ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อพระทำ ผิดวินัย…โยมจะทำอย่างไรดี.?  (อ่าน 1531 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เมื่อพระทำ ผิดวินัย…โยมจะทำอย่างไรดี.?

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ  พระวิปัสสนาจารย์ที่เน้นสอนด้านการปฏิบัติ โดยสอนที่พุทธิกสมาคมฯ  ได้ตอบปัญหาเรื่อง “ทำผิดวินัย” นี้ไว้ว่า

ถาม : พระอาจารย์คะ ถ้าเราพบเห็นพระ ทำผิดพระวินัย ที่พระพุทธองค์ทรงบัญญัติไว้ เราควรแก้ปัญหานี้อย่างไรคะ

ตอบ : พระทำผิดก็อย่าไปทำผิดตามพระสิ ท่านทำผิดก็เป็นเรื่องของท่าน ไม่ใช่เรื่องของเรา…ใครทำกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับผลของกรรมนั้น สมมติว่าท่านทำผิดวินัยแล้วต้องตกนรก เราจะโดดลงนรกตามท่านไปทำไม

จริงๆ แล้ว การไม่แก้ปัญหาก็เป็นวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหานะ เพราะปัญหาบางอย่างแก้ไขกันเดี๋ยวนั้นไม่ได้ แก้ไปเดี๋ยวก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม บางเรื่องต้องใช้เวลา หรือไม่ก็ต้องให้คนที่สร้างปัญหาแก้ปัญหานั้นได้ด้วยตัวของเขาเอง ถ้าคนทำเป็นคนแก้ ปัญหาจะยิ่งแก้ได้ง่ายและไวขึ้น แต่ถ้าคนอื่นไปแก้ให้ เรื่องจะเยอะเลย

ในเมื่อพระเป็นคนกำมือ ให้พระเป็นคนแบเองง่ายไหม…ง่ายนะ แต่ถ้าท่านกำแล้ว ทุกคนพยายามจะไปทำให้มันแบยากไหม…ยากมาก อย่างในสมัยพุทธกาล พระในเมืองหนึ่งอยู่กันอย่างสุขสบาย มีญาติโยมอุปัฏฐากเป็นอย่างดี ต่อมามีกรณีพิพาทเกิดขึ้น ทะเลาะกันใหญ่โต พระพุทธเจ้าทรงห้ามก็ไม่มีใครฟัง จึงทรงตัดสินใจปลีกวิเวกเข้าไปอยู่ในป่าไง

พอพระพุทธเจ้าเสด็จเข้าไปอยู่ในป่า ชาวบ้านก็ถามพระว่าพระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ไหน พระก็ตอบว่าพระพุทธเจ้าประทับอยู่ในป่า สืบสาวราวเรื่องไปจึงทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงหนีไปอยู่ป่าเพราะพระมัวแต่ทะเลาะกัน สักพักชาวบ้านจึงเริ่มไม่ใส่บาตร ไม่บำรุงในเรื่องปัจจัยสี่ พระก็เลยเริ่มอดนานๆ เข้าจึงคิดได้ว่า เหตุที่ชาวบ้านไม่ให้การบำรุงเป็นเพราะเราทะเลาะกัน สุดท้ายพระทั้งหมดจึงมาประชุมและสมานสามัคคีกัน แล้วไปนิมนต์พระพุทธเจ้าให้เสด็จกลับมา เหตุการณ์ทั้งหมดใช้เวลาเป็นสัปดาห์ๆ พระพุทธองค์ไม่ทรงแก้ไขนะ ทรงปล่อยให้เวลาเยียวยาแก้ไขด้วยตัวมันเอง

 ask1 ans1 ask1 ans1

ถาม : เวลาเราเห็นพระไปยืนเลือกแผ่นภาพยนตร์ตามห้างสรรพสินค้า ไม่ก็นั่งดูโทรทัศน์หัวเราะเฮฮา หรือเคยเห็นบางรูปขอเบอร์โทรศัพท์สีกา บ้างก็ห่มจีวรหลุดๆ ลุ่ยๆ ไม่สำรวมสมกับเป็นพระสงฆ์…ในฐานะพุทธบริษัท เราควรเตือนหรือทำอย่างไรดีคะ


ตอบ : ตามหลักให้แจ้งผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารจัดการยกตัวอย่างเช่น เห็นคนทำผิดกฎหมาย เราก็ควรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ใช่เราไปวิสามัญหรือพิพากษาเขาด้วยตัวเอง อะไรไม่ใช่หน้าที่ของเราอย่าไปทำ ไม่งั้นจะเป็นกรรม อย่างสมมติถ้าไปเจอพระแถวพันธุ์ทิพย์ พันธุ์ทิพย์อยู่เขตไหนก็แจ้งไปทางเจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัดนั้นให้พระจัดการเรื่องของพระ นี่คือหน้าที่โดยธรรมที่เราสมควรทำ ถ้าทำอย่างนี้ได้ ปัญหาจะไม่เกิด

หากเราเข้าไปก้าวก่ายหรือเข้าไปจัดการอะไรกับพระด้วยตัวเอง บางทีก็ยากที่จะแยกแยะอารมณ์และความรู้สึกออกไปหากเรามีอารมณ์ร่วมด้วย ต่อให้พฤติกรรมที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้องดีงามแค่ไหน สิ่งที่ทำก็ถือเป็นอกุศลกรรมอยู่ดี เพราะมีโทสะประกอบอยู่ในจิต แต่ถ้าเราไปแจ้งผู้มีอำนาจ เขาก็จะทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา เราก็ไม่มีอารมณ์ร่วมมากนักอย่างบางคนเห็นอะไรไม่เหมาะสมปุ๊บ คิดจะเดินไปตบผัวะก็ลองคิดดูนะว่าตอนทำน่ะจิตว่างจากโทสะไหม ถ้าตบด้วยจิตว่างมันก็น่าอนุโมทนา…แต่ส่วนมากไม่ใช่

ฉะนั้น ก่อนที่เราจะทำสิ่งไหน ให้เช็กที่จิตว่าขณะนั้นจิตเรามีอารมณ์ปนเปื้อนหรือไม่ ถ้ามีอารมณ์ให้ “หยุด” อย่าเพิ่งทำอะไร อาจจะบริกรรมพุทโธ หรือนับ 1-2-3 ไปสักขณะสองขณะก่อน พออกุศลกรรมอ่อนกำลัง อารมณ์เริ่มเบาหรือว่างปุ๊บ เราค่อยเดินเข้าไปหาท่าน “ท่านผู้เจริญ ท่านทำอย่างนี้ไม่เหมาะนะ” ท้วงติงท่านอย่างมีสติ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าฉลาดจริง…พฤติกรรมเหมือนเดิม วาจาที่พูดก็คำเดิม แต่ถ้าพูดก่อนหน้านี้สักหนึ่งนาทีอาจมีอารมณ์ปนเปื้อน อาจใช้วาจารุนแรงให้เป็นบาปกรรมกับตัวเราเอง

กรรมที่ทำด้วยเจตนาอันร้ายแรง ทำด้วยความหมั่นไส้ถึงจะได้ความสะใจคืนมา เพราะได้จัดการพระไปหนึ่งรูป แต่ตัวเราต้องลงนรก มันคุ้มแล้วหรือ


 ask1 ans1 ask1 ans1

ถาม : สมัยนี้พระทำผิดวินัยมีมาก พระปลอมก็เยอะจะป้องกันแก้ไขได้อย่างไรคะ

ตอบ : พระไม่มีปลอม พระจริงหมดนะ ส่วนคนที่เอาผ้าเหลืองมาห่มตัวเพื่อบิณฑบาตตอนเช้า ตกเย็นก็ถอดจีวรไปเข้าผับนั่นไม่ใช่พระหรอก ดูง่ายๆ ถ้าเป็น “พระ” ท่านจะมีใจประเสริฐศีลงามพร้อม การคิด การพูด การทำก็ต้องเป็นไปเพื่อการหลุดพ้น ไม่เป็นการก่อภพสร้างชาติหรือเพื่อมีลาภยศชื่อเสียงเงินทอง จุดประสงค์จริงๆ ของการบวชก็คือเพื่อละ เพื่อสละเพื่อนิพพาน ในยุคแรกๆ ของการบวช จิตของพระแต่ละท่านมุ่งมั่นที่จะหลุดพ้นจากความทุกข์ เลยตัดสินใจสละเครื่องพะรุงพะรังหลายส่วนเข้ามาสู่วิถีนี้ เรียกว่า “บวชไกลกังวล”

ต้องยอมรับนะว่าสมัยนี้มีการบวชหลายประเภท บวชหาเงินใช้หนี้ บวชหนีตำรวจ บวชสวดพระมาลัย บวชไกลกังวล บวชบุญเจ้าพ่อ บวชล่อข้าวเย็น บวชเล่นสีกา บวชผลาญข้าวสุก บวชสนุกตามเพื่อน บวชเปื้อนศาสนา และยังมีคนที่บวชเพราะอกหัก หลักลอย คอยงาน สังขารเสื่อม(หัวเราะ) ร้อยแปดพันเก้า บวชบุญเจ้าพ่อก็พวกบวชแก้บนบวชสวดพระมาลัยก็บวชเพื่อไปสวดตามงานศพแล้วรับซองเงินบวชหนีเมียนี่ก็มี (หัวเราะ) เพราะเมียวุ่นวายเหลือเกิน บวชมาเลี้ยงลูกเลี้ยงเมียเลี้ยงสามีก็มีนะ ในย่ามมีลิปสติกแป้งพัฟกระจก รองพื้นครบ…ซึ่งไม่เหมาะสม

สมัยก่อนใช่ว่าไม่มีปัญหาแบบนี้ มีเหมือนกัน พระวินัยทุกข้อเกิดจากการทำผิดขึ้นมาก่อน พระพุทธเจ้าจึงทรงมาห้ามทีหลัง ขนาดสมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระยังทำผิดกันเพียบเลย นับประสาอะไรกับสมัยนี้

จริงๆ พระอุปัชฌาย์ผู้อนุญาตให้บวชมีส่วนสำคัญ ถ้ารู้ว่าใครมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมและไม่อยากให้เกิดความเสียหายในวงกว้าง ก็สามารถกันไว้ก่อนโดยการไม่บวชให้ แต่ตอนหลังพระอุปัชฌาย์บางรูปอาจจะง่ายๆ สบายๆ ใครอยากบวชก็บวชได้เลย ไม่เข้มงวดกวดขัน จึงเกิดปัญหาขึ้นมา…เรื่องนี้เป็นปัญหาระดับองค์รวมของเจ้าคณะสงฆ์ทั้งหมดที่ต้องมาร่วมเสวนากันว่าต่อไปอาจจะต้องเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งคณะสงฆ์ต้องไม่นิ่งดูดาย

แต่ทั้งนี้ต้องเข้าใจว่า บางครั้งมหาเถรสมาคมต้องรอให้เกิดปัญหาขึ้นก่อนจึงจะสามารถประชุมเสวนากันเพื่อบัญญัติกฎขึ้นได้ ต่อให้พฤติกรรมบางอย่างไม่ผิดพระวินัย แต่เพื่อความงามของคณะสงฆ์ไทยและเพื่อส่งเสริมศรัทธาของประชาชนก็ต้องบัญญัติกฎใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง แต่ปัญหาพระตุ๊ด พระแต๋วนั้น บางทีเป็นเพราะตอนมาขอบวชก็ดู “แมน” ดี แต่พอบวชไปสักเดือนเริ่ม “แม้นแมน” (หัวเราะ) ถ้าไม่อยากให้คณะสงฆ์แปดเปื้อน มีแต่สิ่งไม่ดีไม่งาม ทุกคนต้องร่วมกันสร้างสรรค์สังคม อย่าปล่อยให้ “เธอ” ลอยนวล


 st11 st11 st11

ชาวพุทธต้องทำหน้าที่ของพุทธบริษัทอย่างเต็มที่โดยมีเมตตาปรานีเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ชั่วชั่งชี ดีชั่งสงฆ์ ปล่อยปละละเลยไป…ไม่งั้นเสร็จแน่…



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/41819/healthy-mind/howtodealwiththemonkswhodisobeytherules/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7292
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
Re: เมื่อพระทำ ผิดวินัย…โยมจะทำอย่างไรดี.?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 03:34:28 pm »
0
ควรจะอยู่เฉย ๆ ก่อน เพราะว่า ต้องย้อนถามกลับไปว่า รู้ ธรรมวินัย ของ พระดีขนาดไหน ?
แต่ถ้าจะยุ่ง ควรจะต้องพิจารณา ระดับ วินัย ด้วย

  ถ้าเป็น ปาราชิก 4 ควรแจ้งสงฆ์ฝ่ายปกครองตั้งแต่ ตำบล อำเภอ จังหวั ควรแจ้งต้นสังกัด ให้ดำเนินการ ต้องประกอบด้วยหลักฐานด้วย เพื่อให้ขับจากการเป็นพระ
  ถ้าเป็น สังฆาทิเสส 13 ควรแจ้งต้นสังกัด เพื่อว่ากล่าวตักเตือน และให้ทำ วุฏฐานวิธี

  ส่วนอาบัติที่เหลือ เป็นอาบัติเบา แม้เป็นโลกวัชชะ ( โลกติเตียน )แต่ก็ไม่ได้ทำให้ขาดจากความเป็นพระ พิจารณาเป็นเรือ่ง ๆ ไป แต่ก็ต้องภาวะ ดูเหตุ

     เช่น พระดื่มสุรา อย่างนี้ ถึงแม้เบา แต่เหตุจะลามไปสู่ ปาราชิก 4 และ สังฆาทิเสส 13 ได้ เพราะขาดสติ ก็สมควรที่จะต้องล็อกไว้ ( แต่ปัจจุบัน มส. ให้ทำการลาสิกขาบถ เลย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ไม่สมควร ตามธรรมวินัย ) หรือ ขับรถยนต์ มอร์เตอร์ไซค์ ก็ให้จับลาสิกขาบถ อย่างนี้ ดูแล้ววินิจฉัย หนักไป

    ดังนั้นถ้าจะถามว่า ชาวบ้านควรทำอย่างไร ?
    ก็ต้องตอบว่า ชาวบ้านทำอะไรไม่ได้ นอกจากแจ้ง หรือ ฟ้อง เพราะไปจับพระสึกเองไม่ได้ ถ้าเกิดท่านบริสุทธิ์เป็นเพราะเข้าใจผิด มีความเสี่ยงต่อ อกุศลของตนเอง มาก
    ก็ต้องว่าไปตามสถานการณ์ นะ
 
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เมื่อพระทำ ผิดวินัย…โยมจะทำอย่างไรดี.?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ธันวาคม 12, 2016, 08:23:06 pm »
0
สาธุ ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา