ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “พันธะนัง ชาตัง ราหุลัง ชาตัง” : พระราหุล บุตรผู้คู่ควรแก่บิดา  (อ่าน 3571 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29371
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระราหุล บุตรผู้คู่ควรแก่บิดา

เรื่องราวของ กัณหา-ชาลี (ชาลี คือ อดีตพระชาติของพระราหุล ) จากพระเวสสันดรชาดกยังคงสร้างความสะเทือนใจแก่คนอ่านได้เสมอ หลายคนซาบซึ้งกับเหตุการณ์ที่พี่ชาลีพาน้องกัณหาลงไปซ่อนอยู่ในสระบัว เพราะกลัวว่าพระบิดาจะให้ไปอยู่รับใช้เฒ่าชูชก

ยิ่งเหตุการณ์ที่พระกุมารชาลีตัดใจก้าวขึ้นมาจากสระบัวเพื่อช่วยให้พระบิดาได้บำเพ็ญบารมี ยอมอุทิศตนเป็นเสมือนเรือให้พระบิดาขี่ข้ามห้วงน้ำเพื่อบรรลุพระโพธิญาณนั้น…หลายคนอ่านแล้วถึงกับหลั่งน้ำตาให้แก่ความเสียสละครั้งนั้น

“พระกุมารชาลีกับพระเวสสันดร” ในชาตินั้น ก็ไม่ต่างอะไรกับเรื่องราวของ “พระราหุลและเจ้าชายสิทธัตถะหรือพระพุทธเจ้าของเรา” ในชาตินี้


@@@@@@

เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะทรงทราบว่าพระมเหสีทรงให้กำเนิดพระโอรส พระองค์ทรงรักและห่วงลูกยิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้ จึงเปล่งคำอุทานออกมาว่า “พันธะนัง ชาตัง ราหุลัง ชาตัง” (ห่วงเกิดขึ้นเสียแล้ว) พระกุมารจึงมีนามว่า “พระราหุล” หลังจากนั้นไม่นาน เจ้าชายสิทธัตถะทรงตัดพระทัยจากพระมเหสีและพระกุมารเสด็จออกผนวชเพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ในที่สุด

หลังจากตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จกลับไปโปรดพระประยูรญาติที่กรุงกบิลพัสดุ์ ขณะนั้นราหุลกุมารมีพระชนมายุ 7 พรรษา เมื่อได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์อย่างใกล้ชิด ราหุลกุมารจึงเกิดความรักในพระบิดาเป็นอย่างยิ่ง

พระกุมารทูลขอกรรมสิทธิ์ในพระราชสมบัติจากพระบิดา แต่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาว่า ทรัพย์สมบัติทางโลกนั้นไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน พระองค์จึงพระราชทานสมบัติทางธรรมให้แก่พระราหุล โดยมีรับสั่งให้พระสารีบุตรบวชให้พระกุมาร พระราหุลจึงเป็นสามเณรรูปแรกในพุทธศาสนา

@@@@@@

แม้จะเป็นถึงโอรสของพระศาสดา แต่ขณะที่ถือเพศบรรพชิตนั้น สามเณรราหุลก็มิได้ถืออภิสิทธิ์ใดๆ ท่านดำรงตนอยู่ในวัตรปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิเคยสร้างความลำบากพระทัยใดๆ ให้พระพุทธเจ้าเลย

เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติว่า ภิกษุที่นอนร่วมกุฏิกับอนุปสัมบัน (ผู้ยังมิได้อุปสมบท ได้แก่ คฤหัสถ์และสามเณร) ต้องอาบัติ สามเณรราหุลก็เคารพในข้อบัญญัติดังกล่าว จากเดิมที่เข้า-ออกพระกุฏิของพระพุทธเจ้าและพระสาวกอยู่เป็นนิตย์ แต่เพราะเกรงว่าตนเองจะเป็นต้นเหตุทำให้พระพุทธเจ้าและพระสาวกต้องอาบัติ สามเณรราหุลจึงเลือกที่จะจำวัดในเวจกุฎี (ส้วม) ของพระพุทธเจ้าตลอดทั้งคืน

นอกจากพระราหุลจะปฏิบัติตามกิจของสามเณรอย่างไม่ย่อหย่อนแล้ว ท่านยังมุ่งกำจัดกิเลสด้วยการถือการนั่งเป็นวัตร นั่นคือพระราหุลไม่เอนกายลงนอนเลยเป็นเวลาถึงสิบสองปี ผลจากการถือวัตรปฏิบัติเช่นนี้ ทำให้ท่านสามารถขัดเกลากิเลสและดำรงตนเป็นผู้สันโดษมักน้อยได้ดียิ่งขึ้น


@@@@@@

ทุกๆ วัน สามเณรราหุลจะลุกขึ้นแต่เช้าตรู่ กอบทรายขึ้นมาหนึ่งกำมือแล้วกล่าวว่า วันนี้เราพึงได้โอวาทจากพระพุทธเจ้าและพระอุปัชฌาจารย์ทั้งหลายมากเท่าเม็ดทรายนี้

ด้วยเหตุที่พระราหุลเป็นผู้ยินดีในการเรียนรู้และมุ่งมั่นศึกษาพระธรรมอย่างยิ่ง พระพุทธเจ้าจึงทรงแต่งตั้งพระราหุลเป็นเอตทัคคะผู้เป็นเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในด้านเป็นผู้ใคร่ศึกษา

ด้วยความเคารพนอบน้อมต่อพระโอวาทและดำรงตนโดยไม่ถือทิฐิว่าเป็นผู้มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพระศาสดา พระราหุลจึงควรค่าแก่คำยกย่องจากภิกษุทั้งหลายว่า เป็นโอรสที่คู่ควรแก่พระบิดาอย่างแท้จริง


เรื่อง อิสระพร บวรเกิด
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/3507.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 01, 2018, 06:01:34 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ