ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เรียนปริยัติ ฝึกปฏิบัติ ณ “มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์”  (อ่าน 1267 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29297
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เรียนปริยัติ ฝึกปฏิบัติ ณ “มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์”

ธุระในพระพุทธศาสนามีอยู่ 2 ประการ คือคันถธุระ หรือการศึกษาเล่าเรียน และวิปัสสนาธุระหรือการฝึกขัดเกลากิเลส หากกิจทั้งสองอย่างนี้ยังบริบูรณ์และแพร่หลาย  นั่นก็หมายความว่าพระพุทธศาสนายังดำรงอยู่หรือเจริญมากขึ้น นี่คือเจตนารมณ์ของผู้ก่อตั้ง “มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์” แห่งนี้

ท่านอาจารย์แนบ มหานีรานนท์ เป็นบุตรีของพระยาสัตยานุกูล อดีตเจ้าเมืองกาญจนบุรี และคุณหญิงแปลก นางกำนัลในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 เมื่อ พ.ศ.2474 ท่านอาจารย์แนบเคยฝึกปฏิบัติธรรมจนรู้สึกว่า วิธีที่จะละกิเลสให้ได้อย่างแท้จริงนั้น น่าจะต้องรู้อยู่ที่อารมณ์ปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงเที่ยวแสวงหาพระอาจารย์ที่สามารถบอกทางที่เป็นปัจจุบันให้เข้าใจได้

ปีต่อมาท่านอาจารย์แนบได้พบกับพระภัททันตะ วิลาสะ พระภิกษุชาวพม่าซึ่งแนะนำว่า การเจริญธรรมต้องกำหนดปัจจุบันอารมณ์ได้ทั้งหมดทุกทวาร ทั้งตา หู จมูก ลิ้น กาย และใจ เมื่ออาจารย์แนบเห็นว่าคำสอนนี้ตรงกับที่ท่านคิด จึงมอบตัวเป็นศิษย์พระภัททันตะ แล้วฝึกปฏิบัติด้วยการเรียนรู้รูป-นามกับท่านตั้งแต่นั้นมา




จนเมื่อ พ.ศ.2487 ท่านเกิดปัญญารู้แจ้งจากการปฏิบัติ จึงเริ่มจัดสอนทั้งปริยัติและปฏิบัติ ที่วัดระฆังโฆษิตาราม วัดสามพระยาวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ สำนักนาฬิกาวันวัดป่าธรรมโสภณ และสนับสนุนการก่อตั้งสำนักปฏิบัติวิปัสสนาตามจังหวัดต่างๆ 41 แห่ง ต่อมาคณะศิษย์ซื้อที่ดินจำนวน 28 ไร่ เพื่อก่อตั้งเป็นมูลนิธิในนามของท่าน โดยเปิดสอนพระอภิธรรมและปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานในแนวมหาสติปัฏฐาน 4 แก่ภิกษุ แม่ชีและบุคคลทั่วไป มีพระวิปัสสนาจารย์ คือ ท่านอาจารย์วรรณสิทธิ ไวทยะเสวี และอาจารย์นิยม ฤทธิ์เสือ ลูกศิษย์ของท่านอาจารย์แนบ

มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์ มีเรือนกรรมฐานแบบเดี่ยวรองรับผู้ปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น 60 หลัง แบ่งเป็นเรือนกรรมฐานชาย 30 หลัง และหญิง 30 หลัง บรรยากาศภายในสงบ ร่มรื่น ปลอดภัย และมีเครื่องอำนวยความสะดวกตามสมควร ที่นี่ไม่เน้นพิธีรีตอง ไม่มีกิจกรรมร่วมกัน และไม่มีการทำวัตรสวดมนต์ ผู้ปฏิบัติมีหน้าที่แค่เพียงเรียนรู้อยู่กับตัวเองเท่านั้น และที่สำคัญคือ ผู้ปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ที่นี่จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับ ผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายภายนอก แล้วหันมาศึกษาความจริงจากภายใน




การอบรมของมูลนิธิแนบ มหานีรานนท์จัดขึ้นครั้งละ 7 วัน แบ่งเป็น 2 ภาค

ภาค.1 ปริยัติ(ทฤษฎี) เรียน 3 วัน วันละ 5 คาบวิชา
เนื้อหากล่าวถึงการศึกษาพระพุทธศาสนาพื้นฐาน จิต เจตสิก รูป นิพพาน สังสารวัฏ อริยสัจ 4 ศีล สมาธิ  ปัญญา สมถะและวิปัสสนากรรมฐาน และสติปัฏฐาน เน้นอบรมให้ปฏิบัติโดยใช้วิธีกำหนดรูป-นามเป็นอารมณ์ ให้พิจารณาอิริยาบถใหญ่ทั้ง 4 คือ รูป นั่ง-นอน-ยืน-เดิน ให้รู้ทุกข์และเห็นไตรลักษณ์ รูป-นาม เกิดดับ

ภาค.2 ปฏิบัติ 4 วัน
ก่อนเข้าปฏิบัติวิปัสสนาจารย์จะให้สมาทาน “อาชีวมัฏฐมกศีล” คือ 
   1. ห้ามฆ่าสัตว์ 
   2. ห้ามลักทรัพย์ 
   3. ห้ามล่วงประเวณี 
   4. ห้ามพูดเท็จ 
   5. ห้ามพูดคำหยาบ 
   6. ห้ามพูดส่อเสียด 
   7. ห้ามพูดเพ้อเจ้อ และ 
   8. ห้ามมิจฉาอาชีวะ 
แล้วให้ปฏิบัติดูรูป-นาม ในอิริยาบถใหญ่ทั้ง 4 ภายในห้องพัก หรือเดินจงกรมรอบๆเรือนกรรมฐานเท่านั้น

@@@@@@

เจ้าหน้าที่จะนำปิ่นโตอาหารคาว-หวาน(ไม่ใช่อาหารเจหรือมังสวิรัติ) พร้อมเครื่องดื่ม จัดส่งถึงเรือนกรรมฐานเช้ากลางวันและเย็น(สำหรับฆราวาสผู้ถือศีล 5) สำหรับผู้ที่เข้าใจเรื่องการปฏิบัติธรรมดีแล้ว สามารถขอเข้าพักในเรือนกรรมฐานเพื่อปฏิบัติภาวนาได้เองตามสมควร

มูลนิธิแนบ มหานีรานนท์ ตั้งอยู่ที่ :-
84/1 หมู่ 2 พุทธมณฑลสาย 5 ตำบลบางกระทึก อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม 73210
โทร.0-2889-4417,0-2420-8024 เวลา 8.00 น.–17.00 น. ทุกวัน 
ติดตามตารางการปฏิบัติธรรม หรือเรียนอภิธรรมออนไลน์ ได้ที่ www.nab.or.th



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/81383.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ