ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "หลวงปู่สรวง" หาปลาช่อนตัวเท่าหน้าแข้ง มาเผาให้ศิษย์กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่..??  (อ่าน 1547 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



หักคอปลาดังกร๊อบ.!! "หลวงปู่สรวง เทวดาเดินดิน" หาปลาช่อนตัวเท่าหน้าแข้งมาเผาให้ศิษย์กินอย่างเอร็ดอร่อย แต่..พอเห็นหนังกับก้าง ถึงกับตะลึง.!!

คุณลุงบุญเลิศอยู่อุปัฏฐากติดตามรับใช้หลวงปู่สรวงมาตั้งแต่ปี 2514 จนกระทั่งหลวงปู่สรวงท่านละสังขาร ความไว้เนื้อเชื่อใจที่หลวงปู่สรวงมีต่อลุงบุญเลิศ จึงไม่เป็นที่สงสัยใดๆสำหรับผู้เลื่อมใสในองค์หลวงปู่สรวง เมื่อครั้งที่หลวงปู่สรวงท่านยังดำรงขันธ์ ไม่ว่าท่านจะธุดงค์หรือรับนิมนต์ไปแห่งหนตำบลใด เป็นต้องมีลุงบุญเลิศอยู่ด้วยทุกครั้งไม่เคยขาด

ลุงบุญเลิศจึงไม่ต่างอะไรกับเงาของหลวงปู่สรวง ที่ไม่เคยแยกห่างออกจากกัน

วันหนึ่ง พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าเรื่องนี้เกิดหลังจากเริ่มติดตามหลวงตาสรวงช่วงแรกๆ ท่านพาเดินป่าขึ้นไปพักอยู่บนเขาในเขตอำเภอกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ มีลูกศิษย์ไม่เต็มบาทไปด้วยอีกคนหนึ่ง

ราวๆบ่ายของวันหนึ่ง หลวงตาบอกพ่อลุงบุญเลิศให้ก่อไฟเตรียมไว้ ตัวท่านจะไปหาปลามาให้กิน ท่านหายไปสักพักก็กลับมาพร้อมปลาช่อนตัวขนาดหน้าแข้ง  ยังดิ้นกระแด่วไม่ทันตาย พอมาถึงท่านหักคอปลาดังกร๊อบ!!

พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่าถึงกับร้องครางในใจอยู่คนเดียว เอ๊า..เป็นไงเป็นกัน ก็มันหิวเต็มที



หลวงตาลงมือเผาปลาด้วยตัวเอง เอาไม้คอยเขี่ยคอยพลิก กลิ่นปลาเผาหอมจนน้ำลายแตกเต็มปาก พอปลาสุกท่านก็แบ่งปลาออกเป็น 3 ส่วน
       - ส่วนหางให้คนไม่เต็มบาท
       - ส่วนกลางให้พ่อลุงบุญเลิศ
       - ส่วนหัวท่านฉันเอง

พ่อลุงบุญเลิศเล่าว่า ปลาอร่อยมาก ทั้งสดทั้งเหนียวพอดีกิน เสียแต่ว่ากินลำบากอยู่บ้าง ต้องค่อยๆลอกหนังปลาออก ไม่ให้ขี้เถ้าเปื้อนเนื้อปลาลอกหนังแล้วก็กองไว้ที่ก้อนหินข้างๆตัวก้างปลาก็กองรวมไว้ด้วยกัน

หลังจากอิ่มดีแล้ว หลวงตาเรียกให้รีบลุกขึ้นตามท่านลงไปทำน้ำมนต์ให้ชาวบ้านที่หมู่บ้านตีนเขาพอลงเขามาเห็นชาวบ้านเตรียมครุน้ำถังน้ำนั่งรอกันสลอน อย่างกับว่านัดกันไว้



หลวงตาก็แค่นิ้วมือจุ่มลงไปแกว่งในน้ำให้ทีละราย เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ชาวบ้านถวายเงินคนละ10บาท,20บาท ท่านไม่รับ ส่งเงินคืนให้ชาวบ้านหมด

     "เขาไม่รู้ทำไง ก็เลยไปตักข้าวสารมาให้ บอกว่าเอาขึ้นไปหุงกินบนเขา"
      เมื่อกลับขึ้นมาถึงที่พักบนเขา จวนมืดแล้ว พ่อลุงบุญเลิศจึงเตรียมหุงข้าวกินมื้อเย็น

    "เห็นแปลก..หนังปลากับก้างปลาที่เราลอกแกะทิ้งไว้บนก้อนหิน กลายเป็นเปลือกมันสำปะหลัง เท่านั้นแหละจึงร้องเอะอะใส่ท่าน โอ๊ยยๆ..หลวงตาตั๋วข้าน้อย หลวงตาตั๋วแล้ว" (ตั๋ว-โกหก,หลอกลวง,)

     หลวงตาก็แค่หัวเราะอยู่หยุมๆ
     "เราเลยไปสำรวจดู เดินตามรอยเท้าที่ท่านหายไปหาปลา ก็ไปเห็นรอยขุดหัวมันสำปะหลัง เราไม่ได้เฉลียวใจเลยว่า แถวนั้นมันมีน้ำมีห้วยมีธารที่ไหน หลวงตาจะไปเอาปลามาได้ไง"



ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาเนื้อหาข้อมูล
http://www.suankhlang.com/ipb//index.php?showtopic=4004&st=20
http://forum.ampoljane.com/index.php?showtopic=271&pid=2431&mode=threaded&start=0#entry2431
เรียบเรียงโดยศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์
http://www.tnews.co.th/contents/334753
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0

ขออนุโมทนาสาธุ

ไปลอดโลงมาแล้วครับ

ได้หน่อกล้วยหอมต้นสีแดงๆ

ของคนที่หน้าวัด มาด้วย

เค้าให้มา 2 หน่อ

ไหว้พระ..เชิงเกษตร ครับ
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา