ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเหงา มีสาเหตุมาจากอะไร.?  (อ่าน 923 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ความเหงา มีสาเหตุมาจากอะไร.?
« เมื่อ: ธันวาคม 13, 2016, 11:36:56 am »
0



ความเหงา มีสาเหตุมาจากอะไร.?

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ  พระวิปัสสนาจารย์ที่เน้นสอนด้านการปฏิบัติ โดยสอนที่พุทธิกสมาคมฯ  ได้ตอบปัญหาเรื่อง “ความเหงา” นี้ไว้ว่า

พระอาจารย์ขา ความเหงาเกิดจากอะไรหรือคะ.?

ความเหงาเกิดจากกิเลสตัวสำคัญคือโมหะ เป็นอวิชชาตัวหนึ่งที่ทำให้คนไม่รู้สึกตัว คนที่มีโมหะประกอบจะมีอาการเหม่อๆ เหงาๆ คิดโน่นคิดนี่ เปล่าเปลี่ยว อ้างว้าง เหมือนเราอยู่คนเดียวในจักรวาล จิตใจจะหดหู่ลง ๆ โดยเฉพาะเวลานั่งดูพระอาทิตย์ตกดิน จิตจะตกไปกับพระอาทิตย์เพราะมองด้วยความเหม่อ ไม่มีสติ พอมีโมหะแล้ว ตัวอื่น ๆก็จะเข้ามาร่วมแจมด้วย เป็นราคะบ้าง โทสะบ้าง ทำให้เกิดความขุ่นใจ คิดโน่นคิดนี่ บางครั้งก็อยากฆ่าตัวตาย เป็นความคิดปนๆ เข้ามาโดยที่เราไม่รู้ตัว

@@@@@

มีคำกล่าวว่า “มนุษย์เป็นสัตว์สังคม” แสดงว่ามนุษย์เกิดมาเพื่อเหงา ต้องอยู่กับกลุ่มกับพวกหรือเปล่าคะ

คำกล่าวนี้เป็นศัพท์สมมติเฉยๆ ว่ามนุษย์ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้ ต้องอยู่กับกลุ่มกับพวก เพราะมนุษย์ยังมีกิเลส ยังเป็นผู้ที่มีสัญชาตญาณแห่งความหวาดกลัว จึงไม่สามารถอยู่ด้วยตัวเองได้ กลัว…แต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร รู้แต่ว่ากลัว…“ไม่รู้” จึงกลัว เพราะมีอวิชชาคลุมจิตอยู่ บางครั้งอาจารย์ถามว่า “กลัวความมืดหรือ” ไม่ใช่ “กลัวผีหรือ”ไม่ใช่ “กลัวสับปะรดหรือ” ไม่ใช่ สรุปไม่ได้กลัวอะไรสักอย่าง รู้แต่ว่ากลัว แต่ไม่รู้ว่ากลัวอะไร และเพราะมีความไม่รู้อยู่ที่ตัวมันนี่แหละ มันจึงไม่รู้ว่ามีความไม่รู้อยู่จึงกลัว

แต่พอมาฝึกภาวนา มีวิชา เกิดเป็นความรู้ขึ้นมาสัญชาตญาณแห่งความกลัวจึงหมดไป จึงอยู่คนเดียวได้โดยเฉพาะมนุษย์ที่ไม่มีกิเลส เช่น พระอรหันต์ พระอริยบุคคล หรือสำหรับผู้ที่ภาวนาข้ามฝั่งแล้ว แต่ละท่านได้ผ่านขีดจำกัดของสัญชาตญาณมนุษย์จนไม่มีความหวาดกลัว ไม่กลัวตายอีกต่อไป สุดท้ายก็จะไม่เหงา ไม่กลัว สามารถอยู่คนเดียวได้ หรือถ้าจะเข้าสังคม ก็จะเข้าเพื่อบำเพ็ญประโยชน์เฉย ๆ เสร็จกิจกรรมก็หันมาอยู่คนเดียว ปลีกวิเวกได้

@@@@@

พอใกล้ปีใหม่ หลายคนบอกว่า “เหงาจัง อยากมีแฟน”…พระอาจารย์มีความเห็นอย่างไรกับคำพูดนี้คะ

จริงๆ ถึงมีแฟน บางคนก็ยังเหงาอยู่ดี เพราะมันไม่แน่นอน ถ้าเขาอยู่กับเรา เราอาจจะคลายเหงาบ้าง แต่พอเขาจากไป เราก็จะกลับมาเหงาอยู่ดี เพราะเราเอาความเหงา - ไม่เหงาของเราไปผูกไว้กับคนใดคนหนึ่งซึ่งไม่มีอะไรเป็นเครื่องการันตีได้ว่าสิ่งนั้นจะเสถียรแน่นอน เขามาอยู่ด้วยก็รู้สึกแฮ็ปปี้เอนดิ้ง ไม่เหงา แต่พอเขาไปปุ๊บก็เหงาต่อปั๊บ นั่งคอยว่าเมื่อไรเขาจะมาหา จากวันกลายเป็นเดือน จากเดือนกลายเป็นปี ถ้าเขาไม่มาก็คิดถึงเขาเหลือเกิน ชีวิตฉันขาดเธอไม่ได้สุดท้ายฆ่าตัวตาย เสียค่าโง่ไปอีก คนสมัยนี้เป็นกันเยอะ…

พระพุทธองค์จึงตรัสว่า “นี่ไม่ใช่ที่พึ่งอันเกษม” ท่านถึงทรงแนะให้คนเราเอาสติมาอยู่กับลมหายใจหรือองค์บริกรรมใด ๆ ที่จะทำให้เราไม่ไปเกาะกับบุคคล สัตว์ สิ่งของ ซึ่งสิ่งเหล่านั้นมันไม่แน่นอน แต่ถ้ามีพุทโธเป็นเพื่อน ดูยังไงลมหายใจก็ยังอยู่ เอาสติเป็นเพื่อนก็จะไม่เหงา

@@@@@

อย่างนี้เราจะมีวิธีป้องกันไม่ให้เกิดความเหงาได้ไหมคะ

เราก็ต้องไม่ให้เกิดโมหะเลย โดยการมี “สติ” เพราะสติเป็นเครื่องรู้ เครื่องตื่น เครื่องเบิกบาน เมื่อเรามีสติ จิตตื่นกายตื่นแล้ว เราจะเหงาได้อย่างไร ความซึมเศร้าเหงาหงอยเปล่าเปลี่ยวเดียวดายก็จะหมดไป ดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้ฝึกสติ จึงเหงาอยู่ตลอดเวลา ส่วนคนที่มาเข้าคอร์สปฏิบัติ-ธรรมจะไม่เหงา เพราะทุกการกระทำ ยืน เดิน นั่ง นอนจะมีสติเป็นเพื่อน คำว่าเหงาก็จะไม่มีอีกต่อไป

@@@@@

แล้วถ้าเราไม่ได้ฝึกสติล่ะคะ จะป้องกันความเหงาอย่างไรดี

ก็ต้องเอาสิ่งที่เป็นกุศลอย่างอื่นมาเป็นเพื่อนแก้เหงานะเช่น ไปทำกิจกรรมสาธารณกุศล ช่วยเหลือสังคม อาสาสมัคร บำเพ็ญประโยชน์ คนที่ขี้เหงา ถ้าอยู่เฉยๆ จะยิ่งเหงาเหม่อ เอ๋อ ปล่อยความคิดล่องลอยไป…ไม่มีใครรักฉันเลยฉันถูกทอดทิ้ง คิดเองเออเองไปเรื่อยๆ ว่าตัวเองไม่มีคุณค่าไม่มีประโยชน์ต่อสังคม เขาถึงว่า ไม่มีอะไรทำร้ายตัวเธอได้นอกจากเธอทำตัวของเธอเอง (หัวเราะ) ดังนั้น คนเหงาจะอยู่คนเดียวต้องระวังความคิดให้ดี เพราะความคิดของคนเหงามักพาไปทำสิ่งที่เป็นอกุศลอยู่เรื่อย สู้เราไปทำกิจกรรมดี ๆและเอาพลังความเหงามาสร้างสรรค์ให้สังคมดีขึ้นกันดีกว่าพอไปทำอะไรดีๆ เช่น ไปแจกผ้าห่มให้ชาวเขา แจกของให้คนที่ประสบภัยน้ำท่วม แล้วมีคนชม มีคนขอบคุณ อนุโมทนา พลังในตัวเองก็จะถูกกระตุ้นขึ้นมาเอง แล้วความเหงาก็จะลดน้อยลงไป

ในการเข้าสังคม ควรเลือกสังคมที่ดี ที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่เกื้อกูลกัน เป็นสังคมกัลยาณมิตรที่แนะนำแต่ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ ช่วยกันเสริมไปในทางที่ถูก มีเพื่อนดีถึงจะน้อยดีกว่าร้อยเพื่อนคิดริษยา ถ้าไม่มีเพื่อนจริง มีหมาเป็นเพื่อนดีกว่ามีเพื่อนหมาๆ อยู่กับสัตว์ยังดีกว่า…

@@@@@

วิธีแก้เหงา โดยพระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

วิธีแก้เหงาแบบโลกๆ คือ อย่าอยู่เฉยๆ ไปล้างห้องน้ำ ล้างถ้วยกาแฟ จาน ชาม เมื่อเช้าล้างหรือยังยังไม่ได้ล้าง ที่นอนเก็บหรือยัง ยังไม่ได้เก็บ ดูแลคุณพ่อคุณแม่หรือยัง…ยัง ฯลฯ สิ่งที่ต้องทำยังมีตั้งมากมาย ทำไมไม่ทำ กลับมานั่งเหงาคนเราพอมีอวิชชา โมหะคุมจิต มักจะหาทางออกไม่ได้ ซื่อบื้ออยู่อย่างนี้ เหมือนนักมวยเมาหมัดจนมุมจนตรอก มืดแปดด้าน จำเป็นต้องมีกัลยาณมิตรคอยช่วยเหลือ แนะนำพาไปทำสิ่งที่ดีๆ



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/41796/healthy-mind/dhamma/dhamma-daily/themythofloneliness/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ