ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กรมสุขภาพจิตเผยหนุ่มสาวยุคใหม่ ‘ฝึกสมาธิฝึกสติ’ คลายเครียดจากการทำงาน  (อ่าน 1268 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


กรมสุขภาพจิตเผยหนุ่มสาวยุคใหม่ ‘ฝึกสมาธิฝึกสติ’  คลายเครียดจากการทำงาน

เมี่อวันที่  7 พฤษภาคม น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) กล่าวว่า กรมสุขภาพจิตได้จัดทำคู่มือสร้างสุขด้วยสติในองค์กร ( Mindfulness In Organization : MIO ) เพื่อเผยแพร่ความรู้และวิธีการขจัดความเครียดที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนทุกคนด้วยการปฏิบัติฝึกสติและสมาธิง่ายๆ นำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ตลอดชีวิต ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยทั้งในและต่างประเทศยืนยันตรงกันว่าสามารถขจัดความเครียดออกจากจิตใต้สำนึกได้ผลที่สุดและยั่งยืน โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงาน ซึ่งใช้เวลา 1 ใน 3 แต่ละวันอยู่ที่ทำงาน เสี่ยงต่อการเกิดความเครียดได้ง่าย และมักแก้ความเครียดด้วยการหยุดพักผ่อน ไปเที่ยวหรือไปช็อปปิ้ง ซึ่งช่วยให้สภาพจิตใจดีขึ้นชั่วคราวเท่านั้น แต่ไม่ได้ช่วยให้ความเครียดสลายไป ยังคงสะสมอยู่ใต้จิตสำนึก เมื่อกลับมาทำงานจะเกิดความเครียดสะสมไปอีก

“หากสะสมมากจะส่งผลต่ออารมณ์ หงุดหงิดง่าย ซึ่งวิธีการคลายเครียดด้วยสติและสมาธินี้กำลังได้รับความนิยมจากหนุ่มสาวสมัยใหม่มากขึ้น โดยขณะนี้กรมสุขภาพจิตได้สนับสนุนให้องค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชนนำวิธีการฝึกสติและสมาธิไปใช้ด้วย ประชาชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดคู่มือนี้ได้ที่เวปไซต์ ไทยเอ็มไอโอดอทคอม( www.thaimio.com ) โดยเลือกที่หมวดเมนูทั่วไป” น.ต.นพ.บุญเรือง กล่าว

 :25: :25: :25:

นพ.ยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ นายแพทย์ทรงคุณวุฒิกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า  สติเป็นจิตที่มีคุณภาพในขณะทำงาน ส่วนสมาธิเป็นจิตที่มีคุณภาพขณะพัก ทั้ง 2 ส่วนนี้สัมพันธ์เกื้อหนุนกัน การนั่งสมาธิทุกวัน วันละ 10-20 นาที จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ตัวบุคคล ทำให้การทำงานดีขึ้น ควบคุมอารมณ์ได้ดีขึ้น แสดงออกอย่างระมัดระวัง ตระหนักรู้ตัวเอง ทำให้คุณภาพจิตมีความรัก ความเมตตาเสียสละอดทน เนื่องจากจิตในขณะที่มีสติ จะทำงานโดยไม่วอกแวก ไม่ถูกสอดแทรกด้วยอารมณ์ ส่วนจิตขณะทำสมาธิจะหยุดคิดจนเกิดความสงบ เกิดการผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ

ซึ่งจะเป็นการคลายเครียดในระดับลึกตรงข้ามกับกระบวนการเกิดอารมณ์และความเครียด  ซึ่งจะเริ่มจากการสะสมความว้าวุ่น ความคิดลบจากแรงกดดันต่างๆและจบด้วยการเกิดอารมณ์และความเครียด การทำสมาธิทุกวันเท่ากับเป็นการปลดปล่อยความเครียดออกจากสมองทุกวัน สมองจะไม่มีความเครียดคั่งค้างอยู่ เมื่อมีความเครียดเข้ามาใหม่ ก็จะเผชิญกับสถานการณ์ได้ดี

 st12 st12 st12 st12

    ทั้งนี้ มีวิธีฝึกสมาธิ  3 ขั้นตอนง่ายๆ ได้แก่
    1. ฝึกหยุดความคิด
    2. ฝึกการจัดการความคิดที่มาจากจิตใต้สำนึก โดยรับรู้ แต่ไม่คิดตาม และ
    3. ฝึกการจัดการความง่วงจากจิตที่เริ่มสงบ

โดยขั้นที่1 การฝึกหยุดความคิด ให้นั่งตัวตรง ศีรษะตรง หลับตาเบาๆ หายใจเข้าออกยาวๆสัก 5-6 ลมหายใจ และให้มุ่งการรับรู้ลมหายใจที่มาสัมผัสบริเวณปลายจมูกข้างที่รู้สึกชัดกว่า ซึ่งจะต้องใช้ความตั้งใจจับความรู้สึกลมหายใจที่เข้าออก เนื่องจากบริเวณปลายจมูกมีประสาทรับรู้น้อยกว่าที่อื่น การรู้ลมหายใจจึงทำให้หยุดคิด เมื่อรับรู้ได้แล้ว ให้หายใจตามปกติ

ขั้นที่ 2 ฝึกการจัดการความคิดที่เกิดขึ้นมาในใจ โดยให้รู้ตัวว่ามีความคิดเกิดขึ้น แต่อย่าติดตาม ปลดปล่อยความคิดนั้นไป และกลับมาหยุดคิดโดยสนใจที่ลมหายใจที่ปลายจมูก อย่าสั่งตัวเองให้หยุดคิดหรือว้าวุ่นวกวนกับความคิดเพราะจะทำให้จิตไม่สงบ ด้วยวิธีนี้สมองจะค่อยๆปลดปล่อยความว้าวุ่นออกไปจากจิตใต้สึกนึกจนสงบ  และ

ขั้นที่ 3 การจัดการความง่วง ซึ่งเกิดขึ้นจากจิตเริ่มสงบ ให้พยายามยืดตัวให้ตรง เพื่อให้ร่างกายตื่นตัว หายใจเข้าออกลึกๆ 5-6 ครั้ง เมื่อหายง่วงให้กลับมารับรู้ลมหายใจที่ปลายจมูกเช่นเดิม ช่วงเวลาการฝึกสมาธิที่ดีที่สุดคือเช้าตรู่หรือก่อนนอน เนื่องจากเป็นช่วงสงบ



ดาวน์โหลดคู่มือสร้างสุขด้วยสติในองค์กรได้ที่
www.thaimio.com/คู่มือ/11-สร้างสุขด้วยสติในองค์กร-mindfulness-in-organization-miio.html
ขอบคุณภาพข่าวจาก http://www.matichon.co.th/news/552939
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ