พิมพ์

[raponsan]

5 จีทำอาชีพหาย-ตกงาน เทคโนโลยีรื้อใหญ่ การเมือง-เศรษฐกิจ

5 จีเขย่าการเมือง-เศรษฐกิจ กสทช.เตือนคนตกงาน-หลายอาชีพหายสาบสูญ ขณะที่พรรคการเมืองหาเสียงผ่านหัวคะแนนเดิมๆ มีสิทธิ์สอบตก หนุนลงคะแนนเสียงออนไลน์ ทำให้ยอดผู้ใช้สิทธิ์เพิ่มขึ้นทันที เอกชนระบุ 5 จี เป็นการใช้งานระดับอุตสาหกรรม ซึ่งภาคอุตสาหกรรมต้องพร้อมเดินไปด้วยกัน

นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เปิดเผยในงานสัมมนา 5 จีจุดเปลี่ยน Landscape เศรษฐกิจ-การเมืองไทยจัดโดยหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน ก.ค.2554 ประเทศไทยมีผู้ใช้บริการ 3 จีอยู่ทั้งสิ้น 1 ล้านเลขหมาย จากผู้ใช้มือถือทั้งหมดขณะนั้นที่ 77.4 ล้านเลขหมาย ขณะที่ปัจจุบันมีผู้ใช้ 3 จีและ 4 จีอยู่ทั้งสิ้น 123.5 ล้านเลขหมาย จากจำนวนผู้ใช้บริการมือถือทั้งหมด 125 ล้านเลขหมาย

@@@@@@

ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันอยู่บนมือถือทั้งหมด ซึ่งทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ 5 ข้อ ได้แก่

    1. ภาคการผลิต ซึ่ง 5 จีทำให้เกิดปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI, หุ่นยนต์ ตลอดจน IoT หรืออินเตอร์เน็ตในทุกสรรพสิ่ง ซึ่งจะเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ ทำให้คนตกงาน
    2. เปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทาน ตัดตอนระบบตัวแทนจำหน่ายอย่างยี่ปั๊ว-ซาปั๊ว โดยผู้ผลิตขายสินค้าตรงให้กับลูกค้า ผ่านแพลตฟอร์มที่คิดค้นขึ้น
    3. เปลี่ยนแปลงทฤษฎีอุปสงค์(กำลังการผลิต) และอุปทาน(ความต้องการ) ด้วยการใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยคำนวณตัวเลขความต้องการของลูกค้า ซึ่งแม่นยำกว่า
    4. ธุรกิจตัวกลางจะหายสาบสูญ เช่น ธนาคาร เอเย่นต์ทัวร์
    5. จะเกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่ต่อยอดจาก 5 จี เช่น การแพทย์ระยะไกล (Telemedicine) เป็นต้น

@@@@

ส่วนด้านการเมืองนั้น มองความเปลี่ยนแปลงใน 2 ด้าน ได้แก่
     1. ระบบการเลือกตั้ง จะเกิดการลงคะแนนแบบไร้พรมแดนผ่านออนไลน์ และใช้บล็อกเชน (Blockchain) เป็นตัวช่วยลดข้อผิดพลาด ซึ่งจะทำให้ยอดผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งเพิ่มทันที
     2. โครงสร้างการหาเสียง ซึ่งจะเปลี่ยนจากระบบหัวคะแนน เป็นการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย ผู้สมัครสามารถสื่อสารตรงกับประชาชน ซึ่งหากนักการเมืองไม่ปรับตัว จะไม่มีทางชนะการเลือกตั้งแน่

@@@@@@

นายฐากร ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการทดสอบ 5 จีในไทย ซึ่ง กสทช.คาดหวังว่า จะเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ในไทยได้ระหว่างปี 2563- 2564 ว่า ในการประชุมบอร์ด กสทช.วันที่ 22 พ.ย.นี้ จะพิจารณาการขอทดลองบริการ 5 จี บนคลื่นความถี่ 26 กิกะเฮิรตซ์หรือ 26000 เมกะเฮิรตซ์ ของบริษัท ทรูมูฟ ยูนิเวอร์แซล คอมมูนิเคชั่น จำกัด ที่ห้างเอ็มควอเทียร์ และบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือเอไอเอส ที่ห้างเอ็มโพเรียม โดยจะเปิดให้ทดลองทดสอบตั้งแต่วันที่ 22 พ.ย.-15 ธ.ค.2561

ส่วนบริษัทดีแทค ไตรเน็ต จำกัด ในเครือดีแทค ได้แจ้งมายัง กสทช.ด้วยวาจาว่าจะร่วมทดลองด้วย แต่ยังไม่ได้ยื่นเอกสารมาอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ ดีแทคยังได้ยื่นขอขยายสิทธิ์การใช้คลื่นความถี่ 1800 เมกะเฮิรตซ์ ไปสิ้นสุดในวันที่ 28 ม.ค.2562 จากเดิมมีสิทธิ์ในการใช้คลื่นเดิมตามสัญญาสัมปทานถึงวันที่ 15 ธ.ค.2561 โดยดีแทคให้เหตุผลว่า ต้องการให้อายุใบอนุญาตคลื่น 1800 เมกะเฮิรตซ์ และคลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ มีผลพร้อมกันและสิ้นสุดพร้อมกัน คือวันที่ 1 ก.พ.2562-31 ม.ค.2575 ซึ่งเรื่องดังกล่าวเป็นอำนาจของบอร์ด กสทช.

@@@@

ด้านนายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กร เอไอเอส เปิดเผยว่า 4 จีเป็นเรื่องของความเร็วที่ลูกค้าจะได้รับ ขณะที่ 5 จี เป็นเรื่องของความเร็วในการตอบสนองลูกค้าในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งหากค่ายมือถือลงทุน ก็ต้องถามว่าภาคอุตสาหกรรมพร้อมที่จะใช้บริการหรือไม่

ส่วนนายวิเชาวน์ รักพงษ์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) ทรู เปิดเผยว่า 5 จีไม่ใช่บริการที่จะตอบสนองลูกค้าบุคคลทั่วไป และต้องใช้การลงทุนสูงมาก ในจีนเป็นการให้คลื่นความถี่ฟรีด้วยซ้ำ เพื่อให้ 5 จีเกิดขึ้นให้ได้

ขณะที่นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีแทค กล่าวว่า การจะเกิด 5 จีอย่างยั่งยืน ต้องอาศัยการทำงานร่วมกันระหว่าง ภาคเอกชน อุตสาหกรรม และภาครัฐ.


ขอบคุณที่มา : https://www.thairath.co.th/content/1424941
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ ,20 พ.ย. 2561 08:30 น.