ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ตรังคลายหนาวพระ-สามเณร อนุรักษ์ประเพณีการให้ทานไฟ  (อ่าน 1182 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29398
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




ตรังคลายหนาวพระ-สามเณร อนุรักษ์ประเพณีการให้ทานไฟ

ประเพณีการให้ทานไฟ เป็นการทำบุญเพื่อให้พระภิกษุ-สามเณร เกิดความอบอุ่นในตอนเช้ามืดของคืนที่มีอากาศหนาวเย็น โดยใช้ลานวัดเป็นที่ก่อกองไฟแล้วทำขนมถวาย มีจุดเริ่มต้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และจัดกิจกรรมเกือบทุกปีในหลายวัด เช่น วัดประดู่ วัดแจ้ง วัดใหญ่ วัดชะเมา ฯลฯ ยกเว้นปีใดอากาศไม่หนาวเย็นก็อาจงดไปบ้าง แต่ถือเป็นประเพณีที่เก่าแก่ ดีงาม น่าศรัทธา และถือปฏิบัติต่อกันมาช้านาน ก่อนที่จะมีการแพร่หลายแล้วนำมาจัดกิจกรรมในจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งที่จังหวัดตรัง

ประเพณีดังกล่าวมีประวัติความเป็นมากล่าวถึงในขุททกนิกายชาดก เรื่องความตระหนี่ถี่เหนียวของโกลิยะเศรษฐี ที่อยากกินขนมเบื้อง แต่เสียดายเงินไม่ยอมซื้อ และไม่อยากให้ลูกเมียได้กินด้วย

ดังนั้น ต่อมาพระพุทธเจ้าจึงโปรดให้พระโมคคัลลานะ ไปแสดงธรรมเรื่องประโยชน์ของการให้ พร้อมทั้งนำข้าวของเครื่องปรุงไปทำขนมเบื้องถวายพระพุทธเจ้า และพระสาวก ส่งผลให้โกลิยะเศรษฐี และภรรยาเกิดความเลื่อมใส รวมทั้งยังเกิดความปีติอิ่มเอิบในการบริจาคทาน จนเห็นแจ้งบรรลุธรรมชั้นโสดาบันในที่สุด

สาเหตุที่มีการให้ทานไฟ ในเดือนยี่ หรือช่วงประมาณปลายปีถึงต้นปี เนื่องจากกระแสลมมรสุมทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ได้พัดพาเอาอากาศหนาวเย็นจากภาคเหนือ และจากทะเลจีนใต้ มายังแหลมมลายูตอนเหนือ จึงทำให้ช่วงนี้อากาศในภาคใต้จะรู้สึกหนาวเย็นกว่าปกติ และบางปีถึงกับต้องก่อกองไฟในตอนเช้ามืดก็มี

ดังนั้น ชาวบ้านจึงร่วมใจกันช่วยเหลือพระภิกษุ-สามเณร ซึ่งได้รับผลกระทบจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ด้วยการมาก่อกองไฟให้ผิงสร้างความอบอุ่น และถือโอกาสทำขนม หรือถวายภัตตาหารไปด้วยกัน



สำหรับขนมที่นิยมทำถวาย ได้แก่ ขนมเบื้อง ขนมครก ขนมกรอก ขนมจู่จุน ขนมม้า (รูปร่างคล้ายรังต่อ) ขนมด้วง (รูปร่างคล้าย ตัวด้วง) ขนมรังแตนรังต่อ ขนมจำปาดะ ขนมโค ขนมกรุบ ข้าวเกรียบปากหม้อ ข้าวเหนียวกวนทอด กล้วยทอด กล้วยแขก และอื่นๆ ซึ่งมักจะเป็นประเภทนึ่ง ทอด และเผา ด้วยเตาไฟ เพื่อจะให้ทั้งความร้อน ความอบอุ่น และเป็นอาหารกินได้ไปพร้อมกัน โดยแยกก่อกองไฟออกเป็นกองๆ แล้วนิมนต์พระภิกษุ สามเณร มานั่งฉันข้างๆ แต่ปัจจุบันเปลี่ยนมาให้ฉันบนโต๊ะเพื่อความสะอาดและสะดวก

ในส่วนของจังหวัดตรัง ที่วัดควนนาแค ต.บ้านควน อ.เมือง จ.ตรัง ยังคงอนุรักษ์และสืบทอดประเพณีการให้ทานไฟ โดยปี 2560 ได้มีการนิมนต์พระสงฆ์ สามเณร จำนวน 100 รูป มาทำพิธีสวดมนต์ พร้อมทั้งเชิญ นายศิริพัฒ พัฒกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง มาเป็นประธานเปิดโครงการ

ทั้งนี้ ได้มีกลุ่มชาวบ้านมาร่วมทำขนมทานไฟจำนวนมากถึง 75 ร้าน เพื่อถวายพระสงฆ์ และแจกจ่ายแก่ผู้มาร่วมกิจกรรม ซึ่งเดินทางมาทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัด ซึ่งนอกจากขนมพื้นบ้านแล้ว ยังมีการทำอาหารอื่นๆ รวมถึงน้ำชา กาแฟ ด้วย

ชาวบ้านได้มีการทำขนม หรืออาหารขึ้นมาร้อนๆ แล้วนำไปถวายพระภิกษุ-สามเณร เพื่อฉันไปพร้อมกัน และจะหยุดทำขนม หรืออาหาร ก็ต่อเมื่อเครื่องปรุงที่เตรียมมาหมด ขณะที่พระสงฆ์ฉันอิ่มแล้ว จากนั้นชาวบ้าน จึงได้ร่วมกันรับประทานขนมหรืออาหารอย่างสนุกสนาน ก่อนที่พระสงฆ์จะสวดให้ศีลให้พรแก่ผู้ที่มาทำบุญ ถือเป็นอันเสร็จพิธี เพื่อร่วมกันรักษาประเพณีวัฒนธรรมที่ดีงาม รวมทั้งภูมิปัญญาท้องถิ่นให้คงอยู่ตลอดไป ตลอดจนแสดงออกซึ่งความสามัคคีของชุมชน



คอลัมน์ ข่าวสดพระเครื่อง โดย เมธี เมืองแก้ว
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_243365
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • *
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7294
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
ก็เป็นภาพสลับเหตุการณ์ บ้านเมืองขณะนี้ ที่ดี

 st11 st12 st12
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ