ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "พุทธบริษัท"ต้องเกื้อกูลกัน เพื่อศาสนาเจริญรุ่งเรือง  (อ่าน 932 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

"พุทธบริษัท"ต้องเกื้อกูลกัน เพื่อศาสนาเจริญรุ่งเรือง

สัปดาห์นี้ขอเอ่ยถึงความเข้าใจในพระพุทธศาสนาจาก “พระไตรปิฎก” อย่างถูกต้อง เกื้อกูลหลักธรรมคำสอนของพุทธองค์เพื่อศาสนาเจริญรุ่งเรืองมีอะไรบ้างไปดูกัน

พระบรมศาสดา พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงฝากพระพุทธศาสนาไว้กับ “พุทธบริษัท” ทั้งหลาย พระองค์ทรงไม่ได้แต่งตั้งผู้ใดเป็นศาสดาแทน จึงเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคนไม่ว่าจะเป็น ภิกษุ อุบาสก อุบาสิกา ต่างต้องทำหน้าที่ร่วมกัน รักษาพระพุทธศาสนาให้สืบทอดต่อไปด้วยความเจริญมั่นคง

ภิกษุมีสถานภาพเป็นหัวหน้าพุทธบริษัท จึงต้องทำหน้าที่ของตนให้ถูกต้องสมบูรณ์ทั้งด้านคันถธุระและวิปัสสนาธุระ ประพฤติปฏิบัติตนตามสิกขาบทในพระวินัยอย่างเคร่งครัดเพื่อขัดเกลากิเลส เผยแผ่หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แก่อุบาสก อุบาสิกาเพื่อให้มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาอย่างถูกต้อง

อุบาสก อุบาสิกา มีหน้าที่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ฟังธรรมตามกาลเพื่อจะได้มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาที่ประกอบด้วยปัญญา ไม่ฟังคำสอนของภิกษุที่เทศนาธรรมหรือคฤหัสถ์ที่บรรยายธรรมซึ่งไม่ตรงตามพระไตรปิฎกอันเป็นเหตุนำไปสู่การมีความเห็นผิด (มิจฉาทิฎฐิ) และมีการน้อมนำหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ไปประพฤติปฏิบัติด้วยการรักษากาย วาจา ใจ ให้สุจริต ซึ่งจะเป็นประโยชน์สุขต่อการดำเนินชีวิตทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

 :96: :96: :96: :96:

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับ วงการสงฆ์ ในพระพุทธศาสนามีสาเหตุมาจากการประพฤติปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของ “พุทธบริษัท” ทั้งหลาย กล่าวคือผู้ที่บวชเป็นภิกษุส่วนใหญ่ไม่มีความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงประกอบกับไม่มีอัธยาศัยในการครองตนอยู่ในเพศบรรพชิต จึงไม่มีการศึกษาพระธรรมและมีการล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัย

โทษของการล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัยมีหลายสถาน โทษสถานหนัก อาบัติปาราชิกที่ต้องขาดจากความเป็นภิกษุ โทษสถานกลาง อาบัติสังฆาทิเสส หากไม่อยู่ปาริวาสกรรมก็จะไม่พ้นอาบัติ และ โทษสถานเบา ซึ่งประกอบด้วยอาบัติถุลลัจจัย อาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ อาบัติปาฏิเทสนียะ อาบัติทุกกฏ อาบัติทุพภาสิต หากไม่ปลงอาบัติก็จะไม่พ้นอาบัติ

 :25: :25: :25: :25:

พระสุตตันตปิฎก (พระสูตร) ในอัคคิขันธูปมสูตร มีเรื่องราวตอนหนึ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศลชนบทพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ทรงได้ตรัสกับภิกษุสงฆ์ว่า...

“ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน มีความกำหนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดีจะประเสริฐอย่างไร การเข้าไปนั่งกอดนอนกอดกองไฟใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ นี้ดีกว่า…”

ภิกษุที่ล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัยเป็นผู้ไม่มีความเคารพต่อพระพุทธองค์ เมื่อมรณภาพไปแล้วจะถูกฉุดคร่าไปสู่อบายภูมิ การทำบุญถวายทานของอุบาสก อุบาสิกาแก่ภิกษุที่ประพฤติปฏิบัติล่วงละเมิดสิกขาบทในพระวินัยจะไม่เกิดผลจากการอุทิศส่วนกุศลแก่ผู้ตาย เพราะผู้ตายไม่สามารถอนุโมทนาได้ เนื่องจากภิกษุไม่รักษาพรหมจรรย์เป็นผู้ไม่บริสุทธิ์

 st12 st12 st12 st12

การศึกษาพระธรรมจนเป็นผู้มีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์อย่างถูกต้องจนสามารถบรรลุธรรมตามลำดับขั้น ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับภิกษุซึ่งอยู่ในเพศบรรพชิตเท่านั้น แต่ก็เกิดขึ้นกับ อุบาสก อุบาสิกา ซึ่งอยู่ในเพศคฤหัสถ์ได้เช่นเดียวกัน

ความแตกต่างของการบรรลุธรรมนั้นภิกษุสามารถสำเร็จเป็น “อริยบุคคล” ได้ตั้งแต่ระดับขั้นโสดาบันบุคคล สกทาคามีบุคคล อนาคามีบุคคล จนถึงขั้นอรหันตบุคคล ส่วน อุบาสก อุบาสิกา สามารถสำเร็จเป็น “อริยบุคคล” ได้ตั้งแต่ระดับขั้นโสดาบันบุคคล สกทาคามีบุคคล จนถึงขั้นอนาคามีบุคคล ถ้าจะบรรลุธรรมถึงขั้นอรหันต บุคคลก็ต้องสละจากเพศคฤหัสถ์ไปสู่เพศบรรพชิต

ภิกษุที่มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาจาก “พระไตรปิฎก” อย่างถูกต้อง เป็นผู้ประพฤติชอบปฏิบัติชอบย่อมเป็นเนื้อนาบุญและเป็น “ผู้เกื้อกูล” หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แก่ อุบาสก อุบาสิกา ได้เป็นอย่างดี ในกรณีเดียวกันนี้ อุบาสก อุบาสิกา ที่มีความรู้ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาจาก “พระไตรปิฎก” อย่างถูกต้อง เป็นผู้ประพฤติปฏิบัติตนที่มีการรักษากาย วาจา ใจ ให้สุจริต ย่อมเป็น “ผู้เกื้อกูล” หลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แก่ภิกษุที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรมให้มีความรู้ความเข้าใจในพระธรรมวินัยอย่างถูกต้อง

 st11 st11 st11 st11

รวมถึงการเพ่งโทษให้ภิกษุได้รู้ต้วว่า ทำผิดอะไร? ติเตียนให้รู้สำนึกว่าทำผิดเช่นนี้ได้อย่างไร? และโพนทะนาถึงความผิดของภิกษุให้เป็นที่รับรู้ทั่วกันอย่างแพร่หลาย การเพ่งโทษ ติเตียน และโพนทะนา นื้ อุบาสก อุบาสิกาจะต้องกระทำด้วยความหวังดีและมีเมตตา

การเกื้อกูลระหว่างกันของ “พุทธบริษัท” ทั้งเพศบรรพชิตและเพศคฤหัสถ์จะเป็นปัจจัยสำคัญในการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มีความเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้นสืบไป.

…....................................
คอลัมน์ : ว่ายทวนน้ำ
โดย “ทวีศักดิ์ อุ่นจิตติกุล”

ขอบคุณภาพ : sites.google.com    
ที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/589193
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 04, 2017, 09:43:03 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ