ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร  (อ่าน 919 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร

“หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต” บุพพาจารย์ผู้เป็นแม่ทัพธรรมแห่งอีสาน ผู้เป็นต้นแบบของพระกัมมัฏฐานที่ยึดมั่นในคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอย่างเคร่งครัด

เมื่อท่านละสังขาร อัฐิธาตุของท่านได้กลายเป็นพระธาตุอย่างน่าอัศจรรย์ ประดิษฐานให้ประชาชนได้สักการบูชา ที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกล นคร ในปัจจุบัน

หลวงปู่มั่น สกุลเดิม แก่นแก้ว เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 ม.ค.2413
ตรงกับรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดที่บ้านคำบง ต.โขงเจียม อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี มีพี่น้อง 6 คน ท่านเป็นคนโต อาชีพทำนาทำไร่เป็นพื้นฐาน

 :96: :96: :96:

การศึกษา ท่านอาศัยอา (น้องพ่อ) เป็นผู้สอนให้ ด้วยในสมัยนั้นยังไม่มีโรงเรียน ท่านเรียนอักษรไทย อักษรธรรม และอักษรขอมจนสามารถอ่านออกเขียนได้อย่างรวดเร็ว

อายุ 15 ปี บรรพชาที่วัดบ้านคำบง อันเป็นวัดบ้านเกิด ขณะบวชเณร ศึกษาธรรมะและพระสูตรต่างๆ จนแตกฉาน อายุ 17 ปี บิดาขอร้องให้สึกเพื่อให้ไปช่วยทำงาน ท่านจึงสึกตามคำขอร้อง ทั้งที่เสียดายในการลาจากเพศบรรพชิตเป็นที่สุด ถึงกับรำพึงในใจ “หากมีโอกาสเมื่อใดก็จะกลับเข้ามาบวชอีก”

ทั้งยังคิดถึงคำของผู้เป็นยายที่เคยกล่าวในตอนเป็นเด็กอยู่เสมอว่า “เมื่อโตขึ้นต้องบวชให้ยายนะ เพราะยายเลี้ยงยาก”

เมื่อออกมาช่วยงานพ่อ-แม่นานพอสมควรแล้ว เห็นว่าสมควรที่จะกลับเข้าไปบวชอีก จึงไปฝากตัวเป็นศิษย์กับ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่วัดเลียบ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี และเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดศรีทอง หรือ วัดศรีอุบลรัตนารามในปัจจุบัน เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2436 มีพระอริยกวี (หลวงพ่ออ่อน) เป็นพระอุปัชฌาย์, พระครูสีเทา ชยเสโน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระครูประจักษ์อุบลคุณ (หลวงพ่อสุ่ย) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับนามฉายาว่า ภูริทัตโต

 :25: :25: :25:

หลังอุปสมบท อยู่จำพรรษากับหลวงปู่เสาร์ที่วัดเลียบในตัวเมืองอุบล หลวงปู่เสาร์ได้สอนวิธี เจริญกัมมัฏฐานขั้นสมถะใช้คำภาวนาว่า “พุทโธ” เป็นหลัก จนสามารถนำไปปฏิบัติให้เกิดผล และสอนผู้อื่นให้เข้าใจ

ในที่สุดท่านก็ออกเดินธุดงค์เพื่อแสวงหาสัจธรรม ตามป่าเขาลำเนาไพร ท่านไปปฏิบัติธรรม ณ ที่ใดก็จะเทศนาอบรมสั่งสอนที่นั่นจนมีศิษย์สายพระกัมมัฏฐานทั่วทุกภาคของประเทศไทย

การเดินธุดงค์ของหลวงปู่มั่น ไม่ยึดติดสถานที่ ท่านไปอยู่ภาวนาในที่หลายแห่ง ที่ภาคเหนือท่านอยู่ถึง 12 ปี จนได้รับแต่งตั้งให้เป็น “พระครูวินัยธร” ฐานานุกรมของพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) สมัยที่ท่านจำพรรษาอยู่จังหวัดเชียงใหม่

พอออกจากเชียงใหม่ หลวงปู่มั่น ของดในการปฏิบัติตามตำแหน่งหน้าที่ เพราะท่านมีจิตมุ่งมั่นในการปฏิบัติเจริญวิปัสสนากัมมัฏฐานฝ่ายเดียว

ในปี พ.ศ.2484 หลวงปู่มั่น ธุดงค์มายังภาคอีสาน และปักหลักจำพรรษาอยู่ที่ชายป่าบ้าน นามน ต่อมาในปี พ.ศ.2487 ท่านมาอยู่จำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองผือ ต.นาใน บั้นปลายชีวิตของท่านมาจำพรรษาที่วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร

ละสังขารอย่างสงบ เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2492 สิริอายุ 80 ปีบริบูรณ์

 st12 st12 st12 st12

    คติธรรมคำสอนให้ศิษย์เพื่อไว้เตือนสติ 2 ข้อ คือ
    1.ดีใดไม่มีโทษ ดีนั้นชื่อว่าดีเลิศ
    2.ได้สมบัติทั้งปวงไม่ประเสริฐเท่าได้ตน เพราะตนเองเป็นที่เกิดแห่งสมบัติทั้งปวง

    คติธรรมอีกบทหนึ่งที่หลวงปู่มั่นได้เทศนาสอนอยู่เสมอ ซึ่งเป็นคำกลอนภาษาอีสานว่า
    “แก้ให้ตกเน้อ แก้บ่ได้แขวนคอต่องแต่ง แก้บ่พ้นคาก้นย่างยาย คาก้นย่างยาย เวียนตายเวียนเกิด เวียนเอากำเนิดในภาพทั่งสามภพทั่งสามเป็นเฮือนเจ้าอยู่”



คอลัมน์ อริยะโลกที่6 : หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต วัดป่าสุทธาวาส สกลนคร
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_285918
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 08, 2017, 05:27:10 pm โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ