« เมื่อ: มิถุนายน 25, 2018, 05:53:13 am »
0
"ลบดึงดูดลบ" บทความสำหรับคนชอบคิดลบ โดยพระไพศาล วิสาโล“ลบดึงดูดลบ” เป็นความเชื่อที่แพร่หลายในหมู่คนจำนวนไม่น้อย เช่นเดียวกับ “บวกดึงดูดบวก” ความเชื่อดังกล่าวมีมูลความจริงไม่น้อย หากว่า “ลบ” คำแรกนั้นหมายถึงความรู้สึกลบ เช่น ความโกรธ เกลียด หวาดระแวง
มีงานวิจัยมากมายที่ชี้ว่า ความรู้สึกลบนั้นทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น เช่น เมื่อปีที่แล้วมีการศึกษาพบว่า ความโกรธอย่างรุนแรงทำให้มีโอกาสที่จะเกิดหัวใจวายภายในสองชั่วโมงเพิ่มเป็น 8.5 เท่า
ที่น่าสนใจคือ งานวิจัยของคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยเยล เมื่อเร็วๆนี้ ได้ข้อสรุปว่า คนวัย 40 ที่มีความคิดลบต่อวัยชรา (เช่น เห็นว่าคนแก่เป็นพวกใจลอย เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ยาก) เมื่อเวลาผ่านไป 25 ปี คนเหล่านี้จะสูญเสียเนื้อสมองบางส่วน (ฮิปโปแคมปัส) มากกว่า รวมทั้งมีลิ่มเลือดมากกว่า ซึ่งล้วนเป็นตัวบ่งชี้ของการเป็นโรคอัลไซเมอร์ สอดคล้องกับการวิจัยก่อนหน้านี้ที่ระบุว่า คนที่มีอคติต่อวัยชราจะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้นใน 40 ปีให้หลัง
@@@@@@
ข้อมูลดังกล่าวชี้ว่า “ลบดึงดูดลบ” นั้นบางครั้งก็ส่งผลเกือบจะทันที คือแค่ไม่กี่ชั่วโมง บางครั้งก็ใช้เวลานาน แต่จะช้าหรือเร็วก็ล้วนมีเหตุผลที่อธิบายได้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาลอย ๆ
ในชีวิตประจำวันเราจะพบว่าความคิดลบนั้นย่อมนำพาสิ่งที่เป็นลบมาหาเราอยู่เสมอ แต่อาจไม่ได้มาในแบบที่คนเป็นอันมากวาดภาพเอาไว้ คือเกิดขึ้นมาโดยไม่มีที่มาที่ไป หรือเพราะพลังอำนาจบางอย่างที่เข้าใจได้ยากแต่เกิดจากเหตุปัจจัยอันมีที่มาจากความคิดลบนั้นเอง
“พร” เกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่มีปากเสียงกันเป็นประจำ เธอมักเห็นพ่อด่าว่าแม่ บางทีก็ใช้กำลังกับแม่ จึงมีอคติต่อพ่อรวมทั้งเกลียดชังผู้ชายที่ชอบใช้กำลังกับภรรยาครั้นเธอเป็นสาว หลงรักชายหนุ่มคนหนึ่ง จึงได้แต่งงานกัน แต่บ่อยครั้งภาพฝังใจในวัยเด็กทำให้เธออดระแวงไม่ได้ว่าสามีของเธอจะเป็นเหมือนพ่อ ความหวาดระแวงนั้นเองทำให้เธอรู้สึกไวเป็นพิเศษกับคำพูดและอารมณ์ของสามี
@@@@@@
แม้สามีเธอจะเป็นคนอ่อนหวาน รักครอบครัว แต่บางครั้งก็หงุดหงิดเวลาอยู่กับเธอพูดเสียงเข้มกับเธอ แม้จะเกิดขึ้นไม่บ่อยน้อยกว่าความอ่อนโยนที่เขามีต่อเธอ แต่เธอมักเลือกเห็นและเลือกจำแต่อารมณ์และคำพูดที่เป็นลบของสามี เมื่อผสมกับความทรงจำอันเลวร้ายที่มีต่อพ่อ อคติของเธอที่มีต่อเขาก็ถูกตอกย้ำหนักแน่นขึ้น ผลก็คือ เธอรู้สึกลบต่อสามีมากขึ้นเป็นลำดับ ความรักเริ่มจืดจางความโกรธและหวาดระแวงเริ่มมาแทนที่
อคติและความรู้สึกลบทำให้เธอมีพฤติกรรมลบต่อสามีถี่ขึ้น เช่น ต่อว่าสามีระบายอารมณ์ใส่เขา กล่าวหาว่าเขาไม่รักเธอจากนั้นก็ขุดเอานิสัยต่างๆ ของเขามาตำหนิ เช่น ขี้เกียจ ไม่สนใจลูก เธอมีเรื่องต่อว่ากล่าวโทษเขาเป็นประจำ เมื่อเจอแบบนี้วันแล้ววันเล่า ในที่สุดสามีของเธอก็คุมอารมณ์ไม่อยู่ตวาดใส่เธอ และเกือบใช้กำลังกับเธอ
กรณีอย่างนี้มองเผินๆ ก็อาจสรุปได้ง่ายๆว่า เป็นเพราะความรู้สึกลบที่มีต่อพ่อเธอจึงได้สามีที่มีนิสัยอย่างพ่อ (หรือดึงดูดให้คนที่มีนิสัยอย่างพ่อมาเป็นสามีของเธอ)แต่หากพิจารณาให้ดีจะพบว่า การที่สามีมีพฤติกรรมดังกล่าว มิใช่เพราะนิสัยดั้งเดิมของเขาเป็นอย่างนั้น หากแต่เป็นผลจากการกระทำของตัวเธอเองเป็นสำคัญ เริ่มจากการคิดลบ(ว่าสามีคงไม่ต่างจากพ่อ) ทำให้เธอเห็นลบ(เลือกเห็นแต่สิ่งไม่ดีของสามี) ทำให้เกิดความรู้สึกลบ (โกรธและระแวงสามี) ตามมาด้วยพฤติกรรมลบ (ต่อว่า กล่าวโทษเขา) ในที่สุดก็ทำให้สามีตอบโต้เธอด้วยอารมณ์และพฤติกรรมลบ พูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดลบของเธอกระตุ้นปลุกปั่นให้เขามีพฤติกรรมลบต่อเธอ
@@@@@@
“ลบดึงดูดลบ” จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากกฎแห่งกรรม เราทำอย่างไรก็ได้ผลอย่างนั้นดังมีสำนวนว่า “ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว” แต่สิ่งที่เราทำนั้นจะเป็นบวกหรือลบก็ขึ้นอยู่กับว่าเราคิดเห็นหรือรู้สึกอย่างไร ถ้าคิดลบเห็นลบ รู้สึกลบ ก็ย่อมทำลบ ซึ่งเท่ากับกระตุ้นให้คนอื่นเกิดปฏิกิริยาที่เป็นลบและส่งผลลบแก่เรา
ในทางตรงข้าม ถ้าปรารถนาบวกก็ต้องเริ่มต้นจากการคิดบวก บางอย่างแค่คิดบวกก็เกิดผลบวกแล้ว (เช่น มีสุขภาพดี ไกลจากโรคหัวใจและอัลไซเมอร์) แต่มีอีกหลายอย่างที่คิดบวกไม่พอ ต้องทำบวกด้วยจึงจะเกิดผลบวกแก่เรา
บวกย่อมดึงดูดบวก หากว่าบวกตัวแรกนั้นหมายถึงการคิดดีและทำดี แล้วสิ่งดีๆก็จะตามมา เช่น ความรัก ความเกื้อกูลจากผู้อื่นและความสุขใจ แต่ถ้าคิดถึงแต่เงินทองและความสำเร็จ แล้วหยุดแค่นั้น ก็ยากที่เงินทองและความสำเร็จจะตามมา
ที่มาจากคอลัมน์ Joyful life & Peaceful Death ในนิตยสาร Secret เขียนโดย พระไพศาล วิสาโล
http://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/51482.html
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 25, 2018, 05:55:45 am โดย raponsan »

บันทึกการเข้า

ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ