ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เปิดตำนาน "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ขุนเขาแห่งความรักที่ไม่สมหวัง  (อ่าน 1329 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



เปิดตำนาน "ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน" ขุนเขาแห่งความรักที่ไม่สมหวัง

วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าดอยนางนอน ท้องที่ ต.โป่งผา เนื้อที่ประมาณ 5,000 ไร่ มีจุดบริการท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ บริเวณถ้ำหลวง บ้านน้ำจำ และบริเวณขุนน้ำนางนอน บ้านจ้อง มีสภาพเป็นพื้นที่ราบระหว่างหุบเขาหินปูนสูงชันเงียบสงบ

ถ้ำหลวง เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ เชื่อกันว่ามีความยาวมากที่สุดในประเทศไทยเนื่องจาก มีความยาวกว่า 7 กิโลเมตร ปากถ้ำเป็นห้องโถงกว้างมากภายในถ้ำจะพบกับความงามของ เกล็ดหินสะท้อนแสง หินงอก หินย้อย ธารน้ำและถ้ำลอด ถ้ำหลวงยังรอคอยความท้าทายการสำรวจจากนักท่องเที่ยวอยู่ตลอดเวลา เพราะสำรวจไปได้ไม่ถึงที่หมายก็ต้องล่าถอยออกมาด้วยพบกับอุปสรรคความยากลำบาก ภายในถ้ำและยังมีถ้ำเล็กๆ อีก 3 แห่งในบริเวณเดียวกัน สามารถเดินเข้าไปชมความงามได้ และควรแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย โดยที่ในช่วงฤดูฝนน้ำจะท่วมภายในถ้ำ ไม่พบหลักฐานทางโบราณคดี



ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน

ตำนานดอยนางนอน เรื่องแรกเล่าขานว่า ณ เมืองเชียงรุ้ง สิบสองปันนา มีเจ้าหญิงองค์หนึ่งมีพระรูปงดงามเป็นที่ยิ่ง ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงก็ทรงครรภ์ได้หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว บอกพระสวามีว่าจะประทับรออยู่ที่นั่น สวามีก็บอกว่าจะไปหาอาหารมาให้ อย่าไปไหน ชายหนุ่มก็ไปแล้วไปลับไม่กลับมาเสียที ปรากฏว่าถูกฆ่าโดยทหารของพระราชบิดาเจ้าหญิงที่สะกดรอยตามมา

ด้วยความเสียใจ นางจึงใช้ปิ่นปักผม แทงพระเศียรของพระองค์จนเลือดไหลออกมาเป็นสาย กลายเป็นแม่น้ำแม่สายในทุกวันนี้ และพระวรกายของพระองค์ที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็นดอยนางนอนจนทุกวันนี้

ทางไปอำเภอแม่จัน มีขุนเขาทอดตัวคล้ายผู้หญิงนอนเหยียดยาว เรียกว่า ดอยนางนอน ดอยส่วนที่ศีรษะเรียกว่า ดอยจ้อง หรือ ดอยจิกจ้อง (เดิมเรียกดอยนี้ว่า ดอยท่าหรือดอยต้า) เป็นดอยของลูกชายปู่เจ้าลาวจกที่รอคอยพ่อ ดอยลูกถัดมาเรียกว่า ดอยย่าเฒ่า ซึ่งเป็นภรรยาของปู่เจ้าลาวจก ส่วนดอยอีกลูกหนึ่งคือ ดอยดินแดง หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนามของ ดอยตุง

เชื่อกันว่า ดอยทั้ง 3 นี้เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของลาวจักราช ผู้เป็นต้นวงศ์ของพญามังราย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดงเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยตุง อันถือเป็นปฐมธาตุแห่งแรกของภาคเหนือ

@@@@@@

ตำนานเรื่องที่ 2 เล่าว่า เจ้าหญิงเมืองพุกามกรีธาทัพออกตามหาเจ้าชายที่นางรัก นางออกรบ มีผู้คนล้มตายมากมาย และขยายอาณาเขตมาเรื่อยๆ จนมาถึง “เวียงสี่ทวง” จึงพบกับเจ้าชาย แต่ปรากฏว่าเจ้าชายหนีหายไปกับสาวสวยชาวเวียงนี้อีกครั้ง นางรู้สึกเศร้าสลดจนตรอมใจตาย

ก่อนตายได้ตั้งจิตอธิษฐานให้ร่างของนางกลายเป็นเทือกเขา ที่ชาวบ้านพากันเรียกว่า “ดอยนางนอน” น้ำตาที่ไหลรินกลายเป็น “ขุนน้ำนางนอน” ส่วนไพร่พลของนางก็กลายมาเป็นชนเผ่าหลากชาติพันธุ์บนภูเขาแห่งนี้

@@@@@@

ตำนานเรื่องที่ 3 เกี่ยวกับ “พระธาตุจอมนาค” อีกเรื่องว่า พญาครุฑลักพาลูกสาวพญานาค มาแอบซุกซ่อนอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้ พญานาคผู้พ่อออกตามหาก็มาพบลูกสาวนอนอยู่กับพญาครุฑในบริเวณที่เป็นต้นน้ำ ปัจจุบันเรียกว่า “ขุนน้ำนางนอน” ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระธาตุดอยตุง

พญานาคขอลูกสาวคืน แต่พญาครุฑขอแลกกับทองคำ ทุกวันนี้แหล่งน้ำที่พญานาคนำทองคำขึ้นจากบาดาล มาแลกลูกสาวนั้นเรียกว่า “หนองตานาค” บริเวณที่พญานาคส่งทองคำให้พญาครุฑนั้นเรียกว่า “หนองละกา” แปลว่าพญานาคลาจากสัตว์พวกนกกากลับบาดาล ทองคำถูกนำไปเก็บไว้ที่ “ถ้ำทรายคำ” หรือถ้ำทรายทอง ก่อนกลับไปพญานาคสร้าง “พระธาตุจอมนาค” หมายไว้




ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
https://www.sanook.com/news/6935318/
https://www.matichon.co.th/region/news_1015866
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 29, 2018, 05:25:50 am โดย raponsan »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29399
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
 






ตำนานถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน กับเรื่องราวของเด็กติดถ้ำ

ท่ามกลางการค้นหา 13 นักเตะทีมหมูป่า นักบอลเยาวชนจังหวัดเชียงราย ที่ยังหายตัวไปในถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอนอย่างลึกลับ เราขอเป็นกำลังใจให้ทีมค้นหา หาพวกเขาให้เจอในเร็ววันด้วย

โดยวันนี้ ไลฟ์สไตล์ไทยรัฐ มีเรื่องเล่าจากคนพื้นที่ "นวพรรณ สังเวียนวงศ์" จากเพจ May Lovetravel ที่เล่าถึงตำนานแห่งถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน ไว้ว่า

     "ข้านี้คือนางแห่งความระทม นางนอนนิทรารม
      อาบแดดลมกลางไพร นางใดไม่แม้นข้า
      รักพาวางวาย รักจางห่างร้างไกลให้ซ้ำใจอยู่ช้านาน"


นี่คือนิยามและตำนานแห่งสถานที่นี้ เราไปฟังพร้อมๆ กัน

@@@@@@

บนเส้นทางไปอำเภอแม่จัน แม่สาย มีขุนเขาลูกใหญ่ทอดตัว แลดูคล้ายกับผู้หญิงนอนเหยียดยาว เรียกขานกันว่า "ดอยนางนอน" แต่เดิมชื่อ "ดอยสะตาย" หรือ "ดอยสามเส้า" ซึ่งมีความเกี่ยวพันกันกับตำนานลาวจก เทวบุตร

สำหรับดอยส่วนที่ดูแล้วคล้ายกับศีรษะนั้นเรียกว่า *"ดอยจ้อง"* หรือ "ดอยจิกจ้อง" ซึ่งแต่เดิมเรียกดอยนี้ว่า "ดอยท่า" หรือ "ดอยต้า" เป็นดอยของลูกชายปู่เจ้าลาวจกที่รอคอยพ่อ ดอยลูกถัดมาเรียกว่า "ดอยย่าเฒ่า"*ซึ่งเป็นภรรยาของลาวจก ส่วนดอยอีกลูกหนึ่งคือ "ดอยดินแดง" หรือ "ดอยปู่เจ้าลาวจก" หรือเป็นที่รู้จักในนามของ "ดอยตุง"

แต่เดิมมีความเชื่อสืบทอดกันมาว่า ดอยทั้ง 3 นี้เป็นที่อยู่อาศัยเดิมของ "ลาวจักราช" ผู้เป็นต้นวงศ์ของพญามังราย ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายมาสร้างเมืองหิรัญนครเงินยาง เหนือดอยดินแดง เป็นที่ประดิษฐาน "พระธาตุดอยตุง" อันถือได้ว่าเป็นปฐมธาตุของภาคเหนือ

ปัจจุบันคือ "ดอยนางนอน" อันเป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยตุง และพระตำหนักดอยตุง ที่ประทับของสมเด็จย่าอีกด้วย ทั้งนี้ สภาพทั่วไปเป็นเขาหินปูน และมีถ้ำอยู่หลายแห่ง มีจุดสูงสุดคือผาช้างมูบ สูงจากน้ำทะเล 830 เมตร



มาต่อกันที่ ตำนานดอยนางนอน เล่าลือกันมานานแล้วว่า เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ่ง แคว้นสิบสองปันนา ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงามเป็นที่ยิ่ง ตามเชื้อสายแห่งชาวไทลื้อ ที่หญิงสาวชาวไทลื้อนั้น เป็นผู้ที่มีผิวพรรณและทรวดทรงที่งดงามสมส่วน เป็นที่ร่ำลือมาแต่ไหนแต่ไร

เจ้าหญิงแห่งเมืองเชียงรุ้งพระองค์นั้น ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง เมื่อเดินทางไปถึงที่นั่น เจ้าหญิงเองก็ทรงครรภ์หลายเดือนแล้ว จึงเสด็จต่อไปไม่ไหว จึงประทับรอพระสวามีอยู่ที่นั่น หากแต่พระสวามีก็ไปแล้วไปลับ ไม่กลับมาอีกเลย ด้วยถูกลอบสังหารจากทหารที่สะกดรอยตามมานั่นเอง

...ด้วยความเสียใจ นางจึงใช้ปิ่นปักผมแทงพระเศียรของพระองค์เอง จนเลือดไหลออกเป็นสายกลายเป็น "แม่น้ำแม่สาย" จวบจนทุกวันนี้ และพระวรกายของเจ้าหญิงที่นอนเหยียดยาวจากทิศใต้จรดทิศเหนือ ก็กลายเป็น "ดอยนางนอน" จวบจนทุกวันนี้

ทั้งนี้หากใครขับรถจากอำเภอเมืองไปอำเภอแม่สาย ฝั่งซ้ายมือเมื่อเข้าเขตอำเภอแม่สาย จะมองเห็นดอยสูงใหญ่ทอดตัวยาว เป็นรูปร่างคล้ายสรีระของหญิงสาว ที่นอนตะแคงทอดตัวอยู่เช่นนั้นมาช้านาน โดยส่วนของพระอุทรหรือท้อง ก็คือพื้นที่ส่วนที่เป็นดอยตุงนั่นเอง

@@@@@@

นั่นคือ...ตำนานแห่งดอยนางนอน ซึ่งเป็นเขาหินปูนและมีถ้ำอยู่หลายแห่ง หากแต่ถ้ำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักไปทั่ว คงหนีไม่พ้น "ถ้ำหลวงนางนอน" ซึ่งเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดในภูมิภาคนี้ ถึงกับเล่ากันว่า...ยาวไปเชื่อมต่อกับถ้ำหลวงเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ กันเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเราจะศึกษาดูจากสภาพภูมิประเทศภูเขาตรงจุดนี้ ไล่ไปมันก็มีความเป็นไปได้อยู่พอสมควร แต่จะมีคนเคยเข้าไปได้ลึกแค่ไหนนั้น ยังไม่มีข้อมูลที่แน่ชัด ว่าไปได้ถึงไหนกันแน่

ส่วน "ถ้ำหลวงนางนอน" นั้นเป็นถ้ำขนาดใหญ่ จากที่มีการสำรวจพบว่ามีความยาวมากกว่า 7 กม. โดยเชื่อกันว่า...เป็นถ้ำที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

@@@@@@

ปากถ้ำนั้นเป็นห้องโถงกว้าง 15 เมตร ภายในถ้ำเป็นทางเดิน มีทั้งหินงอกหินย้อย เกล็ดหินที่สะท้อนแสงระยิบระยับ มีธารน้ำที่ลอดไปใต้ภูเขา มีจุดต่างๆ ให้แวะชม เช่น ท้องฟ้าจำลอง เขาวกวน ถ้ำกระดูก เจดีย์ทราย มงกุฎเพชร ลานเพลิน บ่อน้ำทิพย์ หินย้อยรูปสไบ นครลอยฟ้า เมืองลับแล นครบาดาล ซึ่งเส้นทางเดินเที่ยวชมถ้ำนั้นมีความยาวกว่า 800 เมตร การเดินเที่ยวก็คือ...เดินไปแล้วเดินย้อนกลับมาทางเดิมนั่นเอง!

ถือเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับถ้ำแห่งนี้ ไม่ว่าใครจะไปเที่ยวถ้ำ ข้อสำคัญประการหนึ่งในการเข้าชมถ้ำ สิ่งสำคัญคือ...ไม่ควรลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะตามความเชื่อของบรรพบุรุษแต่โบราณกาล

...สถานที่ทุกที่ล้วนแล้วแต่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เราควรต้องเคารพสถานที่ ถึงแม้จะไม่เชื่อ ก็ไม่ควรลบหลู่เพราะเกจิอาจารย์ชั้นครูหลายท่าน ก็ได้สำเร็จอรหันต์มรรคผลจากการปฏิบัติในถ้ำกันนับไม่ถ้วน เราคนสามัญจึงควรศึกษา เที่ยวชมด้วยความสำรวม และให้เกียรติสถานที่ เพื่อความสุขและปลอดภัยในการท่องเที่ยวของเราด้วย.



ขอบคุณที่มา : https://www.thairath.co.th/content/1317421
โดย ไทยรัฐออนไลน์ ,26 มิ.ย. 2561 14:45
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ