ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม เกิดมา เป็นแม่ลูกกัน.?  (อ่าน 825 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29351
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
ทำไม เกิดมา เป็นแม่ลูกกัน.?
« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2018, 05:42:53 am »
0




ทำไม เกิดมา เป็นแม่ลูกกัน.?

วันที่ 12 สิงหาคม วันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เป็น “วันแม่แห่งชาติ” วันเสาร์สบายๆวันนี้ไปคุยเรื่อง “แม่” กันนะครับ ปีนี้ กระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ได้สำรวจความคิดเห็นจากเด็กและเยาวชนทุกภูมิภาคถึงพระราชกรณียกิจของพระองค์ท่าน ที่ประทับใจและสามารถน้อมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ดังนี้

อันดับ 1. การอนุรักษ์ส่งเสริมการใช้ผ้าไทย ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ การเลี้ยงไหม
อันดับ 2. การส่งเสริมงานศิลปะพื้นบ้าน ที่มีความงดงามหลายสาขา อาทิ การปั้น การทอ การจักสาน
อันดับ 3. ทรงเยี่ยมราษฎรในท้องถิ่นทุรกันดาร และช่วยเหลือประชาชนผู้ด้อยโอกาส
อันดับ 4. โครงการป่ารักน้ำ
อันดับ 5. การเพาะพันธุ์สัตว์น้ำ การอนุรักษ์สัตว์ป่าและช้างไทย

เป็น พระราชกรณียกิจอันทรงพลัง ที่หยั่งลึกลงไปในทุกครัวเรือน แม้แต่เด็กรุ่นใหม่ก็ยังรับรู้และมองเห็ประโยชน์ของพระราชกรณียกิจ เมื่อพูดถึง ผ้าไหม ผ้ามัดหมี่ พูดถึง โครงการป่ารักน้ำ ทุกคนก็นึกถึงพระราชกรณียกิจของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระราชดำรัสที่ อ.ส่องดาว จ.สกลนคร เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2525

“...พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันจะสร้างป่า...”


@@@@@@

ในการสำรวจครั้งนี้ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ยังได้สำรวจถึง คำพูด ที่ลูกๆเตรียมไว้ บอกรักแม่
อันดับ 1. สุขสันต์วันแม่ หนูรักแม่มากที่สุด/ ผมรักแม่มากที่สุด
อันดับ 2. จะเป็นลูกที่ดี เป็นคนดี เชื่อฟังคำสอนของพ่อแม่ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
อันดับ 3. ขอให้แม่มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว อยู่กับลูกหลานไปนานๆ
อันดับ 4. จะตั้งใจเรียน/ทำงาน เพื่อเลี้ยงดูแม่ให้สุขสบาย
อันดับ 5. ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกแม่ ขอบคุณแม่ที่เลี้ยงดูมาตลอด
อันดับ 6. จะดูแลไม่ทอดทิ้ง จะไม่ทำให้แม่เป็นห่วงหรือเสียใจ

ก็เป็นสำนึกดีๆของคนเป็นลูก ขอเพียงคิดแล้วทำจริงเท่านั้น

@@@@@@

ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาล ณ เดือนสิงหาคม วันที่ผมกำลังเขียนคอลัมน์นี้ ประชากรในโลกใบนี้มีมากกว่า
7,640 ล้านคน เฉพาะ เด็กที่เกิดใหม่ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงเย็นวันที่ 9 สิงหาคม มีมากกว่า 85 ล้าน
คน

ท่านผู้อ่านเคยคิดบ้างไหม ทำไมเราจึงเกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกกัน? เกิดมาเป็นพี่น้องกัน? เกิดมาเป็นญาติกัน? ในครอบครัวเล็กๆเพียงไม่กี่คน ท่ามกลางประชากรโลกที่มีมากมายมหาศาลกว่า 7,640 ล้านคน

ในทางพุทธศาสนา พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า วิญญาณที่เกิดมาเป็นมนุษย์ได้ เป็นวิญญาณที่เกิดจากกรรมดีที่เป็นบุญกุศล ดังนั้น เด็กที่เกิดขึ้นมาในโลกนี้ทุกคน ย่อมเป็น “เด็กมีบุญ” ทั้งนั้น อย่างน้อยก็ต้องมีบุญมากพอที่จะได้เกิดมาครองร่างมนุษย์ มีจิตสำนึกแบบมนุษย์ จะขอหรือไม่ขอก็ต้องได้ “เด็กมีบุญ” มาเกิดในครรภ์วันยังค่ำ เพียงแต่ “บาป” ที่พ่วงมาด้วย จะมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน

@@@@@@

“ดังตฤณ” นักเขียนธรรมะชื่อดัง ได้เขียนถึงการเกิดของมนุษย์ว่า มี 2 ประเภทหลัก

1. กรรมสัมพันธ์เป็นใหญ่ เช่น ฝาแฝดบางคู่ เกิดจากไข่ใบเดียวกัน ออกมาหน้าตาเหมือนกัน นิสัยเหมือนกัน มีความรู้สึกผูกพันเหมือนรู้ใจไปทุกเรื่อง พ่อแม่ให้ความสำคัญผูกพันเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับลูก “กรรมสัมพันธ์” แบบนี้อาจหมายถึง เคยเป็นพ่อแม่ลูกกันมาก่อน เคยเป็นญาติสนิทมิตรสหายที่เกื้อกูลกัน บุญดีๆที่นำมาเกิดร่วมกันใหม่ จึงมีชีวิตที่ดีงามและอบอุ่นใจ

2. กรรมเฉพาะตนเป็นใหญ่ เช่น บางคนเกิดมาไม่เคยเห็นหน้าพ่อแม่ ถือเป็นกรรมเฉพาะตน ดังที่พระพุทธเจ้า ทรงตรัสไว้ว่า สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม

@@@@@@

ในวันแม่แห่งชาติ ปีนี้ ขอให้พ่อแม่ลูกทุกคนร่วมกันทำความดี เพื่อ “สะสมกรรมดี” ไปสู่ “ชาติหน้า”จะได้เกิดมาเป็นพ่อแม่ลูกที่มี ชีวิตอบอุ่นดีงามร่วมกันอีก.

          “ลม เปลี่ยนทิศ”



ขอบคุณที่มา :-
https://www.thairath.co.th/content/1351958
คอลัมน์ หมานเหตุประเทศไทย โดย ลม เปลี่ยนทิศ 11 ส.ค. 2561 , 05:01
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ