ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เสียงสะท้อนพระคุณเจ้า 'เงิน-พระ-พุทธพาณิชย์'  (อ่าน 1150 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


เสียงสะท้อนพระคุณเจ้า 'เงิน-พระ-พุทธพาณิชย์' ตอน.1

สัปดาห์นี้เอ่ยถึงเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้ารูปหนึ่งที่อีเมล์มาให้สติกับคณะสงฆ์อย่างละเอียด มีอะไรบ้างไป

ช่วงนี้กำลังจะเข้าสู่ฤดูหนาวกันแล้ว มรสุมฝนและพายุก็กำลังคงอยู่ในประเทศไทย พอๆ กับมรสุมที่กำลังพัดถล่มคณะสงฆ์มีข่าวลือต่างๆ ออกมามากมาย ทั้งเรื่องการยังไม่ปรากฎตัวของ “อดีตพระมหาอภิชาติ” และการปลีกวิเวกของ “เจ้าคุณธงชัย” พร้อมกับคำสั่งๆ ต่างๆ ของเจ้าคณะปกครองสงฆ์ที่ออกมา

ผมคิดว่าประเด็นต่างๆ เหล่านี้สื่อมวลชนและนักเคลื่อนไหวด้านศาสนาได้สะท้อนออกไปพอสมควรแล้ว แต่พวกเราชาวพุทธไม่ค่อยได้ยินเสียงสะท้อนจาก “พระคุณเจ้า” เท่าไร วันนี้ผมได้รับอีเมล์จากพระคุณเจ้ารูปหนึ่งท่านได้สะท้อนกลับมาเพื่อให้สติกับพวกเรา ผมจะไม่ตัดต่ออะไรทั้งสิ้น ลองพิจารณาเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้าบ้างดังนี้ครับ

 :96: :96: :96: :96:

ช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา กระแสการเรียกร้องและขับเคลื่อนให้ “ปฏิรูปองค์กรสงฆ์” จาก “อาณาจักร” ผ่านฆราวาสฝ่ายการเมืองในคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว สนช. ตลอดถึงฆราวาสกลุ่มหนึ่งที่ขับเคลื่อนเรื่องนี้อย่างสอดคล้องกัน ได้เริ่ม “ขยับ” ประชิดคณะสงฆ์มากยิ่งขึ้น

แม้ทางฝ่ายคณะสงฆ์ โดยเจ้าคณะใหญ่ทั้ง 4 หน ฝ่ายมหานิกาย ตลอดถึงเจ้าคณะใหญ่ธรรมยุติ ได้ออกคำสั่งถึงเจ้าคณะตามลำดับชั้น ถึงข้อห้ามต่างๆ เช่น เรื่องวัตถุมงคล, เรื่องการใช้สื่อโซเซียล, การวิจารณ์การเมือง, รวมถึงการประพฤติตนให้เหมาะสมแก่สมณสารูปแล้วก็ตาม

โดยตั้งแต่เมื่อต้นปี 2560 ที่ผ่านมา อาจารย์นักกฎหมายท่านหนึ่ง ได้เสนอกฎหมายต่อ สนช. ว่าด้วยเรื่อง “พระห้ามรับมรดก” และ “ห้ามพระรับปัจจัยที่มีมูลค่ามาก” นั้นแสดงให้เห็นว่า ทางฝ่าย “อาณาจักร” จริงจังและเอาจริง แค่ไหนใน “การปฎิรูปองค์กรสงฆ์” ในครั้งนี้

 :25: :25: :25: :25:

สิ่งที่ผู้เขียนอยากให้ฝ่ายอาณาจักร กลุ่มฆราวาสที่เคลื่อนไหวใน “การปฏิรูปองค์กรสงฆ์” ทำความเข้าใจให้มาก คือ การปฏิรูปองค์กรสงฆ์ในครั้งนี้ ฝ่ายอาณาจักรต้องลบ “อคติ” ที่มีอยู่ต่อคณะสงฆ์ (ที่เกี่ยวข้องกับฝั่งการเมือง, ความไม่ชอบ และเกลียดชังกัน) และควรศึกษาวิถีวัฒนธรรมของพุทธศาสนาในประเทศที่ “ซับซ้อน” ให้ถี่ถ้วนและรอบครอบในทุกแง่มุม

ที่สำคัญไม่ใช่คิดเองตัดสินใจกันเอง แล้วออกเป็น “กฎหมาย” มาบังคับพระทั่วประเทศ ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ควรปรึกษาคณะสงฆ์ไม่ว่าจะเป็นพระผู้ใหญ่ หรือ พระเล็กพระน้อยก็ตาม จะให้ดีนั้นก็ควรเปิดเวทีให้ทุกฝ่ายได้แสดงทัศนะความเห็นอย่างเต็มที่จนตกผลึกร่วมกัน

สิ่งหนึ่งที่ผู้เขียนมองเห็นชัดก็คือ ฆราวาสกลุ่มนี้อยากจะปฏิรูปพระพุทธศาสนาให้เป็น “พุทธแท้” หรือ “พุทธบริสุทธิ์”  ตามที่คิดกันว่าจะต้องกลับไปเหมือนพุทธกาล พระต้องบริสุทธิ์ เคร่งครัด ไม่จับเงิน ไม่ใส่รองเท้า ดูเคร่งครึม น่าศรัทธา อะไรประมาณนั้น


 st12 st12 st12 st12

ถ้าเราลองมาไตร่ตรองดูนะ...ตั้งแต่อยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ ตรงไหนที่ว่าคือ “พุทธแท้” ผู้เขียนก็เห็นว่ามีแต่ “พุทธไทย” ตามบทความของนักวิชาท่านหนึ่งที่กล่าวว่า ที่ทำกันอยู่นี่ก็พุทธแบบไทยๆ เพราะเรานับถือผี นับถือพราหมณ์ มาก่อนที่พุทธศาสนาจะเข้ามา ทีนี้คงต้องถามว่าอะไรที่ท่านว่า...พุทธแท้ พุทธบริสุทธิ์? สิ่งที่ชาวบ้านทำกันอยู่เป็นประเพณี ซึ่งสัมพันธ์กับชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย ที่ผสมพุทธ พราหมณ์ ผี ทั่วประเทศจะทำอย่างไร.?

เอาแค่ประเด็นเหล่านี้ ก็ซับซ้อนมากอยู่แล้ว “ท่าที” และ “กระบวนการ” การปฏิรูปที่ทำกันอยู่ตอนนี้ต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญว่าให้ทุกคนเข้าถึงและแสดงทัศนะกันได้มากน้อยแค่ไหน นี่ยังไม่กล่าวถึงเรื่อง “พระเครื่อง” และ “วัตถุมงคล” ที่ทำอยู่ทั่วประเทศ ไม่ใช่เฉพาะวัดนะครับ ลองไปนับดูว่าหน่วยงานราชการ องค์กรต่างๆ ที่ทำพระเครื่องวัตถุมงคล ระดมทุนสร้างนั่นสร้างนี่ มีเท่าไหร่ แล้วจะปฏิรูปกันอย่างไร.??

 ask1 ans1 ask1 ans1

ประเด็นต่อมาที่เรียกร้องและเคลื่อนไหว ตั้งคำถามกันมากอีกเรื่อง ก็คือ “เงิน” และอีกคำก็คือ “พุทธพาณิชย์” ซึ่งไม่ว่าเรื่องอะไรก็กล่าวหาว่าเป็น “พุทธพาณิชย์” แม้กระทั่งตั้งตู้บริจาคในวัด ก็วิพากษ์วิจารณ์กันแหลกลาญ หรือเป็นยุคนี้เราเห็นข่าวเสื่อมเสียของพระได้รวดเร็วขึ้น และบ่อยขึ้น หรือเปล่าเลยพากันเบื่อหน่าย อะไรๆ เกี่ยวกับพระกับวัดเลยดูขัดหูขัดตาไปซะหมดทุกอย่าง

บางสำนักเน้นเรื่องไม่ให้พระรับเงินทองโดยเด็ดขาด ในตอนนี้ ถึงกับใช้คำว่า “มหาโจรผ้าเหลือง” กันได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยนะครับ ไม่เป็นไรครับจะคิดเห็นอย่างไรก็ว่ากันไป แต่สมมติว่าถ้ากฏหมายห้ามพระเณรรับเงินโดยเด็ดขาด จริงๆ สังคมไทย หรือรัฐจะจัดการกันอย่างไร.??

ผมทิ้งประเด็นคำถามไว้ว่า “หากอนาคตมีกฎหมายห้ามพระเณรรับเงินโดยเด็ดขาดจริงๆ สังคมไทย จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร.??”

สัปดาห์หน้าผมจะนำเสนอเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้าต่อโปรดติดตามต่อครับ




คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/603448
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
Re: เสียงสะท้อนพระคุณเจ้า 'เงิน-พระ-พุทธพาณิชย์'
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2017, 06:11:55 am »
0



เสียงสะท้อนพระคุณเจ้า "เงิน-พระ-พุทธพาณิชย์" ตอน.2

สัปดาห์นี้ยังพูดถึงเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้ากันต่อ ในเรื่องห้ามพระ-สามเณรรับเงิน แต่ในความเป็นจริงแล้วพระ เณรจะดำรงชีวิตอย่างไรถ้าไม่ใช้เงินไปดูกัน

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมทิ้งคำถามของพระคุณเจ้าเพื่อให้ทุกคนช่วยกันคิดว่า...“ถ้ากฏหมายว่าห้ามพระห้ามสามเณรรับเงินโดยเด็ดขาดจริงๆ สังคมไทยหรือรัฐจะจัดการกันอย่างไร” เพื่อให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพวันนี้ผมขอนำเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้ามาเสนอต่อดังต่อไปนี้

...ผู้เขียนขอเล่าวิถีชีวิตของพระเณรทั้งในกรุงเทพมหานครและต่างจังหวัดสักนิด เผื่อท่านจะมองเห็นอีกแง่มุมของการใช้ชีวิตของพระเณรบ้าง เริ่มต้นจากการบวช อันนี้ต้องเข้าใจว่าพระเณรในเมืองไทย ตั้งแต่พระผู้ใหญ่ถึงพระหนุ่มเณรน้อย

หลายรูปไม่ได้เริ่มต้นที่ “ศรัทธา” บวชตอนเป็นเด็กยังไม่ได้รู้ซึ้งอะไรในพระพุทธศาสนาเลย แต่เมื่อบวชเข้ามาผ่านการฝึกฝนอบรมตน ก็ซาบซึ้งเข้าใจในพระศาสนา จนเป็นพระผู้ใหญ่สืบทอดพระศาสนา เป็นพระหนุ่มเณรน้อยที่ทำงานถวายพระพุทธเจ้า


 :96: :96: :96: :96:

มุมหนึ่งคือพระพุทธศาสนาเปิดโอกาสแก่เด็กที่ขาดโอกาสในสังคม ให้เข้ามาศึกษาเล่าเรียนในพระศาสนา ฝึกฝนอบรมตน อยู่ได้ก็บวชสืบทอดพระศาสนา อยู่ไม่ได้ก็สิกขาลาเพศไปใช้ชีวิตฆราวาสญาติโยม อย่างน้อยก็ได้อบรมนิสัยมา

ในวิถีของพระเณรต่างจังหวัดนั้น ญาติโยมชาวบ้านเขารักและศรัทธาดูแลเหมือนลูกเหมือนหลาน ทุกวันพระ พระเณรจะถือตาลปัตรไปให้ศีล เทศน์ให้คนเฒ่าคนแก่ฟังตามบ้าน เวลามีงานศพ งานบุญที่บ้านก็ได้กำลังพระเณรไปช่วยเอาเต้นท์ไปกลางให้ ญาติโยมก็ถวายเงินพระเณร เอามาซื้อสมุดปากกา

อย่างผู้เขียนก็เอาเงินที่โยมถวายจากการไปกางเต้นท์ หรือสวดมาติกา สวดพระอภิธรรม ไปซื้อหนังสือเล่มแรกของชีวิตที่อยากได้ คือหนังสือ “เทศนาวาไรตี้” เพราะสนใจในเรื่องการเทศน์ รวมถึงค่ารถเดินทาง ค่าใช้จ่ายทั่วไป ฯลฯ นี่ยังมิได้กล่าวถึงวัดที่เป็นสำนักเรียนมีพระหนุ่มเณรน้อยเรียนนักธรรมบาลีและสายปริยัติสามัญเป็น 100 รูป ว่าจะมีผลกระทบอย่างไร.??

 :25: :25: :25: :25:

ตรงนี้จะเห็นว่าในความเป็นจริงแล้ว เราควรมองให้รอบด้านว่าความเป็นจริงในการดำรงอยู่ของพระเณรเป็นอย่างไร ส่วนไหนที่ควรปฏิรูป ไม่ใช่จะรวมไปทุกอย่าง เราจะบอกว่าวัดหรือพระจะดำรงอยู่ได้โดยไม่ใช้เงินนั้น คงเป็นไปไม่ได้ จริงๆ แค่ลองดูศาสนาอื่นในเมืองไทยว่าศาสนาไหนไม่ใช้เงินในการขับเคลื่อน ก็คงไม่มีโบสถ์ของคริสจักร มิสยิดของอิสลาม ศาสนสถานต่างๆ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการดำรงอยู่ของพระและวัด

ถึงวันนี้สิ่งที่เราควรทำความเข้าใจ เพื่อเป็นคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา คือศึกษาความเป็น “พุทธแบบไทยๆ” ที่มีวัฒนธรรมผสมผสานพราหมณ์และผี มีความซับซ้อน ไม่เหมือนในสมัยพุทธกาล เราจะให้พุทธศาสนา วัด พระ สามเณร พุทธศาสนิกชน ดำรงอยู่ในโลกแห่งศตวรรษที่ 21 นี้อย่างไร ผ่านการพูดคุย สื่อสาร การแสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย โดยปราศจากอคติที่มีต่อพระ ต่อวัด ผู้เขียนเห็นด้วยอย่างยิ่งต่อ “การปฏิรูป” แต่ไม่ใช่ด้วยบรรยากาศที่เกิดจากความเกลียดชัง และมุ่งร้ายต่อกัน


 st12 st12 st12 st12

ผมเสนอเสียงสะท้อนจากพระคุณเจ้าแบบไม่มีการตัดต่อหรือเสริมแต่งอะไรเพื่อให้ชาวพุทธและคนที่เกี่ยวข้องได้ฟังกลุ่มคนที่ต้องการพูดบ้าง เพราะที่ผ่านมาเราฟังแต่ “คนในกระแส” หรือไม่ก็ “พวกอยากมีข่าว” เพื่อไม่ให้ตกกระแสโดยมีเป้าหมายอนาคต เช่น ต้องการเป็น สว.บ้าง ต้องการตั้งพรรคการเมืองบ้าง และการตำหนิพระ โพสต์ว่าพระ หรือลงรูปพระที่ไม่ควร ก็ไม่มีใครปกป้องหรือคุ้มครอง

อย่างที่ผมเคยบอกแล้วว่า ตอนนี้มี 3 กลุ่มที่กำลังถูกลดความน่าเชื่อถือ คือ ตำรวจ นักการเมือง และพระภิกษุสงฆ์ และคนทั้ง 3 กลุ่มนี้หากมีคนต่อว่าเปิดประเด็นเมื่อไรกระแสมันก็จะ “จุดติด” เมื่อนั้น เมื่อจุดติดมันก็จะมี “นักฉวยโอกาส” ปั่นจนคนที่จุดและคนปั่นกลายเป็นฮีโร่ ทั้งๆ ที่บางคน “เป็นซาตาน” ด้วยซ้ำไป



คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” : riwpaalueng@gmail.com
ขอบคุณที่มา : https://www.dailynews.co.th/article/604792
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ