ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามจาก "พระยายม" คำถามที่ทุกคนต้องเผชิญ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  (อ่าน 943 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29438
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0




คำถามจาก "พระยายม" คำถามที่ทุกคนต้องเผชิญ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

พระพุทธเจ้าตรัสถึงวิธีการพิพากษาของ พระยายม ไว้ในพระสูตรที่มีชื่อว่า เทวทูตสูตร ซึ่งทำให้เห็นว่าพระยายมเป็นเทวดาผู้ทรงธรรม และพยายามช่วยให้วิญญาณเข้าใจในสัจธรรมชีวิต ไม่ได้เป็นเทวดาที่โหดร้ายอย่างที่ใคร ๆ คิด

พระยายมในจินตนาการของคนส่วนใหญ่อาจมองว่าพระองค์มีความโหดร้าย น่ากลัว แต่หากอ่านพระยายมในพระสูตรนี้แล้ว จะเห็นภาพของพระยายมในอีกรูปลักษณ์หนึ่ง คือเป็นเทวดาผู้ทรงธรรม มีวาจาที่ไพเราะ และเข้าใจในเรื่องการเกิด-ดับเป็นอย่างดี

@@@@@@

ครั้งพระพุทธเจ้าประทับยังพระเชตวัน อารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย พระองค์ทรงเล่าขั้นตอนการพิพากษาของพระยายมให้พระสาวกทั้งหลายฟังว่า
      ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลนำดวงวิญญาณเข้าเฝ้าพระยายมแล้วทูลพระยายมว่า
     “ข้าแต่พระองค์ วิญญาณดวงนี้ไม่ปฏิบัติดีต่อบิดามารดา สมณะ พราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในครอบครัว ขอพระองค์โปรดลงทัณฑ์เถิด”

จากนั้นพระยายมตรัสปลอบโยนดวงวิญญาณเป็นอย่างดี แล้วถามวิญญาณนั้นด้วยข้อที่ 1. ว่า
     “พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 1. ตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นเด็กที่เพิ่งเกิดตัวแดง ๆ เลยหรือ ซึ่งออกมาจากท้องของแม่ เนื้อตัวเปื้อนด้วยคูถของตน”

เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจแล้วจึงตอบทันทีว่า “เคยเห็นเจ้าข้า”


@@@@@@

พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาบ้างไหมว่า ความเกิดมีขึ้นเป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นความเกิดไปได้ ควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยคิดจะทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
    “ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”

จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 2 ต่อว่า
    “พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 2. ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นหญิง หรือชายที่แก่ชรา หลังงอ ถือไม้เท้า ฟันหัก ผมหงอก เนื้อตัวตกกระ บ้างเลยหรือ”

@@@@@@

เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่า เคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาบ้างไหมว่า ความแก่เป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นจากความแก่ไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
    “ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวของท่านเอง”

จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 3 ว่า
    “พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 3. ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็น ผู้ป่วยที่ทนทุกข์ เป็นไข้หนัก นอนเปื้อนมูตรคูถของตน มีคนอื่นคอยพยุงลุก พยุงเดิน บ้างเลยหรือ”


@@@@@@

เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่า เคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม ความเจ็บป่วยมีขึ้นเป็นธรรมดา ไม่มีใครสามารถพ้นความเจ็บป่วยไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
    “ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”

จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 4 ไปว่า
    “พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 4. ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็น นักโทษได้รับโทษทัณฑ์จากพระราชาบ้างเลยหรือ”

@@@@@@

เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่า เคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม คนที่ทำความชั่วอันลามกย่อมได้รับโทษทัณฑ์ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
    “ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”

จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 5 ว่า
    “พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 5. ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นซากศพที่ตายแล้ว วันหนึ่ง หรือสองวัน หรือสามวัน ขึ้นพอง เขียวช้ำ มีน้ำเหลืองเยิ้มบ้างเลยหรือ”

@@@@@@

ดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่า เคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
    “เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม ความตายเป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นความตายไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”

หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
    “ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”

เมื่อดวงวิญญาณไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เทวทูตทั้ง 5. กำลังจะบอก เพื่อให้ประพฤติทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ พระยายมจะตัดสินไปทางผลของกรรมที่ทำไว้  นายนิรยบาลจะนำตัววิญญาณไปยังนรกขุมต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของบาปที่ทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่

 

ที่มา : เทวทูตสูตร
ขอบคุณเว็บไซต์ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/125841.html
By nintara1991 , 26 November 2018
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ