ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำอย่างไร.? ให้สมหวัง..ดั่งขอพร  (อ่าน 894 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29302
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ทำอย่างไร.? ให้สมหวัง..ดั่งขอพร
« เมื่อ: มีนาคม 26, 2018, 06:14:35 am »
0



ทำอย่างไร.? ให้สมหวังดั่งขอพร
บทความดีๆ จากท่านว.วชิรเมธี

เราต่างพากันอ้อนวอนขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้ดลบันดาลสิ่งต่างๆ มาให้ แต่จะทำอย่างไรให้คำขอพรนั้นสัมฤทธิ์ผลดั่งใจหวัง ร่วมหาคำตอบได้ใน บทความดีๆ จากท่าน ว.วชิรเมธี

@@@@@@

ปุณณ์และปัณณ์หลานรัก

หลานรัก..หลานทั้งสองรู้หรือไม่ว่าในแต่ละวันมีคนที่อ้อนวอนขอให้พระเจ้าช่วยกันวันละกี่พันล้านคน และวันละกี่พันล้านหน

    หลานรู้หรือไม่ว่า ในบรรดาคนที่อ้อนวอนให้พระเจ้าช่วยนั้น มีกี่คนบ้างที่สมปรารถนา
    คนที่สมปรารถนาจากการช่วยเหลือของพระเจ้านั้น เขามีคุณสมบัติอย่างไร และคนที่อ้อนวอนแล้ว บูชาพระเจ้า สวดมนต์ขอพระองค์แล้ว แต่ถึงกระนั้นก็ยังผิดหวังเป็นเพราะเขาขาดคุณสมบัติอะไร

    หลานอยากทราบความแตกต่างของคนทั้งสองประเภทนี้ไหม
    เอาละ ถ้าหลานอยากทราบ ปู่มีนิทานจะเล่าให้ฟัง

@@@@@@

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีชายคนหนึ่ง เขามีความเชื่อว่า การสวดมนต์วันละ 3,000 จบจะทำให้เขาเป็นที่รักของเทพเจ้าเบื้องบน และเทพเจ้าจะโปรดประทานความสุขความเจริญให้แก่เขาตามที่ต้องการทุกประการ

ด้วยความเชื่อเช่นนี้เอง ทุกวันก่อนนอนเขาจึงสวดมนต์ 3,000 จบ เขาทำอยู่อย่างนี้มาเป็นเวลาหลายปี แต่ชีวิตก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่เลิกสวดมนต์ เขายังคงเชื่อมั่นศรัทธาในเทพเจ้าอย่างแน่นแฟ้น เขามั่นอกมั่นใจว่า การสวดมนต์ของเขาจะต้องไม่สูญเปล่่าอย่างแน่นอน เทพเจ้าจะต้องได้ยินเสียงสวดมนต์ของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

อยู่มาวันหนึ่ง เกิดน้ำท่วมใหญ่ประชาชนพลเมืองพากันย้ายข้าวของขึ้นชั้นบนของบ้าน หรือไม่ก็ย้ายออกไปยังที่ที่ปลอดภัยในวันนั้น มีเจ้าหน้าที่จากกรมประชาสงเคราะห์เอารถบัสมาช่วยขนคนออกจากหมู่บ้านไปยังที่ที่ปลอดภัย แต่ชายนักสวดมนต์ไม่ยอมย้ายหนี เขาบอกกับเจ้าหน้าที่ว่าไม่ต้องห่วงเพราะเขามีเทพเจ้าคุ้มครอง ว่าแล้วเขาก็คุกเข่านั่งสวดมนต์ต่อไปดังหนึ่งไม่มีเหตุเลวร้ายอะไรเกิดขึ้น

@@@@@@

วันที่สอง น้ำเริ่มสูงขึ้น จนเขาต้องย้ายขึ้นไปอยู่บนชั้นสองของบ้าน คราวนี้มีเรือของเจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์เข้ามาแจกถุงยังชีพ และมารับเขาออกไปจากพื้นที่เสี่ยงภัย แต่เขาตอบปฏิเสธเหมือนเดิม จากนั้นก็พึมพำสวดมนต์อีก 3,000 จบ

วันที่สาม น้ำสูงขึ้นจนมิดหลังคาบ้านนักสวดมนต์ผู้เปี่ยมศรัทธาย้ายตัวเองขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคาบ้าน พลางสวดมนต์ต่อเทพเจ้าเบื้องบนให้ช่วยเขา ระหว่างนั้นเองมีเฮลิคอปเตอร์บินมาเหนือหลังคาบ้าน เจ้าหน้าที่กรมประชาสงเคราะห์หย่อนบันไดลิงลงมาให้เขาปีนขึ้นไป เขาโบกมือปฏิเสธทั้งยังตะโกนสวนขึ้นไปว่า ไม่ต้องห่วง เขาแจ้งให้เทพเจ้าทราบแล้วด้วยการสวดมนต์3,000 จบ ถึงอย่างไรท่านก็ต้องคุ้มครองเขาให้ปลอดภัยแน่นอน เจ้าหน้าที่ช่วยผู้ประสบภัยส่ายหัวให้กับความดื้อของเขาแล้วก็บินหายไปจนลับสายตา

@@@@@@

วันต่อมา ชายหนุ่มนักสวดมนต์ผู้เปี่ยมศรัทธาตื่นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง แต่ไม่ใช่ในบ้านของเขา คราวนี้เป็นในนรก เพราะเขาจมน้ำตายตั้งแต่เมื่อวาน เมื่ออยู่ต่อหน้ายมบาลเขาโกรธมากที่ต้องมาตาย จึงถามยมบาลว่า ทำไมคนที่ศรัทธาในเทพเจ้าอย่างเขา สวดมนต์วันละตั้ง 3,000 จบ ถึงต้องมาตายด้วย ทำไมเทพเจ้าจึงไม่คุ้มครองเขา.?
   
     ยมบาลตอบแทนท่านเทพเจ้าว่า
     “เทพเจ้าท่านฝากให้ข้าพเจ้ามาอธิบายให้แกฟังว่าทำไมคนอย่างแกถึงต้องมาตายฟังให้ดีนะ
    “วันแรกที่น้ำท่วม เทพเจ้าท่านส่งรถมาช่วยแก แกก็ไม่ยอมขึ้นรถ
    “วันที่สอง ท่านส่งเรือมาช่วย แกก็ไม่ยอมขึ้นเรือ
    “วันที่สาม ท่านส่งเฮลิคอปเตอร์มาช่วยแกก็ไม่ยอมขึ้นเฮลิคอปเตอร์”
    “อ๋อ ทั้งรถ ทั้งเรือ ทั้งเฮลิคอปเตอร์ตกลงว่าเป็นคนของเทพเจ้าทั้งหมดเลยหรือ”
    “ก็ใช่น่ะสิ ท่านทุ่มเทเครื่องมือทุกอย่างเพื่อช่วยเจ้า แต่เจ้าไม่ยอมช่วยตัวเอง ในที่สุดเจ้าถึงต้องตายอย่างที่เห็นอยู่นี่ไง”

    เมื่อได้ฟังเช่นนั้น เจ้าหนุ่มผู้เปี่ยมศรัทธาก็หมดคำที่จะเถียงยมบาล เขาได้แต่ก้มหน้ายอมรับชะตากรรมอย่างไม่มีทางเลือก



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/77760.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ