ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: โชคร้ายของมนุษย์ คือ ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี  (อ่าน 901 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



โชคร้ายของมนุษย์ คือ ไม่รู้ว่าตัวเองโชคดี
บทความดีๆ จากท่านปิยโสภณ (พระราชญาณกวี)

เกิดมาสมองไม่พิการ มีแขนขา ตาหู อวัยวะทุกส่วนครบบริบูรณ์ ถือเป็นบุญยิ่งใหญ่ของชีวิต โชคร้าย มนุษย์ส่วนใหญ่ชอบพูดว่าตนโชคร้ายและคิดตลอดเวลาว่า ตนเกิดมาไม่สมบูรณ์เหมือนคนอื่น แม้คนในครอบครัวเดียวกันเป็นญาติพี่น้องกันแท้ๆ ก็ยังคิดว่าตนด้อยกว่าคนอื่น พ่อแม่รักไม่เท่ากัน แล้วก็ประชดประชัน ทำให้พ่อแม่เสียใจบ่อย ๆ ความคิดเรื่องตนมีปมด้อยกลายเป็นปัญหาใหญ่ของมนุษย์

ท่านผู้อ่านของข้าพเจ้าลองคิดดูให้ดีคิดให้ละเอียดถี่ถ้วนเถิดว่า ขณะนี้ท่านโชคดีหรือโชคร้าย ท่านมองเห็นชีวิตท่านเป็นอย่างไร ที่ว่าโชคร้ายนั้นท่านคิดไปเองหรือเปล่า คิดดูให้ดีว่าจะไม่มีอะไรน่าภูมิใจบ้างหรือกับคนรอบข้าง จะไม่มีอะไรน่ายกย่องเลยหรือกับการเกิดมามีชีวิต ทำจิตให้นิ่งแล้วถามตัวเองให้ได้คำตอบ

ทุกครั้งที่คิดว่าตนโชคร้าย โปรดมองไปรอบ ๆ ตัวเราดูบ้างว่า ยังมีใครอีกไหมที่ย่ำแย่ยิ่งกว่าเรา ยังมีใครบ้างไหมที่น่าสงสารยิ่งกว่าเรา ความคิดสงสารคนอื่น คือมองคนอื่นว่ามีทุกข์กว่าเรา เป็นการเพิ่มความมีโชคให้ชีวิต

ชีวิตเรา เราลิขิตได้ส่วนหนึ่ง อีกส่วนขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม เราไม่ได้เกิดมาเองทุกคนมีพ่อแม่ พี่น้อง ญาติมิตร เพื่อนร่วมงาน เราไม่อาจอยู่บนโลกใบนี้ด้วยตัวคนเดียว เรายังมีเพื่อนที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน วันนี้ยังไม่ได้พึ่ง พรุ่งนี้ก็อาจมีความหมาย อย่าด่วนตัดมิตรไมตรีกับใครง่าย ๆ ต้องรักษามิตรภาพเอาไว้ด้วยการสำรวมระวังวาจา

 :96: :96: :96: :96:

อย่าคิดว่าเราพูดอะไรก็ได้ ใครจะทำไม คงไม่มีใครทำอะไร แต่เสน่ห์ชีวิตจะหายไป เมื่อวาจาเป็นพิษ

คนชอบบ่นปนทุกข์เป็นคนขาดเสน่ห์เสน่ห์ แต่ละอย่างจึงควรทำให้เป็นนิสัยติดตัว ให้เป็นบุคลิกเฉพาะตัว ใครที่คิดถึงเรา ก็ให้รู้ว่าเรามีบุคลิกที่ดีเช่นนี้มิใช่คิดถึงเราทีไร ทุกคนเบือนหน้าหนีไม่อยากเข้าใกล้

ภัยร้ายของชีวิตคือการเอาแต่จับผิดคนอื่น วิพากษ์วิจารณ์คนอื่นในทางเสียหาย สุดท้ายสิ่งไม่ดีเหล่านั้นก็วิ่งกลับมาอยู่ในตัวเรา การมองคนอื่นในทางเลวร้ายตลอดเวลาเป็นการทำลายพลังจิตของเราเองจริงอยู่บางอย่างเราต้องการแก้ไขเขา ต้องการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างให้ดีขึ้น เพราะคิดว่าเขามีศักยภาพ แต่ก็ต้องค่อย ๆ พูดคุยกัน

บางคนคิดว่าตนมีอำนาจ จะพูดรุนแรงอย่างไรก็ได้ ลูกน้องเป็นเพียงลูกไก่ในกำมือ ลงท้ายก็ทำลายน้ำใจ ทำลายมิตรภาพในองค์กร

การคิดดี ทำดี พูดดีต่อตนและคนอื่นคือการขับเคลื่อนชีวิตด้วยพลังบวก ซึ่งเป็นพลานุภาพอันแท้จริงของชีวิต แล้วทุกคนจะไม่คิดว่าตนเป็นคนโชคร้ายอีกต่อไป 


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/5666/healthy-mind/goodluck-2/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ