ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ฟุ้งซ่าน อยู่คนเดียวไม่ได้ ทำอย่างไรดี.?  (อ่าน 864 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29338
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



ฟุ้งซ่าน อยู่คนเดียวไม่ได้ ทำอย่างไรดี.?

ผมเป็นคนชอบคิด ฟุ้งซ่าน ต้องหาคนมาอยู่ด้วยตลอด ไม่อย่างนั้นก็จะคิดมาก คิดโน่นคิดนี่ บางครั้งถ้านอนไม่หลับก็จะกินเหล้ากินเบียร์เพื่อให้หลับ บางทีเหงามากๆ ก็จะโทร.เรียกให้ผู้หญิงมาหา ผมควรทำอย่างไรดีครับ

พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ พระอาจารย์ผู้ไขปัญหาธรรมอธิบายว่า

@@@@@@

ทำอย่างนี้ระบบประสาทจะเสียเอานะ จริงๆ แล้วไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ แต่ก็ห้ามไม่ได้ใช่ไหม ตามหลักธรรมท่านบอกไว้ว่า ให้จิตเรามีที่ตั้ง มีหลักผูกไว้เสมอ ท่านเรียกว่ากรรมฐาน อาจจะฟังดูน่าเบื่อ บางครั้งการทำบริกรรมหรือการสวดมนต์มันเป็นอุบายที่ทำให้จิตเรามีสมาธิ ไม่ต้องซ่านออกไปเหมือนว่าวขาดป่าน ไม่มีความสงบ หยุดคิดไม่ได้ ทำให้ต้องกินยาระงับประสาท กินเหล้าให้มันหาย แต่พอฤทธิ์ของสิ่งเหล่านี้หายไป เราก็จะกลับมาคิดใหม่

บางครั้งมันห้ามไม่ได้นะความคิด มันต้องมีสิ่งให้คิด ฉะนั้นถ้าเราจะคิดก็ให้เลือกคิดบวก เจาะจงคิดแต่สิ่งดีๆ เช่น เรื่องบุญกุศล ใช้ความคิดล้างระบบความคิดว่าเราเคยทำสิ่งใดให้ใคร ที่ไหนบ้าง

ปัญหาโลกแตกของคนทั่วไป มนุษย์ทั้งหลาย เมื่อจิตไม่มีที่พึ่ง ก็เลยหันไปหาสิ่งรอบตัว เช่น สุรา นารี ดูหนัง ฟังเพลง แต่ว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ได้อยู่กับเราแบบเสถียร มันมีความสุขขึ้นชั่วแวบเดียวที่ใจ พอสิ่งนั้นหรือคนนั้นผ่านไปเราก็จะกลับมาจุดเดิม

@@@@@@

การที่เรานำความสุขไปฝากไว้กับปัจจัยภายนอก ท่านบอกว่าดีอยู่ระดับหนึ่ง แต่กรรมฐานจะทำให้เราไม่แขวนความหวัง ความสุขไว้กับสิ่งต่างๆ ภายนอก แต่จะออกมาจากข้างใน เป็นการมีสติ มีสมาธิอยู่กับตัวเอง แค่สูดลมหายใจเข้ายาวๆ ดูลมหายใจเข้าออกเป็นอย่างไร หัวใจเต้นเป็นอย่างไร ไปถึงตับ ถึงปอด ถึงไต พิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ของเรา ลองดูสิ ทำบ้าง อาจยังไม่ต้องทำตลอด แต่ให้แทรกสิ่งเหล่านี้อยู่ในชีวิตเสมอ

ความจริงแล้วชีวิตมันก็ไม่ได้ยากอะไรหรอกถ้าเราเข้าใจ แต่ถ้าไม่เข้าใจจะยากไปหมด ไม่มีใครไม่เคยทำผิด ไม่ต้องคิดถึงบาป อกุศล ความชั่ว ความเลว ทั้งหลายที่เคยทำไป เพราะพอเวลาเราคิดถึงมัน ก็เหมือนเป็นการคิดทบทวนบาปขึ้นมา เป็นการก๊อปปี้บาปซ้ำๆ ทำให้จิตใจเศร้าหมอง ขุ่นมัว ส่วนกุศลนั้นตรงข้ามกัน คุณงามความดีต้องก๊อปปี้มันซ้ำๆ ให้ใจเราเป็นกุศล สงบเย็น


 

ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
 http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/72130.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ