”

 

ถ้าอย่างนั้นแล้วเราควรปฏิบัติตนอย่างไรไม่ให้ไหลไปตามกระแสทุนนิยม อย่างไหนกันแน่ที่เรียกว่าความอยาก และธรรมะข้อไหนที่ช่วยควบคุมความอยากได้ ท่านว.วชิรเมธีตอบไว้ในนิตยสาร Secret ปีที่ 8 ฉบับที่ 186 (26 มีนาคม 2559) หน้าปกท่าน ว.วชิรเมธี


เรื่อง กองบรรณาธิการ ภาพ วรวุฒิ วิชาธร สไตลิสต์ ณัฏฐิตา เกษตระชนม์
http://www.goodlifeupdate.com/7320/healthy-mind/dhamma/dhamma-daily/economic/

[ธัมมะวังโส]

เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด
คำว่าไม่อยาก ไม่ได้หมายความว่า ไม่ขวนขวาย

  กินอาหาร ไม่ต้องอยากกิน เดี๋ยวหิวก็ต้องกิน มันเป็นธรรมชาติ การใช้ชีวิตของมนุษย์ย่อมต้องอาศัย ปัจจัย 4 หนาวก็ต้องห่มผ้า ร้อนก็ต้องหาเย็น กระหายก็ต้องดื่ม พวกนี้ไม่มีความอยาก มันก็ต้องแสวงอยู่ดี เพราะเป็นธรรมชาติ เพียงแต่ว่า สิ่งที่คนมีธรรมะ จะได้ในเรื่องการแสวงคือ ไม่เป็นทุกข์ถ้ายังหาไม่ได้ ก็ทำใจไปก่อน สวยหรือไม่สวย คุณภาพดีหรือไม่ดี ก็สามารถวางใจวางอารมณ์ไปได้

  พระอริยะพระโสดาบัน ยังแต่งเนื้อแต่งตัว เสริมความงามได้ พอดูได้ไม่ขี้เหร่เกินไป ไม่ใช่ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ทำเป็น ฤษี ชีไพร ไม่อาบน้ำเป็นเดือน ๆ

  ทุกวันนี้ เศรษฐกิจไทยอยู่ได้ เพราะวัด เพราะพระสงฆ์ เยอะนะ แม้ค้าขายของได้ ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ปัจจัย4 อื่น แม้พวกการก่อสร้าง ล้วนแล้ว มีรายได้จากวัด จากชาวพุทธ จริง ๆ เยอะนะ เขาถึงได้กล้วการตั้งธนาคารพุทธขึ้นมา

   

[PRAMOTE(aaaa)]

ผมว่าไม่จริง

   เพราะการรู้ความจริง  เช่นว่าชีวิตต้องดำรงค์อยู่ต่อไป
ยังไงก็ต้องรู้   นอกจากคนวิปลาส  คือคนไม่มีสติสตังค์

   ไอ้คำว่าอยากไม่อยาก

หรือ โผ โพลไหน  มันก็แค่จิตปรุงแต่ง


 แต่อาจจะ จริง หรือไม่จริง  ก็ได้ทั้งนั้น

ถ้าคนเรามีสติก็จะรู้ความจริง

ในเรื่องมงคลตื่นข่าว

ว่าสิ่งใดใช่หรือไม่ใช่

เป็นสาระหรือไม่เป็นสาระ


การตื่นมีข่าว แบบนี้ ก็มีข่าวทั้ง

ที่ออกจากฝ่ายศิล และไม่ศิล


บางครั้งหากอ่านแล้ว มันไม่เป็นกลาง

เอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง

มันก็ จริงไม่จริงก็ได้

เฮอะๆ

[ธัมมะวังโส]

เงินศาสนาสถานทั่วประเทศไทย เป็นเงินมหาศาล เพราะมีคุณค่าทางจิตวิญญาณของคนไทยเอง

ศาสนาสถานเหล่านี้ ไม่ได้รับการอุดหนุนจากรัฐ หรือองค์กรข้ามชาติ นะ