โดนไล่ตี ขอทาน ด่าบ้า! กว่าจะเป็นครูบาบุญชุ่ม เผยชื่อพระอาจารย์คนแรก สุดเลื่อมใส“13 ชีวิตติดถ้ำหลวง” เหตุการณ์ระทึกในไทยที่แพร่สะพัดไปไกลระดับโลก ซึ่งเหตุการณ์บนหน้าประวัติศาสตร์ครั้งดังกล่าว ปรากฏชื่อของ “พระครูบาบุญชุ่ม ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร” เกจิดังแห่งล้านนาบันทึกอยู่ในไทม์ไลน์ของข่าวดังกล่าวมาโดยตลอด หรืออาจจะเรียกได้ว่า “พระครูบาบุญชุ่ม” เป็นชื่อที่ถูกพูดถึงและถูกนำไปค้นหามากที่สุดในช่วงเวลานั้นๆ
แต่ใครเล่าจะรู้ว่า ทั้งชีวิตของ “พระครูบาบุญชุ่ม” ท่านฟันฝ่า ทนทุกข์กับเหตุการณ์ใดๆ ในชีวิตของท่านมาบ้าง...ช่วงชีวิตอันแสนรันทด ศรัทธาอันแรงกล้าในศาสนา เส้นทางกว่าจะเป็นครูบาฯ และหลากเรื่องราวที่คุณไม่รู้เกี่ยวกับ “พระครูบาบุญชุ่ม” จะถูกเปิดเผยที่นี่ที่เดียว และการันตีได้เลยว่า ถูกต้อง เชื่อถือได้ 100%...
อีกหนึ่งอิริยาบถของครูบาบุญชุ่ม
ภาพถ่ายครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งที่ท่านแสวงบุญอยู่ ณ เขตปกครองตนเองทิเบต
- สุดรันทด พ่อตาย ย้ายบ้าน ต้องขอทานแลกข้าว -
ก่อนที่เด็กชายบุญชุ่ม ทาแกง(นามเดิมของพระครูบาบุญชุ่ม) จะลืมตาดูโลก คุณแม่แสงหล้า ทาแกง ผู้เป็นแม่ เธอฝันว่า ตัวเองได้ขึ้นภูเขาไปไหว้พระพุทธรูปทองคำองค์ใหญ่สีเหลืองทองอร่าม ซึ่งมีความงดงามอย่างมาก และหลังจากนั้น 10 เดือน เธอก็ให้กำเนิดเด็กชายบุญชุ่ม ต่อมาคุณแม่แสงหล้า มีเหตุให้แยกจากกับพ่อคำหล้า ทาแกง ผู้เป็นพ่อของเด็กชายบุญชุ่ม หลังจากนั้นไม่นาน พ่อคำหล้า ได้ล้มป่วยด้วยโรคบิด และถึงแก่กรรมในที่สุดภาพคุณแม่แสงหล้า ทาแกง
จากนั้น สภาพความเป็นอยู่ของเด็กชายบุญชุ่มก็ถือว่า ลำบากยากแค้นอย่างที่สุด บ้านที่อาศัยมาเนิ่นนานถูกรื้อถอน จนต้องอพยพไปอยู่เชิงดอยม่อนเลี่ยม โดยที่ผู้เป็นแม่ ได้หอบกระเตงเด็กชายบุญชุ่มไปสร้างกระต๊อบหลังเล็กๆ ไม่มีแม้กระทั่งฝาเรือน ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใดๆ สักจะมีก็แต่ผ้าห่มผืนบางๆ ขาดๆ ปอนๆ เพียงผืนเดียว และเมื่อถึงคราวฤดูหนาว ก็หนาวสะท้านเข้ากระดูกดำเมื่อเข้าฤดูฝนก็สุดแสนจะยากลำบาก ฝนตกสาดกระเด็นเปียกปอนไปทั่วทั้งกระต๊อบภาพถ่ายครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งที่จำพรรษาอยู่ ณ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ส่วนแม่แสงหล้านั้น ต้องผันตัวเองมาเป็นเสาหลักของบ้าน คอยรับจ้างเกี่ยวข้าว ปลูกหอม ปลูกกระเทียม หาเงินเล็กๆ น้อยๆ มาซื้อข้าวปลาอาหารเลี้ยงดูลูก หากวันใดไม่มีใครจ้าง แม่แสงหล้าก็ต้องหุงข้าวผสมหัวเผือกหัวมัน บางวันต้องกินข้าวกับพริกกับเกลือเพื่อประทังชีวิตลูกน้อย
หากวันไหนแม่แสงหล้าไม่สบาย เด็กชายบุญชุ่มต้องหาเก็บใบตอง เก็บฟืน เก็บถั่วลิสง เพื่อไปแลกข้าว หากวันใดหาไม่ได้ เด็กชายบุญชุ่มจะไปขอทานขออาหารตามหมู่บ้าน ซึ่งชาวบ้านบางคนก็ใจดีบางคนก็ไล่ตี และปล่อยหมาให้วิ่งไล่กัดภาพถ่ายครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งที่ท่านแสวงบุญอยู่ ณ เขตปกครองตนเองทิเบต
- โดนกลั่นแกล้งสารพัด แสนเจ็บแสบ ก่นด่าบ้า ไม่โกรธเคือง -
ครั้งหนึ่ง เด็กชายบุญชุ่มเคยป่วยด้วยไข้มาลาเรีย เกือบเอาชีวิตไม่รอด มิหนำซ้ำ ยังมาป่วยพร้อมกันกับพ่อเลี้ยง ซึ่งตามความเชื่อของคนภาคเหนือนั้น ถ้าคนในชายคาเดียวกันป่วยพร้อมกัน คนที่ป่วยต้องแยกกันอยู่สักระยะหนึ่ง แม่แสงหล้า จึงพาลูกชายไปฝากไว้กับญาติผู้ใหญ่ ซึ่งญาติผู้ใหญ่ผู้นั้น มีลูกเลี้ยงเป็นคนเชื้อสายเขมรและลูกเลี้ยงผู้นี้มักจะรังแก บังคับ ต่อยตีเด็กชายบุญชุ่มอยู่เสมอ

ในขณะเดียวกัน ภายในบ้านของญาติผู้ใหญ่คนดังกล่าว ยังมีคนงานอีกจำนวนหนึ่ง*ไม่พออกพอใจที่เด็กชายบุญชุ่มเล่นซอพื้นเมืองล้านนา เนื่องจากเข้าใจว่า เด็กชายบุญชุ่มเกียจคร้าน เหล่าคนงานจึงเอาก้อนดินก้อนใหญ่ขว้างปาใส่หัวจนบาดเจ็บและมึนงงเกือบสลบ แต่กระนั้น เด็กชายบุญชุ่มก็ยังไม่ฟ้องเรื่องนี้กับญาติผู้ใหญ่ เนื่องจากเกรงว่า คนงานจะเดือดร้อนและโดนไล่ออก
โดยช่วงชีวิตระหว่างนั้น เด็กชายบุญชุ่มยังมีโอกาสได้ร่ำเรียนหาวิชาความรู้จากโรงเรียนแห่งหนึ่งและในสมัยที่เป็นนักเรียนนั้น เด็กชายบุญชุ่มชอบนั่งสมาธิภาวนา และถ้าว่างเมื่อใดก็จะเดินจงกรมที่สนามหญ้าของโรงเรียน จนเพื่อนฝูงก่นด่าว่าเป็นคนบ้า แต่ถึงเช่นนั้น เด็กชายบุญชุ่มก็ไม่ได้ถือโทษโกรธเคือง เพราะถือว่าได้ปฏิบัติตามแนวทางของพระพุทธเจ้าใบสุทธิของพระครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4
ภาพถ่ายครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งที่ท่านแสวงบุญอยู่ในประเทศพม่า
- หลวงปู่ชรา ทายทัก ภายภาคหน้าจะเป็นครูบาอาจารย์ ที่พึ่งแห่งมนุษย์ทั้งปวง -
จากนั้น พอเข้าอายุ 11 ปี เด็กชายบุญชุ่ม ได้ถือโอกาสบวชเรียนเป็นสามเณรอย่างที่ใจปรารถนามาตั้งแต่เล็กแต่น้อย โดยมีคุณยายคำแปง เป็นโยมอุปัฏฐายิกาของสามเณรบุญชุ่ม และในช่วงเช้ามืดก่อนบรรพชาเป็นสามเณรนั้น เด็กชายบุญชุ่มฝันว่า มีหลวงปู่ชราภาพรูปหนึ่งถือไม้เท้า ยืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ค่อยๆ ก้าวเท้าเข้ามาหาเด็กชายบุญชุ่มอย่างช้าๆ จนมาหยุดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับพูดว่า “ในภายภาคหน้า จะได้เป็นครูบาอาจารย์ เป็นที่พึ่งของมนุษย์โลกทั้งหลาย” จากนั้น ท่านก็เดินจากไปจนลับสายตาภาพถ่ายยายคำแปง ผู้เป็นโยมอุปัฏฐายิกา ของพระครูบาบุญชุ่ม รวมถึงเป็น โยมอุปัฏฐายิกาของครูบาศรีวิชัยด้วย
ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่สามเณรบุญชุ่มอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เคยมีชาวบ้านเดินทางมาขอร้องให้สามเณรบุญชุ่มทำนำ้มนต์สะเดาะเคราะห์ เพื่อปัดเป่าภูตผีปิศาจที่ชาวบ้านหวั่นเกรงกันทั้งหมู่บ้าน เนื่องจากเคยมีปาฏิหาริย์บางอย่างเกิดขึ้นกับคณะลูกศิษย์และชาวบ้านที่เข้าฟังเทศน์ฟังธรรมจากท่าน จึงเชื่อกันว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ครูบาชัยยะวงศาพัฒนา วัดพระพุทธบาทห้วยต้ม จังหวัดลำพูน และครูบาบุญชุ่มตอนเป็นสามเณรอายุ 13 ปี
ภาพถ่ายครูบาบุญชุ่มเมื่อครั้งที่ยังเป็นสามเณร
แต่กระนั้น สามเณรบุญชุ่มได้ตอบชี้แจงแก่ชาวบ้านไปว่า “เราบวชเป็นสามเณรใหม่ ยังไม่รู้อะไรสักอย่าง พวกท่านจงตั้งจิตอธิษฐานเถิด บางคนมาขอให้เราเทศน์สั่งสอน เราก็บอกว่า ตัวเรานั้นยังไม่รู้อะไรเลย ท่านควรหมั่นไหว้พระทำบุญ ให้ทาน รักษาศีลห้าข้อให้ดี และภาวนาพุทโธๆ เพื่อสักวันท่านจะได้พ้นทุกข์”ภาพถ่ายครูบาบุญชุ่มเมื่อครั้งที่ยังเป็นสามเณร
ในระหว่างที่เป็นสามเณรบุญชุ่มนั้น *ท่านมีพระอาจารย์คนแรกก็คือ ครูบาคำแดง รัตตสุวัณโณ หรือที่สามเณรบุญชุ่มเรียกติดปากว่า ตุ๊พี่คำแดง (มรณภาพ เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ.2557) ซึ่งบุคคลผู้นี้เป็นผู้ที่คอยพร่ำสอนถึงวิธีการสวดมนต์ และการเจริญกรรมฐานให้แก่สามเณรบุญชุ่มตลอดมา จนพระครูบาบุญชุ่มนับถือและเคารพรักดั่งพ่อ ดั่งพี่ชายคนหนึ่งของท่านเลยก็ว่าได้ภาพตุ๊ พี่คำแดง สมัยที่ท่านยังเป็นสามเณร
ภาพถ่ายคู่ระหว่าง ตุ๊ พี่คำแดง พระอาจารย์คนแรก และครูบาบุญชุ่ม
- ชีวิตนี้เพื่อศาสนา เส้นทางใต้ร่มกาสาวพัสตร์ ครูบาบุญชุ่ม -
กระทั่ง สามเณรบุญชุ่มอายุย่างเข้า 21 ปี ได้เข้าพิธีอุปสมบท โดยมีโยมแม่ตุ๊ เชียงใหม่ ในฐานะแม่บุญธรรมของพระครูบาบุญชุ่ม เป็นผู้ออกปัจจัยจัดพิธีอุปสมบทให้ทุกบาททุกสตางค์ โดยมีพระราชพรหมาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่วัดสำเภา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เป็นองค์อุปัชฌาย์ ณ วัดสวนดอก ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่คนที่ 2 จากขวา คือ โยมแม่ตุ๊ เชียงใหม่ ในฐานะแม่บุญธรรมของครูบาบุญชุ่ม
ภายหลังจากที่อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วนั้น ครูบาบุญชุ่ม ญาณสังวโรได้เดินทางไปแสวงบุญทั้งในประเทศและต่างประเทศเสมอมา อาทิ ประเทศพม่า, เขตปกครองตนเองทิเบต, ประเทศลาว,ประเทศจีน และประเทศภูฏานภาพถ่ายครูบาบุญชุ่ม เมื่อครั้งที่ท่านแสวงบุญอยู่ ณ เขตปกครองตนเองทิเบต
พ่อผก่าหนานส่วย เป็นคนที่นิมนต์พระครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร ไปอยู่ที่วัดพระธาตุดอนเรือง เมืองพง ประเทศพม่า
ออง ซาน ซูจี และครูบาบุญชุ่ม
อดีตประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ของประเทศพม่า เข้ากราบสักการะครูบาบุญชุ่ม
โดยในช่วงที่พระครูบาบุญชุ่ม เดินทางไปจำพรรษา ณ ถ้ำผาจุงติง ประเทศภูฏานนั้น ท่านมีไข้ และเจ็บป่วยอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากหิมะตกหนักปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ จึงทำให้ท่านต้องเดินทางกลับมารักษาตัวที่ประเทศไทย จากนั้น ท่านได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยจนร่างกายกลับมาปกติดังเดิม จึงเดินทางกลับไปจำพรรษาที่ประเทศภูฏานอีกครั้ง ซึ่งในครั้งนี้ พระปิตุลาของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมีเคเซอร์ นัมเกล วังชุก ได้บูรณะซ่อมแซมสถานที่จำพรรษา เพื่อถวายให้แก่พระครูบาบุญชุ่มอีกด้วยภาพถ่ายสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก แห่งราชอาณาจักรภูฏาน และครูบาบุญชุ่ม
7 ม.ค.2558 พระครูบาบุญชุ่มทำบัตรประชาชนที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย
ปัจจุบัน พระครูบาบุญชุ่ม ได้เดินทางเข้าไปในถ้ำเมืองแกส รัฐฉาน ประเทศพม่า เพื่อปฏิบัติกรรมฐาน ปิดวาจา ไม่พบเจอผู้คนจนกว่าจะออกพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน ซึ่งท่านจะทำเช่นนี้เป็นประจำทุกปีไม่เคยขาด ซึ่งเหล่าลูกศิษย์ลูกหาเป็นที่ทราบกันดี และจะร่วมเดินทางไปส่งท่านเข้าถ้ำและร่วมอนุโมทนาบุญกับพระครูบาบุญชุ่มทุกครั้ง ภาพถ่ายบริเวณหน้าถ้ำ ซึ่งเป็นถ้ำที่ครูบาบุญชุ่มเข้ากรรมฐาน
ครูบาบุญชุ่มแสดงธรรมก่อนที่จะเข้าไปกรรมฐานภายในถ้ำ
ครูบาบุญชุ่มแสดงธรรมก่อนที่จะเข้าไปกรรมฐานภายในถ้ำ
ครูบาบุญชุ่มแสดงธรรมก่อนที่จะเข้าไปกรรมฐานภายในถ้ำ
ติดตามรายงานพิเศษ “เปิดกรุวัตถุมงคลครูบาบุญชุ่ม รุ่นหายาก และรุ่นที่คุณไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนพร้อมจับเก๊วัตถุมงคลแท้-ปลอมอย่างไร ติดตามได้ที่นี่เร็วๆ นี้”ขอบคุณภาพและบทความจาก
https://www.thairath.co.th/content/1341501โดย ไทยรัฐออนไลน์ , 27 ก.ค. 2561 09:37