ถาม คนมีปัญญา กับ พระอริยะมีปัญญา เหมือนกันไหม ครับ
ตอบ ไม่เหมือนกัน คนมีปัญญา ก็คือคนคิดเป็น แต่การคิดนั้นก็คือการคิดที่รับเอาแต่ประโยชน์ ไม่ยอมเสียประโยชน์ หรือเสียเปรียบ ปัญญาของชาวโลกก็คือ การที่ไม่ยอมถูกหลอก หรือให้หลอกไม่ได้ ต้องรู้ทัน นี่คือปัญญา ของชาวโลก
แต่สำหรับ พระอริยะ ปัญญา นั้นหมายถึงการรู้ที่เข้าไปกำจัดกิเลส ยอมเสียเปรียบ แม้จะรู้ว่าเสียเปรียบ หรือ ถูกหลอก แต่ก็ทรงปัญญาไว้ เพื่อการสละกิเลส เท่านั้น
ดังนั้นการสละกิเลส บางครั้ง ก็ดูเหมือน ทำโง่ ๆ เช่น เขาด่ามา ก็ยอมให้เขาด่า แม้จะเสียศักด์ศรี ถูกหมิ่นหยามเกลียด แต่การรู้เพื่อละกิเลส กลับไม่มีการโต้ตอบ เหมือนยอมรับว่าฉันเป็นอย่างนั้น แท้ที่จริงก็เพียงเพื่อ ชนะใจตนเองก่อน แล้วจึงเป็นการละกิเลส ดังนั้น ผู้ภาวนาในสายตาชาวโลก ก็คือคนโง่
พอจ ได้ยินมามากกับเรื่องราวพวกนี้ เช่น สอนให้คนนั่งกรรมฐาน ทำสมาธิเจริญจิต รักษาศีล พระในวัด นั่นแหละที่พูดบอกว่า ทำไปทำไม ไม่มีประโยชน์ไร้สาระ สู้ดูหนัง ดูละครไม่ได้ คำพูดพวกนี้ พอจ ได้ยินประจำเวลาอยู่วัด จนถึงกับบางรูปกับบางรูปบางองค์ คัดค้านอย่างเปิดเผย ในเรื่องราวมส่งเสริมคนมาปฏิบัติธรรม บอกว่า เป็นเรื่องยุ่งยากทำให้วัดไม่มีความสงบ
( อันนี้ไม่ยกชาวบ้านนะ แต่ ยก พระ ที่อยู่ใกล้ พระธรรม มาเป็นตัวอย่าง เพราะชาวบ้านหนักหนาสาหัสกว่า นี้ )
ดังนั้น คนมีปัญญา กับ พระอริยะมีปัญญา นั้นไม่เหมือนกัน ผลที่ได้ก็ต่างกัน
สำหรับชาวบ้าน เรื่อง กินเที่ยว สนุกสนานเฮฮาปาร์ตี้เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งเขายอมเสียเวลากับเรือ่งพวกนี้ กว่าจะรู้ตัวก็แก่เฒ่า บุญทานทำไม่ทัน อายุขัยสิ้นก่อนมีมากมาย
สำหรับ พระอริยะ นั้นปัญญามีอย่างเดียวก็คือการหยุดการปรุงแต่ง ตามตัณหา ราคะ โทสะ อันนี้เป็นปัญญาทางตรงไม่ว่าจะพูดในแง่มุมไหน ก็ล้วนแล้วลงตรงนี้ จะเป็นพระอริยะ ก็ต้องตัด ตัณหา ราคะ โทสะ นั่นแหละถึงจะเป็นได้
สรุป ปัญญาของชาวบ้าน ก็คือ การคิดทำสิ่งใดๆ แล้วไม่เสียเปรียบ
ปัญญาของพระอริยะ ก็คือ การหยุดการปรุงแต่ง เพื่อละ ตัณหา ราคะ โทสะ โมหะ
เจริญธรรม / เจริญพร