ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฟรีเซ็กซ์ บาปหรือไม่.?  (อ่าน 1892 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29339
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ฟรีเซ็กซ์ บาปหรือไม่.?
« เมื่อ: ธันวาคม 16, 2016, 09:30:13 am »
0


ฟรีเซ็กซ์ บาปหรือไม่.?

การมีพฤติกรรมแบบฟรีเซ็กซ์ หรือมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกัน โดยที่ต่างฝ่ายต่างเห็นว่าเป็นเรื่องสนุกน่าลอง และเป็นการหาประสบการณ์ชีวิต อย่างนี้ถือว่าบาปหรือไม่ และจะต้องได้รับผลกรรมอะไรไหมครับ

สำหรับเรื่องนี้ พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ท่านว.วชิรเมธี)ได้ให้คำตอบไว้ว่า

พฤติกรรมแบบฟรีเซ็กซ์ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้เพราะพลังของความเชื่อมั่นในระบบศีลธรรมแบบไตรภูมิพระร่วง (กฎแห่งกรรม) ลดลง และพลังของเสรีนิยมประชาธิปไตยสูงขึ้น ซึ่งพลังของฝ่ายหลังนี้เองที่เปิดทางสะดวกให้สัญชาตญาณของมนุษย์ที่มีกิเลสคอยหล่อเลี้ยงเบ่งบาน

    กฎแห่งกรรมที่เคยกำกับเส้นศีลธรรมในสังคมไทยอ่อนพลังลง  ”กฎแห่งกาม  ก็เลยเฟื่องฟู
    กฎแห่งกามนั้นมีหลักอยู่ว่า ยิ่งตามใจกฎนี้มากเท่าไร ยิ่งไม่มีจุดจบ ทั้งนี้ กล่าวตามนัยพระพุทธวจนะที่พระพุทธเจ้าเคยตรัสว่า
    "เราอาจอาศัยความอยากละความอยาก(ตัณหา) เราอาจอาศัยความทะนงตน(มานะ) ละความทะนงตน แต่เราไม่อาจอาศัยกาม(sex) ละกามได้เลย"

     ans1 ans1 ans1 ans1

    ในกรณีของกามนั้น มีอยู่ทางเดียวที่จะละได้ คือต้อง ชักบันไดเสีย
    คำว่า ”ชักบันได  คือ  ต้องเลิกหมกมุ่น รู้จักพอและถึงที่สุดคือต้องหันหลังให้โดยสถานเดียว การหมกมุ่นในกาม ไม่ว่าจะเป็นลักษณะฟรีเซ็กซ์เรื้อรัง คือเป็นคู่นอนกันนับครั้งไม่ถ้วน ซึ่งมีโอกาสพัฒนาไปไกลถึงขั้นเสพติดในกามรส พึงใจเมื่อไรก็โทรศัพท์หา แล้วมีอะไรกันเรื่อยๆ หรือในลักษณะ one night stand ที่พอต้องการเมื่อไรก็ไปสอยมาจากแหล่งเริงรมย์ยามราตรี ก็ถือว่าเป็นบาปด้วยกันทั้งสิ้น บาปในที่นี้มีความหมายเท่ากับคำว่าทุกข์

    แม้ว่ากิจกรรมนั้นจะเกิดขึ้นจากความพึงใจของทั้งสองฝ่ายก็ตาม ต้องไม่ลืมว่าความพึงใจไม่ใช่ศีลธรรม ถ้าเราทำอะไรตามความพอใจ แล้วบอกว่าสิ่งนั้นไม่เดือดร้อนใคร ไม่น่าจะผิดศีลธรรม ความเข้าใจแบบนี้นับว่าอันตรายมาก เพราะเป็นวิธีคิดในลักษณะคิดเองเออเองทั้งเพ

    ความสุขจากกามนั้นเป็นความสุขที่มีความทุกข์เคลือบแฝง การลิ้มรสกามนั้นไม่ต่างอะไรกับการเลียน้ำผึ้งแสนหวานบนปลายมีดโกน กล่าวคือ มีความสุข แต่ก็มีความเสี่ยง


 :96: :96: :96: :96:

     ในเบื้องต้นกว่าจะมีความสัมพันธ์กันก็ต้องหลบซ่อนระหว่างมีความสัมพันธ์นั้นก็ต้องปกปิดไม่ให้ใครรู้ และหลังมีความสัมพันธ์แล้วก็ต้องคอยปกปิดซ่อนเร้นต่อไป ทันทีที่มีอะไรกันและเดินหันหลังให้กันแล้วดูเหมือนทุกอย่างจะจบลง แต่บางทีไม่เป็นเช่นนั้น ในบางกรณีอาจมีโรคที่เนื่องในกามเป็นของสมนาคุณ หรือในบางคู่อาจมีความถวิลหา ผูกพันฝังลึก กลายเป็นความปรารถนาที่ยืดเยื้อเรื้อรังออกไปไม่รู้จบ หรือบางคราวก็ต้องเสียเงินเสียทองมหาศาลเพื่อการได้มาซึ่งกามกรีฑาที่สุขสม ที่ร้ายกว่านั้นก็ทำให้ชีวิตคู่พังครืน เวลาของกามนั้นสั้นนิดเดียว แต่โมงยามของทุกข์นั้นขยายตัวไม่มีกำหนด

     แม้กามรสซึ่งเกิดจากความพึงใจของทั้งสองฝ่ายอาจไม่ทำให้ใครเดือดร้อนในทันทีทันใด แต่ก็อยากเตือนไว้ว่า แท้จริงแล้ว ที่เราบอกว่ามันทำให้มีความสุขนั้นเจ้าความสุขที่ว่านี้ก็คือรูปแบบหนึ่งของความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง

     มองในแง่กรรม ณ ปัจจุบัน คนที่หมกมุ่นในกามจะทำให้คุณภาพจิตตกต่ำลงมาก ศักยภาพการใช้ปัญญาก็ไม่เฉียบแหลม สุขภาพกายก็โรยแรง ซ้ำยังต้องคอยปกปิดพฤติกรรมของตนไว้เป็นความลับ ส่วนกรรมในระยะยาวนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่า ถ้าคู่นอนของตนเป็นผู้ที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้สองฝ่ายจะพอใจในเพศสัมพันธ์ แต่ก็นับว่าผิดศีลข้อสามอยู่ดี (กาเมสุมิจฉาจาร) ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้ที่ผิดศีลข้อสามจะไม่ถูกกรรมตามรังควาน

    :91: :91: :91: :91:

    กรรมสำหรับคนละเมิดศีลข้อที่สามคือ จะทำให้เขาไม่มีความสุขที่เกิดจากชีวิตสมรส มีพฤติกรรมทางเพศเบี่ยงเบน มีจิตใจไม่ตรงกับเพศสภาพภายนอก ตัวเป็นชายใจเป็นหญิง ตัวเป็นหญิงใจเป็นชาย หรือชายไม่ใช่หญิงไม่เชิง ต้องอับอายอันเนื่องมาจากสาเหตุทางเพศของตน หรืออาจถูกกระทำการประทุษร้ายโดยมีเรื่องทางเพศเป็นสาเหตุ มีชีวิตคู่ที่ล้มเหลว เป็นต้น

     ก็อย่างที่บอกไว้แล้วว่า ความพอใจไม่ใช่ศีลธรรม แม้กิจกรรมหลายอย่างในชีวิตของเราเกิดจากความพอใจของตนและคนที่อยู่เคียงข้าง แต่เราต้องไม่ลืมว่า ความพอใจในกามนั้นมีรากฐานมาจากกิเลส ไม่ใช่จากคุณธรรมที่ชื่อปัญญา

    กิจกรรมใดก็ตามที่เกิดจากกิเลส กิจกรรมนั้นมักมีทุกข์เป็นผล
    กิจกรรมใดก็ตามที่เกิดจากปัญญา กิจกรรมนั้นมักมีสุขเป็นผล
    ถ้าเราหว่านเมล็ดพันธุ์ที่เป็นพิษ จะหวังให้เกิดผลที่สมบูรณ์นั้นย่อมเป็นไปไม่ได้


    ความสัมพันธ์ทางเพศที่เกิดจากทัศนคติที่ผิดก็เช่นกัน ที่ว่ากันว่าเป็นความสุขนั้น ขอย้ำอีกครั้งว่า แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่รอเวลาอยู่เท่านั้นเอง
    อย่างไรก็ตาม แม้กามเหมือนผลไม้อร่อยที่มีพิษ แต่พุทธศาสนาก็ไม่ได้ปฏิเสธคุณของกาม ดังนั้นท่านจึงสอนว่าเมื่อจะบริโภคกามก็พึงทำเหมือนบริโภคอาหาร กล่าวคือ ต้องรู้จักเลือกรู้จักอิ่ม รู้จักพอ
    ทางสายกลางยังคงเป็นคำตอบที่ใช้ได้เสมอ แม้ในเรื่องกาม



ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/42731/healthy-mind/free-sex/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ