ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คนธรรมดาที่ยังมีห่วงอย่างเราๆ จะถึงนิพพานกันได้อย่างไรคะ.?  (อ่าน 1013 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29391
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



คนธรรมดาที่ยังมีห่วงอย่างเราๆ จะถึงนิพพานกันได้อย่างไรคะ.?

ถาม : คนธรรมดาที่ยังมีห่วงอย่างเราๆ จะถึงนิพพานกันได้อย่างไรคะ

ตอบ : คนธรรมดาที่เป็นฆราวาสถึงนิพพานเยอะแยะไป อย่างพระเจ้าสุทโธทนะเองไม่ได้บวช แต่ก็ถึงพระอรหันต์ หรือฝรั่งบางคนแม้จะไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธ แต่ถ้าปฏิบัติได้ถูกทางก็หลุดพ้นได้

คนที่อยากจะถึงนิพพานจริงๆ จำต้องอาศัยการปรารภความเพียร และความพยายามเป็นตัวช่วยนะ ไม่งั้นคงถึงได้ยาก ถ้าหากอยากเริ่มต้นปูทางไปนิพพานตั้งแต่วันนี้ ก็ลองเริ่มทำนิพพานน้อยๆ ที่เรียกว่า ตทังคนิพพาน หรือ นิพพานชั่วขณะ(ภาวะของกิเลสเกิดขึ้นและดับไปชั่วขณะด้วยอำนาจของฌาน)ดูก่อนก็ได้ เช่นเวลาใจเร่าร้อนแล้วเรารู้เท่าทันตัวเองจนเห็นความเร่าร้อนที่ดับไป ก็ถือว่าเป็นนิพพานน้อยๆ ได้เหมือนกัน

@@@@@@

ไฟไหม้เราใช้น้ำดับได้ แต่เวลาใจของเราถูกแผดเผาให้เร่าร้อน ทุรนทุราย จากไฟพิเศษที่เรียกกันว่าไฟบรรลัยกัลป์จะนั่งที่ไหนก็ร้อน…ในน้ำก็ร้อน ห้องแอร์ก็ไม่เย็น…จะใช้อะไรดับก็ไม่ได้ ต้องมีอุปกรณ์ในการดับ คือใจของผู้ถูกเผาเองนั่นละ

ในตัวของเรามีไฟอยู่สามกองที่เรียกว่าไฟกิเลส กองแรกคือราคะ ตั้งแต่เช้าถูกไฟกองนี้เผามาบ้างไหม อยากทานอะไรสักอย่าง อยากดูหนัง ดูละคร ซื้อนั่นนู่นนี่ กองที่สองคือโทสะความขัดใจ จากบ้านมาถึงที่ทำงาน ขัดใจคนที่บ้าน เพื่อนที่ทำงาน เจ้านาย ลูกน้องบ้างหรือเปล่า หรือที่โรงเรียนมีเพื่อนมาขัดใจเราบ้างไหม กองสุดท้ายคือโมหะ ความลุ่มหลง ทำให้คนจมติดอยู่กับเรื่องบางเรื่อง เช่น จมอยู่กับอบายมุข เล่นการพนันขันต่อ เที่ยวเตร่เฮฮา เป็นต้น

@@@@@@

อุบายง่ายๆ สำหรับคนที่อยากดับไฟสามกองนั้นคือ ให้ใช้ใจที่เป็นทุกข์มาดับความทุกข์

คนส่วนมากเป็นทุกข์เพราะเอาใจไปผูกไว้กับใครคนหนึ่ง สุดท้ายเขาก็มาตีจากเราไป หรือเวลาโดนใครคนใดคนหนึ่งใส่ร้ายป้ายสี ครอบครัวพลัดพราก คนรักตีตัวจาก อยากได้สิ่งใดแล้วไม่ได้ ไม่อยากได้แต่ดันได้ ยิ่งถ้าเป็นฝ่ายที่ถูกตีจาก ถูกด่าว่าใส่ร้าย ถูกทิ้ง ยิ่งสะเทือนใจ คิดถึงเวลาใด ระทมใจเวลานั้น

ความทุกข์เกิดจากความดำริหรือความคิด คิดถึงสิ่งที่ทุกข์ใจเลยทุกข์ ทางแก้ไขคือ หยุดคิดถึงสิ่งนั้นแล้วจะไม่เป็นทุกข์ วันใดที่เราสามารถทำไฟกิเลสที่มันร้อนๆ ให้เย็นลงได้ หมายถึงเราเริ่มเข้าถึงการดับทุกข์ได้ เข้าสู่ความสงบเยือกเย็นได้…ก็เรียกได้ว่าเป็นนิพพานน้อยๆ ได้แล้ว…เลิกคิด เลิกทุกข์นี่ละคือนิพพานในชีวิตประจำวันที่ทำได้ง่ายและทำได้ทุกคน

@@@@@@

การเจริญสติและวิปัสสนาคือทางสายเอก เป็นสายสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถเห็นความคิดของตัวเองเกิดและดับได้ คือเกิดแล้วมองเห็นทัน ดับแล้วใส่ใจทัน แค่นี้ก็พอ พอมองดูทันก็จะวางเฉยไม่เอาทั้งบุญทั้งบาป ถ้าทำต่อไปเรื่อยๆ ก็สามารถหยุดได้ถาวร หรือก็คือถึงซึ่งนิพพาน (ของแท้) นั่นเอง!

เราทุกคนสามารถปูทางเข้าสู่กระแสพระนิพพานได้ แค่เริ่มเดินจงกรม นั่งสมาธิ ดูใจทุกวันเวลา…เป็นสิ่งที่ทำง่ายๆแต่ส่วนมากไม่ยอมทำกัน เดินไหม ไม่เดิน ดูใจไหม ไม่ดู ถ้าไม่พากเพียรทำอย่างจริงจัง หรือทำแค่วันละนิดวันละหน่อยอย่างไรก็ไปถึงนิพพานในชาตินี้ไม่ทัน คงได้แต่เป็นอุปนิสัย เป็นบารมีสั่งสมไปเท่านั้น…

พระอาจารย์ขอเตือนว่า ชีวิตนี้สั้นเกินกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด อย่างไรก็ควรจะทำให้ได้ในชาตินี้นะ ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน



ธรรมะจากพระอาจารย์มานพ อุปสโม : พระอาจารย์ผู้ไขปัญหา
ขอบคุณที่มา : http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/6948.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ