พระโสณกุฏิกัณณะ เทศนาให้โจรกลับใจ
สมัยหนึ่งเมื่อพระกัจจายนะพักอยู่ที่ภูเขาชื่อปวัตตะใกล้นครกุรุรฆระ เขตอวันตีชนบท มีอุบาสกคนหนึ่งชื่อ โสณกุฏิกัณณะ เลื่อมใสในการเทศน์ของท่าน จนคิดอยากจะบวชในสำนักของท่านจึงอ้อนวอนขอบวช แต่พระกัจจายนะห้ามถึงสองครั้งว่า “โสณะ พรหมจรรย์นี้บริโภคอาหารวันละครั้ง นอนผู้เดียวตลอดชีวิต เป็นสิ่งที่บุคคลทำได้ยาก”
พระเถระพยายามบรรยายความยากลำบากของผู้บวชให้ฟังอย่างชัดเจน แต่โสณกุฏิกัณณะกลับมีอุตสาหะมากขึ้น อ้อนวอนขอเป็นครั้งที่ 3 จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร และอีกสามปีต่อมาจึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุ ทั้งนี้เพราะในชนบทมีภิกษุน้อย ต้องคอยให้ภิกษุครบจำนวนจึงอุปสมบทได้
ครั้นเมื่อพระโสณะอุปสมบทแล้ว ใคร่จะเข้าเฝ้าพระศาสดา จึงอำลาพระอุปัชฌายะ พระโสณะไปสู่เชตวันถวายบังคมพระศาสดาและได้รับการต้อนรับจากพระองค์ด้วยดี ที่สำคัญคือ พระพุทธองค์ทรงอนุญาตให้พักอยู่ในที่พักแห่งเดียวกัน
@@@@@@
วันหนึ่งในยามใกล้รุ่ง พระศาสดาทรงขอร้องให้พระโสณะสวดพระสูตรบางสูตร พระโสณะได้สวดพระสูตร 16 สูตรโดยทำนองสรภัญญะ คือสวดออกเสียงเป็นทำนองมีจังหวะพอควร
พระศาสดาทรงสดับแล้ว ประทานสาธุการแก่พระโสณะ ส่วนพวกเทพ นาค ครุฑ ได้ฟังสาธุการของพระศาสดาแล้วก็เปล่งเสียงสาธุการด้วย เสียงนั้นติดต่อเป็นอันเดียวกันไปจนถึงพรหมโลก ขณะนั้นเทพธิดาผู้สิงสถิตอยู่ในเรือนของมหาอุบาสิกา มารดาของพระเถระในกุรุรฆรนคร อันไกลจากวัดเชตวันถึง 120 โยชน์ ก็เปล่งสาธุการด้วย
มหาอุบาสิกาถามว่า “นั่นใครให้สาธุการ”
“เราเองน้องหญิง” เทพธิดาตอบ
“ท่านเป็นใคร”
“เราคือเทพธิดาผู้สถิตอยู่ในเรือนนี้”
“เมื่อก่อนท่านไม่เคยให้สาธุการเลย วันนี้ทำไมจึงให้”
“เรามิได้ให้สาธุการแก่ท่าน”
“ท่านให้สาธุการแก่ใคร”
“เราให้แก่บุตรของท่าน พระโสณกุฏิกัณณะ”
“บุตรของเราทำอะไร”
@@@@@@
เทพธิดาเล่าเรื่องทั้งปวงให้นางฟัง จนนางมีความปีติเกิดขึ้น นางคิดว่า “ในเมื่อบุตรของเราแสดงธรรมแก่พระศาสดาได้ ก็แสดงธรรมแก่เราได้เหมือนกัน เมื่อใดบุตรของเรามาถึง เราจะฟังธรรมแห่งบุตรเรา”
วันรุ่งขึ้นพระโสณะบิณฑบาตไปถึงประตูเรือนของมารดา มารดาจึงขอให้ท่านแสดงธรรมโดยกำหนดวันนิมนต์ ซึ่งพระโสณะรับนิมนต์ด้วยความยินดี
ในวันฟังธรรม อุบาสิกาพาบริวารทั้งสิ้นไปฟังธรรม ให้หญิงคนใช้ (ทาสี) เฝ้าเรือนคนเดียว ขณะนั้นโจรกลุ่มหนึ่งรู้ว่ามหาอุบาสิกาไปฟังธรรม จึงตั้งใจจะไปปล้นบ้านของนาง โดยตกลงให้หัวหน้าโจรไปคุมตัวมหาอุบาสิกาอยู่ห่างๆ ในที่ฟังธรรม เพราะหากมหาอุบาสิการู้เรื่องโจรเข้าบ้านแล้วรีบกลับมา ก็จะได้ฆ่ามหาอุบาสิกาเสีย
ครั้นเมื่อถึงเวลา ลูกน้องโจรก็เข้าบ้าน เปิดประตูห้องเก็บกหาปณะ ส่วนนางทาสีที่เฝ้าบ้านก็รีบไปบอกมหาอุบาสิกาว่าโจรเข้าบ้าน มหาอุบาสิกาตอบว่า
“พวกโจรจงหาเอากหาปณะไปให้หมด เราจะฟังธรรมแห่งบุตรเรา จงกลับไปเรือนเสีย”
@@@@@@
เมื่อพวกโจรเปิดห้องเงิน นางทาสีก็ไปบอกอีก แต่ก็ได้รับคำตอบเดิม เมื่อโจรเปิดห้องทอง นางทาสีก็ไปบอกอีกเช่นเคย แต่มหาอุบาสิกาดุเอาว่า
“นางตัวดีมาหาเราบ่อยๆ เจ้าอย่ามาอีก โจรต้องการสิ่งใดก็จงขนเอาไปเถิด ถ้าเจ้ามาหาเราอีก เราจะลงโทษเจ้า”
นายโจรซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนักได้ยินดังนั้นแล้วก็คิดว่า “ถ้าเรานำทรัพย์ของหญิงผู้นี้ไป สายฟ้าคงฟาดกระหม่อมเรา” จึงสั่งให้ลูกน้องคืนของเก็บไว้ที่เดิม
@@@@@@
หลังจากนั้นพวกโจรก็พากันไปยืนฟังธรรมด้วย พระโสณะแสดงธรรมทั้งคืนจนเช้า เมื่อมหาอุบาสิกาถามพวกโจรว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจึงเล่าความทั้งปวงให้ทราบ มหาอุบาสิกาได้ยกโทษให้ โจรจึงกล่าวว่า “ถ้าท่านยกโทษแก่พวกข้าพเจ้า ก็ขออนุญาตให้พวกข้าพเจ้าได้บวชในสำนักแห่งบุตรของท่านเถิด”
มหาอุบาสิกาจึงกล่าวว่า “พ่อคุณ พวกโจรเหล่านี้เลื่อมใสในคุณของโยมและธรรมกถาของพ่อคุณ ขอบรรพชา ขอพ่อคุณจงให้บรรพชาแก่พวกเขาเถิด”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พระโสณะก็ให้โจรเหล่านั้นบวช แล้วให้กัมมัฏฐานต่างๆ เป็นพวกๆ ไปตามอุปนิสัย หลังจากภิกษุเหล่านั้นเรียนกัมมัฏฐานแล้ว ก็ไปบำเพ็ญสมณธรรมอยู่ใต้ร่มไม้ ณ ภูเขาลูกหนึ่ง
@@@@@@
ส่วนพระศาสดาซึ่งประทับนั่งอยู่ในวัดเชตวันซึ่งไกลถึง 120 โยชน์ ทรงเปล่งพระรัศมีไปประหนึ่งประทับนั่งอยู่ตรงหน้าภิกษุเหล่านั้น ตรัสพระคาถาว่า
“ภิกษุใดอยู่ด้วยเมตตา เลื่อมใสยิ่งในคำสอนของพระพุทธเจ้า ภิกษุนั้นย่อมบรรลุสันตบทอันเข้าไปสงบ ระงับสังขารเป็นสุข” ที่มา : นิตยสาร Secret
เรื่อง : เก็บมาเล่าโดย ขวัญ เพียงหทัย , ภาพ : dec053
Secret Magazine (Thailand) , IG @Secretmagazine
ขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/135881.htmlBy ying ,23 January 2019