ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “เกิดในที่แย่ก็ดีได้” เรื่องจริงของคนเคยเกลียดพ่อแม่ตัวเอง  (อ่าน 1356 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


“เกิดในที่แย่ก็ดีได้” เรื่องจริงของคนเคยเกลียดพ่อแม่ตัวเอง

ชีวิตจริงจะไม่ได้เหมือนในนิยาย แม้ตัวเอกในละครมักมีความกตัญญูสูง แต่สำหรับผม เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับการมีแม่ติดการพนันจนต้องขายสมบัติทุกอย่าง และมีพ่อที่ติดเหล้าจนไม่สนใจลูกเมีย ทั้งคู่ทำให้คำว่า “ครอบครัว” พังทลาย แต่ใครคนหนึ่งทำให้ผมมั่นใจว่า ความรักที่บริสุทธิ์ในโลกนี้ยังมีอยู่จริง

เรื่องราวของครอบครัวผมเริ่มต้นมาจากคุณตามีภรรยาหลายคน ทำให้ยายของผมช้ำใจ ทั้งคู่แยกทางกันตอนที่แม่ยังเด็ก ยายเป็นคนเลี้ยงดูแม่และมีอาชีพเป็นแม่ค้าขายข้าวแกงอยู่ในกรมป่าไม้ ผมไม่รู้ว่ายายลำบากมากแค่ไหนในการเลี้ยงดูแม่ รู้แต่ว่าท่านพยายามส่งเสียแม่ให้เรียนสูงๆ แต่แม่เรียนยังไม่ทันจบปวช. ก็หนีตามพ่อไป และกลับมาขอขมายายในภายหลัง ครั้งหนึ่งยายเคยให้เงินแม่ไว้ก้อนหนึ่งสำหรับสร้างเนื้อสร้างตัว แต่พ่อนำไปลงทุนทำอะไรสักอย่าง สุดท้ายก็เจ๊งไม่เป็นท่า ทำให้ยายไม่ชอบขี้หน้าลูกเขยที่ไม่เอาถ่านคนนี้เอาเสียเลย

ครอบครัวของเราอาศัยอยู่ในเพิงสังกะสีที่กั้นเป็นห้องนอนในบริเวณกรมป่าไม้ นาน ๆ ทีพ่อถึงจะมาหาพวกเรา พ่อกับแม่ทะเลาะกันบ่อยจนต้องแยกกันอยู่ แต่ละครั้งที่พ่อมาหา ผมมักจะได้ยินแต่การทะเลาะโต้เถียงด้วยเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ  จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ผมไม่เคยเห็นพ่อกับแม่แสดงความรักกันด้วยความอ่อนโยน เห็นแต่ความหงุดหงิดโมโหที่ต่างฝ่ายต่างก็ระบายใส่กัน

ผมโตมาได้ก็เพราะยาย เนื่องจากแม่เอาแน่เอานอนไม่ได้ เมื่อผมขึ้นป.4 พ่อกับแม่ก็แยกทางกันโดยเด็ดขาด แม่และผมอยู่กับยายอย่างถาวร ตอนแรกแม่ช่วยยายขายข้าวแกง แต่ทำได้ไม่นานแม่ก็หนีไปอยู่ที่อื่น แล้วทิ้งให้ผมอยู่กับยาย ตอนนั้นยายเก็บหอมรอมริบจนซื้อบ้านทาวเฮ้าส์สองชั้นแถวรามอินทราได้หลังหนึ่ง แต่ด้วยความที่เรียนมาน้อย เขียนได้แต่ชื่อนามสกุลของตัวเอง ท่านจึงซื้อบ้านหลังนั้นในชื่อของแม่ แล้วให้แม่และผมมาอยู่ ส่วนตัวท่านเองขอนอนที่เพิงเหมือนเดิม เพราะสะดวกในการขายข้าวแกง

 :96: :96: :96: :96:

นั่นเป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองใกล้เคียงกับชีวิตของเด็กคนอื่น ๆ ผมจำได้ดีว่าหัวใจพองโตแค่ไหนที่ได้มีบ้าน ที่มีห้องครัว ห้องรับแขก และห้องนอนแยกเป็นห้อง ๆ ไม่ใช่ห้องที่ต้องนอนรวมกันอย่างแออัดยัดเยียดเหมือนปลาในเข่ง แต่ผมดีใจได้ไม่นาน ราว 2 ปีกว่า ๆ ยายก็จับได้ว่าแม่เป็นชู้กับสามีของแม่ค้าในกรมป่าไม้ ท่านเรียกแม่ไปคุยและต่อว่า

“ถ้าแกจะมีใครใหม่ ก็ขอให้ลูกเรียนจบก่อน”

นั่นเป็นคำพูดของยายเท่าที่ผมจำได้ นอกเหนือจากนั้นผมไม่ทราบว่าทั้งคู่โต้ตอบกันรุนแรงแค่ไหน แต่คนที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้กลับเป็นผม เย็นวันนั้นเมื่อกลับถึงบ้านแม่ก็ลงโทษผม หาว่าเป็นคนไปฟ้องยาย

ท่านจับผมมัดกับราวบันได และฟาดผมแบบไม่ยั้งอยู่เป็นชั่วโมง เมื่อสาแก่ใจแล้วก็แก้มัดและถีบผมตกจากบันไดกลิ้งหลุน ๆ ไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่าง มิหนำซ้ำยังทำปึงปังปัดหม้อหุงข้าวที่กำลังเดือดปุด ๆ มาใกล้ตัวผม น้ำข้าวร้อน ๆ กระเด็นมาโดนตัวทำให้ปวดแสบปวดร้อน แม่ด่าทอผมสารพัด ด้วยคำพูดที่ผมไม่คิดเลยว่าคนเป็นแม่จะพูดได้

“ไอ้สัตว์เดียรัจฉาน กูจะเอาเลือดหัวมึงมาล้างตีน ถ้าใครตายก่อนก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน ขอให้มึงมีอันเป็นไปทุกชาติ…”

แม่ด่าผมพร้อมกับปามีดเฉี่ยวศีรษะผมไปนิดเดียว ผมทั้งตกใจกลัวและเสียใจมากที่สุดในชีวิต ไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ต้องทำอย่างนี้กับผม ในเมื่อผมก็ไม่เคยเล่าให้ยายฟังแม้แต่ครั้งเดียวว่ามีผู้ชายมากหน้าหลายตาแวะเวียนมานอนกับแม่ที่บ้าน ผมวิ่งร้องไห้ออกจากบ้านไปหายาย และนับแต่นั้นผมก็อยู่กับยายมาโดยตลอด เพราะแม่ซึ่งติดการพนันงอมแงมแอบเอาบ้านไปขาย และที่ร้ายกว่านั้น แม่ยังปลอมลายมือยาย แอบเอาเงินในบัญชีกว่าสองแสนบาทไปเล่นการพนันจนหมดตัว

 :32: :32: :32: :32:

แม่หายไปอยู่ที่ไหนผมไม่ทราบ ส่วนพ่อก็ไปจากชีวิตของผมนานแล้ว ผมเติบโตมากับยายและมีหนังสือเป็นเพื่อน ผมชอบอ่านหนังสือทุกอย่าง หลงรักตัวอักษรที่อ่านทุกเล่ม ผมเรียนดีและสามารถสอบเข้าโรงเรียนมัธยมชื่อดังได้ เพื่อน ๆ ในห้องรู้เรื่องราวชีวิตของผมดี เพราะพ่อกับแม่เคยมาหาผมด้วยจุดประสงค์เดียวกัน…แต่ไม่ใช่เพราะความคิดถึง

แม่มาหาผมที่โรงเรียน ขอให้ผมให้อภัยและขอเงินจากผม เมื่อผมไม่มองหน้า ไม่พูดด้วยก็โมโห จะเดินเข้ามาตบผม ดีที่อาจารย์ฝ่ายปกครองช่วยห้ามไว้ ส่วนพ่อก็มาหาที่โรงเรียนในสภาพเมามาย เมื่อผมไม่ให้เงินก็อาละวาดให้ผมได้อายเพื่อน ๆ และอาจารย์ ทั้งคู่พูดเหมือนกันว่า

“กูทำให้มึงเกิดมา มึงให้เงินกูแค่นี้ไม่ได้ ตายไปก็ไม่ต้องมาเผาผีกัน”

ผมอาจจะมีพ่อแม่เป็นแบบนี้ แต่ตอนนั้นผมโชคดีมากที่มีเพื่อนดี ไม่ชักนำให้ผมสูบบุหรี่ ติดยา ติดการพนัน แต่คอยช่วยเหลือให้กำลังใจผมมาตลอดจนถึงทุกวันนี้ ที่สำคัญ ผมมีความฝันที่จะเป็นนักเขียน จึงมุ่งมั่นกับการเรียนจนสามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของรัฐได้

ผมผ่านการเรียนในมหาวิทยาลัยมาอย่างทุกลักทุเล ชีวิตมีปัญหาให้แก้ตลอดและต้องกู้เงิน กยศ.เรียน วันที่ทำสัญญากู้ยืมเงิน พ่อไปเซ็นชื่อและเมาอาละวาดให้ผมได้อับอายเหมือนเคย ครั้งหนึ่งพ่อได้งานเป็น รปภ.ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง และมักจะชวนผมไปค้างด้วยในวันหยุด พอเผลอพ่อก็ขโมยเงินผมไปดื่มเหล้าประจำ แล้ววันหนึ่งพ่อก็ไปเซ็นสัญญาค้ำประกันให้เพื่อนจนต้องติดคุก เพื่อน ๆ ของผมต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินเพื่อช่วยพ่อออกมา นับแต่วันนั้นผมก็ไม่เคยเรียกว่าเขาว่าพ่ออีกเลย แต่เรียกชื่อแทน เพราะรู้สึกสุดจะทนกับพฤติกรรมของเขาจริง ๆ

 :91: :91: :91: :91:

หลังจากเรียนจบได้สามสี่ปี วันหนึ่งแม่ก็โทร.มาหาผม เล่าว่าไปขายของเก่า เก็บกระดาษ เก็บขวดไปขาย และใช้ชีวิตอยู่ในชุมชนแออัดแห่งหนึ่ง ผมไม่เคยคิดจะไปเยี่ยมแม่เลย จนมารู้ข่าวว่าท่านป่วยเป็นมะเร็งเต้านม ความคิดผมก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่วันนั้น…

ผมได้มีโอกาสเลี้ยงดูแม่ในช่วงสุดท้ายของชีวิต โรคมะเร็งทำให้แม่เจ็บปวดทรมานมาก กินอะไรก็อ้วกออกมาหมดเนื้อตัวซูบซีด ดวงตาอิดโรย ผมเช็ดตัวให้ท่านด้วยน้ำตาอาบแก้ม รำพึงอยู่ภายในใจว่า

“นี่คือแม่คนเดียวกับที่เคยตีผม และเป็นแม่คนเดียวกับที่เคยโอบกอดผมด้วยความรักตอนผมสอบได้เกรด 4 ทุกวิชาใช่ไหมครับ…ไม่ว่าที่ผ่านมาแม่จะเป็นอย่างไร วันนี้ผมขออโหสิกรรมให้แม่ และขอให้แม่อโหสิกรรมให้ผมด้วย ผมขอสัญญาว่าผมจะทำชีวิตตัวเองให้ดี ไม่ให้ซ้ำรอยพ่อกับแม่เป็นอันขาด”

เมื่อผมเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวได้ ผมก็รับพ่อมาอยู่ที่บ้านด้วย แต่พ่อก็ยังเป็นพ่อคนเดิม วันดีคืนดีท่านก็จะทำกับข้าวให้ลูกทาน แต่ก็อีกวันท่านก็เมาแอ๋ จนแม้แต่จะยืนตัวให้ลุกขึ้นก็ยังยาก แต่ผมเริ่มทำใจได้แล้ว

ที่ผ่านมาถึงจะเคยโกรธเกลียดพ่อแม่ของตัวเองก็จริง แต่ผมเรียนรู้ที่จะให้อภัยพวกเขา เพราะผมได้รับความรักที่ไม่มีเงื่อนไขจากเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ผมพบเธอช่วงที่กำลังเรียนภาษา หลังจบจากมหาวิทยาลัยผมเลือกเรียนคอร์สภาษาสั้นๆ ทั้งภาษา ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส อิตาลี และรัสเซีย และยังเรียนต่อจนจบปริญญาโท สาขาทฤษฎีศิลป์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร

 :41: :41: :41: :41:

เพื่อนคนนี้รับรู้และเข้าใจเรื่องราวในชีวิตผมทุกอย่าง เธอร่ำรวยแค่ไหน ที่บ้านประกอบอาชีพอะไรผมไม่ทราบ เพราะเธอไม่ยอมเปิดเผย แต่ตอนที่ผมตกงานและกำลังเรียนต่อปริญญาโท เธอยินดีช่วยอุปการะผมทั้งค่ากินอยู่และค่าเทอม เพราะรู้ดีว่าอาชีพครูสอนพิเศษของผมคงหาเงินได้ไม่เพียงพอ

ทุกสิ้นเดือนเธอจะโอนเงินมาให้ผม 8,000 บาท ถ้าเป็นวันปีใหม่หรือวันเกิดเธอก็โอนเพิ่มให้เป็น 10,000 บาท เธอบอกว่าเผื่อผมจะได้ซื้ออะไรเป็นพิเศษ ผมจดเงินทุกบาททุกสตางค์ที่เธอให้ทั้งหมด 516,450 บาท และขอทยอยใช้คืนให้กับเธอ แต่เธอกลับปฏิเสธที่จะรับเงินจากผม เธอให้เหตุผลว่า เธอตั้งใจ “ให้” อย่างแท้จริง และอยากให้ผมทำความฝันของตัวเองให้สำเร็จ

ใครที่รู้เรื่องนี้มักคิดว่าเราเป็นแฟนกัน แต่ความจริงเราแค่ชอบหนังสือเหมือน ๆ กัน ผมกับเธอไม่มีทางจะรักกันฉันชู้สาวได้ เพราะผมเป็นเกย์ และเธอก็รู้ดี ความรู้สึกที่ผมมีให้เธอคือเพื่อนผู้มีพระคุณ ผู้สอนให้ผมเข้าใจว่า ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขนั้นเป็นอย่างไร ผมอาจโชคร้ายที่ไม่ได้รับความรักจากพ่อแม่ แต่เพื่อนคนนี้ทำให้ผมมั่นใจว่า ความรักที่บริสุทธิ์ในโลกนี้ยังมีอยู่จริง

ยิ่งโตผมก็ยิ่งเข้าใจว่า การมีชีวิตครอบครัวไม่ใช่เรื่องง่าย และพ่อแม่ของเราก็ทำผิดพลาดกันได้ ก่อนที่เราจะให้อภัยใครอื่น ผมต้องให้อภัยพ่อแม่ของตัวเองให้ได้ก่อน ผมอยากบอกใครอีกหลายคนว่า


    “เกิดในที่ ที่ดี นั้นดีแน่     เกิดในที่ ที่แย่ ก็ดีได้
     เกิดที่ดี แล้วแย่ มีถมไป   เกิดที่ไหน ก็ดีได้ ถ้าใฝ่ดี”


 :96: :96: :96: :96:

คำแนะนำจากพระอาจารย์ชาญชัย อธิปญฺโณ

คนเราจะดีชั่วทุกข์สุขอย่างไร ขึ้นอยู่กับตนเองและสิ่งแวดล้อม สำหรับตนเองนั้นมีต้นทุนที่ส่งมาแต่อดีตชาติและชาติปัจจุบันผสมกัน เป็นคุณสมบัติของจิตกรรมดีที่ทำไว้จะช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูให้ได้พบคนดีหรือสิ่งแวดล้อมที่ดี คอยช่วยเหลือเกื้อกูลให้ผ่อนคลายจากทุกข์ภัย ให้ได้รับความสำเร็จ ส่วนกรรมชั่วที่ทำไว้ก็จะส่งผลให้ได้พบกับคนไม่ดีหรือสิ่งแวดล้อมไม่ดี ทำให้เรามีปัญหา มีอุปสรรค มีความทุกข์

คนที่เจอปัญหาอุปสรรคของชีวิต หากพื้นฐานจิตไม่มีคุณธรรมที่แข็งแกร่งพอก็จะเสียคน หมดอนาคต แต่คนที่มีต้นทุนคุณธรรมของจิตที่เข้มแข็งแล้ว วิกฤติกลับเป็นโอกาสของชีวิต สร้างแรงบันดาลใจให้เขาต่อสู้จนได้รับความสำเร็จ

การที่เราจะเปลี่ยนคนอื่นและสิ่งแวดล้อมได้นั้น เราจะต้องเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนดีมีคุณธรรมก่อน เช่น ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ขยันอดทนในการงาน สร้างฐานะให้มั่นคง และไม่เบียดเบียนผู้อื่น

เมื่อเรามีความสำเร็จทางด้านฐานะความเป็นอยู่แล้ว เราก็จะเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมที่เสื่อมทรามไปสู่สิ่งที่ดีได้ และเอาความดีในตัวเราชนะใจคนที่มีพฤติกรรมไม่ดีต่อเราได้เช่นกัน

เราอยู่คนเดียวในโลกไม่ได้ ต้องอยู่ร่วมกันและพึ่งพาอาศัยกัน คนทุกคนทำทั้งถูกและผิดด้วยกันทั้งนั้น การรู้จักให้อภัยผู้อื่นเป็นคุณธรรมของจิตใจ การตอบแทนบุญคุณบุพการี ไม่ว่าท่านจะเป็นคนเช่นใด แสดงถึงความเป็นมนุษย์ซึ่งหมายถึงผู้ที่มีจิตใจสูง


เนื้อหา : By Uranee
ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.goodlifeupdate.com/48467/healthy-mind/truestory-hateparents/
http://www.goodlifeupdate.com/48467/healthy-mind/truestory-hateparents/2/
http://www.goodlifeupdate.com/48467/healthy-mind/truestory-hateparents/3/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 22, 2017, 10:15:07 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ