ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “นิพพาน” เป็นสากลสำหรับคนทั้งโลก จริงหรือ.?  (อ่าน 1260 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

“นิพพาน” เป็นสากลสำหรับคนทั้งโลก จริงหรือ.?

ถาม : ผมไม่ศรัทธาในศาสนาใดๆ เลย แต่ผมสนใจศึกษาศาสนาในฐานะที่เป็นปรัชญา สำหรับผมพระพุทธเจ้าเป็นเพียงนักคิดคนหนึ่งที่ฉลาดมากๆ ตอนนี้ผมกำลังสนใจพระพุทธศาสนาในฐานะศาสตร์สาขาหนึ่ง มีสิ่งที่ผมอยากรู้ แต่ยังไม่มีใครตอบให้หายสงสัยได้คือ ถ้าหากเราไม่ได้เป็นชาวพุทธ เราจะบรรลุนิพพานได้ไหม

      ถามโดยนักศึกษาชาวอังกฤษจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์


 ans1 ans1 ans1 ans1

ตอบ : ก่อนอื่นขออธิบายสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนก่อน คำสอนของพระพุทธเจ้านั้นแต่เดิมเป็นเพียง “สัจธรรม” คือ ความจริงที่มีอยู่เองตามธรรมชาติ พระองค์เพียงแต่ทรงค้นพบความจริงนั้นแล้วทรงนำออกมา “แสดง” [สังเกตให้ดี ทรงใช้คำว่า “แสดง” สำหรับสัจธรรมส่วนพระวินัยหรือกฎระเบียบของสงฆ์ทรงใช้คำว่า “บัญญัติ” คือ ทรงวางระเบียบขึ้นมา สองคำนี้เป็นการบอกฐานะของ “ธรรม” (สัจธรรม)และวินัย (สิ่งสมมุติ) ได้เป็นอย่างดี]

สัจธรรมตามธรรมชาติ คือ ความทุกข์ก็ดี นิพพานก็ดี เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วก่อนการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ลองสังเกตง่ายๆ ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะมาอุบัติหรือไม่ก็ตาม คนเกิด คนแก่ คนเจ็บ คนตายก็มีอยู่แล้ว นี่คือสัจธรรม ทุกข์มีอยู่ นิพพานก็มีอยู่เหมือนกัน แต่คนยังไม่มีปัญญาพอที่จะมองเห็นนิพพานเท่านั้นเอง อุปมาง่ายๆ ก่อนนิวตันมาเกิด กฎแห่งแรงโน้มถ่วงก็มีอยู่แล้ว นิวตันแค่มาค้นพบเท่านั้นกฎแห่งแรงโน้มถ่วงก็เป็นสัจธรรมอย่างหนึ่งเหมือนกัน นิวตันตายกฎนี้ก็ยังอยู่ ไม่ได้หายไปด้วย

ต่อมาหลังพุทธกาลหลายร้อยปีจึงมีคนเรียกสัจธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสอนว่า “พุทธศาสนา” คำว่า “พุทธศาสนา” จึงเป็นสมมุติบัญญัติอย่างหนึ่ง ไม่ใช่ตัวสัจธรรม แต่สัจธรรมในนามของพุทธศาสนาก็ยังมีอยู่และเป็นจริงอยู่เหมือนเดิม ดังนั้น คุณจะศรัทธาหรือไม่ศรัทธาในพุทธศาสนา คำสอนของพระพุทธเจ้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะมันเป็นของมันอย่างนั้นมาก่อนแล้ว คุณจะเรียกชื่อมันว่าอะไรก็ตามเถิดสัจธรรมจะไม่เปลี่ยนคุณภาพไปตามชื่อที่คนเรียก เหมือนคุณเรียกแอ๊ปเปิ้ลว่ากล้วย แต่แอ๊ปเปิ้ลก็ยังมีรสชาติตามธรรมดาของมันอยู่นั่นเองสัจธรรมจะไม่เปลี่ยนคุณภาพไปตามสิ่งที่คนเข้าใจ เหมือนน้ำร้อน คุณจะเชื่อว่าร้อนหรือไม่เชื่อ มันก็ร้อนของมันอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม

นี่คือความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีลักษณะต่างจากศาสนาอื่นตรงที่ไม่ใช่เป็นบัญญัติเฉพาะกาล แต่คือความจริงสากล และในเมื่อทรงสอนความจริงสากล ดังนั้น คนทั้งโลกก็มีสิทธิ์ในมรรคผลนิพพานที่ทรงสอนได้ทั้งนั้น


 :96: :96: :96: :96:

จะขอเล่าเรื่องจริงให้ฟังเรื่องหนึ่ง

ในสมัยพุทธกาล มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อ “ปุกกุสาติ” ชายหนุ่มคนนี้ได้ยินชื่อเสียงของพระพุทธองค์แล้วเกิดความเลื่อมใสเป็นกำลังจึงตัดสินใจทิ้งบ้านช่อง แล้วออกเดินทางท่องไปในโลกว้างในฐานะอนาคาริก (ผู้ไม่ครองเรือน) เขาเดินทางไปทุกหนทุกแห่งที่มีคนเล่าลือว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จดำเนินผ่านมา จนกระทั่งวันหนึ่งเมื่อถึงเวลาพลบค่ำ เขาจึงขอเข้าพักที่เรือนพักของนายช่างหม้อคนหนึ่งในหมู่บ้านนั้นเมื่อเข้าไปถึงในห้องพัก เขาก็พบว่ามีสมณะรูปหนึ่งพำนักอยู่ก่อนแล้วเขาจึงเข้าไปกราบท่านและขอสนทนาธรรมด้วย

คืนนั้นทั้งคืนชายหนุ่มนั่งสนทนาธรรมกับสมณะหนุ่มนั้นอย่างออกรส จนกระทั่งพอรุ่งสางจึงได้ดวงตาเห็นธรรม แล้วรู้ว่าผู้ที่ตนสนทนาด้วยทั้งคืนคือพระพุทธเจ้า เขาจึงกราบขออภัยที่เรียกขานพระองค์ด้วยสามัญนามด้วยความไม่รู้ แต่พระพุทธองค์ไม่ทรงติดใจพอเขาขอบวช พระองค์ทรงบอกว่า จะต้องมีบาตร มีจีวรก่อน ชายหนุ่มจึงขอตัวออกมาหาบาตรและจีวร แต่โชคร้าย ระหว่างทางเขาถูกวัวบ้าขวิดตายเสียก่อน ภิกษุทั้งหลายทราบข่าวนี้ด้วยความเป็นห่วง แต่พระพุทธองค์ตรัสว่า ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เพราะชายหนุ่มผู้นั้นได้บรรลุพระนิพพานขั้นที่ 3 (เป็นพระอนาคามี) แล้ว และจะไม่กลับมาเกิดอีกไม่ว่าในภพไหนๆ


 :25: :25: :25: :25:

ในเวลาต่อมามีนักประพันธ์เอกคนหนึ่งชื่อ Karl Gjellerup ได้นำเอาเค้าโครงจากเหตุการณ์นี้มาแต่งเป็นนวนิยายที่มีชื่อเสียงระดับโลกคือ กามนิต-วาสิฏฐี ทำให้พุทธศาสนาเป็นที่รู้จักแพร่หลายในโลกตะวันตก

จากเรื่องจริงนี้จึงเป็นอันยืนยันได้ว่าสัจธรรมที่เป็นสากลนั้นเป็นสากลอยู่วันยังค่ำ แม้จะไม่รู้จักชื่อหรือเรียกชื่อสัจธรรมนั้นไม่ถูกเลยด้วยซ้ำ แต่ถ้าปฏิบัติถูกต้อง ก็ได้รับผลเหมือนกันอย่างแน่นอนเหมือนดังเช่นปุกกุสาติที่ไม่เคยรู้เลยว่ากำลังสนทนาอยู่กับพระพุทธเจ้าแต่ตลอดการสนทนานั้น เขาได้รับรสแห่งธรรมอยู่อย่างเต็มเปี่ยมพอมารู้ตัวอีกทีก็บรรลุธรรมไปเรียบร้อยแล้ว

คนที่กินแอ๊ปเปิ้ลโดยไม่รู้ว่ามันมีชื่อว่าอย่างไร แต่ถ้ากินแล้วได้รับรสอร่อยและอิ่มท้อง แค่นั้นก็นับว่าสำเร็จผลของการกินอาหารแล้ว เรื่องนี้ฉันใด ในการปฏิบัติธรรมตามแนวพุทธก็ฉันนั้น ถ้าปฏิบัติถูกวิธีแล้ว ไม่ต้องรู้บาลีก็ได้ ไม่ต้องปฏิญาณว่าเป็นชาวพุทธและไม่ต้องบวชก็ได้ ทุกคนมีสิทธิ์บรรลุมรรคผลเหมือนกัน


 
ธรรมะจากท่าน ว.วชิรเมธี : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
http://www.goodlifeupdate.com/30430/healthy-mind/dhamma/dhamma-daily/nibbana/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: “นิพพาน” เป็นสากลสำหรับคนทั้งโลก จริงหรือ.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2016, 09:38:15 pm »
0
ขออนุโมทนาสาธุ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา