พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แห่งสวนโมกข์ ความงดงามที่ทำให้เจริญในธรรมหากถามว่าเมื่อพูดถึงสวนโมกข์ ไชยา จะนึกถึงอะไรบ้างนอกจากท่านพุทธทาสภิกขุ คงเป็น พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แห่งสวนโมกข์ พระองค์นี้ที่เรียกได้ว่า เป็นเอกลักษณ์ของสวนโมกข์ ไชยา ก็ว่าได้พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์แห่งเมตตา
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ เป็นพระโพธิสัตว์ในคติพระพุทธศาสนามหายานและวัชรยาน เป็นสัญลักษณ์และบุคลาธิษฐานแห่งความเมตตา พระสูตรมหายานกล่าวว่าพระองค์เกิดจากความเมตตาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอดีต ด้วยความเมตตาที่เป็นส่วนหนึ่งของพระองค์จึงทำให้ทรงเป็นพระองค์ช่วยเหลือสรรพสัตว์จนกว่าจะเข้าถึงฝั่งพระนิพพานทั้งหมด แล้วพระองค์จึงจะยอมตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นผู้ปิดประตูแห่งสังสารวัฏพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์องค์จำลอง ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์กับศรีวิชัย
ในพื้นที่ทางภาคใต้ของประเทศไทย มีหลักฐานปรากฎของความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรเก่าแก่ที่มีชื่อว่า “ศรีวิชัย” หรือที่ท่านพุทธทาสภิกขุเรียกว่า “ศิริวิชัย” ในสมุดบันทึกของท่านเอง แสดงให้เห็นว่าท่านพุทธทาสภิกขุนอกจากจะปราดเปรื่องทางธรรมแล้ว ยังมีความสนใจในทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีดังที่เขียนบันทึกไว้ในหัวข้อว่า “ทำไมอุตริเป็นนักโบราณคดี?” อีกด้วย
หลักฐานที่ปรากฏถึงความรุ่งเรืองของศรีวิชัยคือ ซากศาสนสถานทั้งพระพุทธศาสนาและศาสนาพราหมณ์-ฮินดู และวัตถุโบราณอย่างพระพุทธรูป ธรรมจักร และเทวรูป ฯลฯ
รูปปั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ที่ท่านพุทธทาสภิกขุให้พระโกวิท (เขมานันทะ) ปั้นขึ้นนั้น มีแบบมาจากพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์สำริดที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงพบในขณะที่เสด็จประพาสแหลมมาลายูภาพพระโกวิท (เขมานันทะ) ปั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์แห่งสวนโมกข์ ขอบคุณภาพจาก สูจิบัตร 101 ปี ศรีวิชัยคืนชีพ ตามรอยพุทธทาสภิกขุ โบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน
ท่านพุทธทาสภิกขุได้กล่าวถึงตอนที่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพพบพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่า
“อวโลกิเตศวร………. พบที่สนามหญ้าตรงหน้าบริเวณกำแพงพระบรมธาตุออกไป สมเด็จกรมพระยาดำรงเสด็จมาพบด้วยพระองค์เอง. ผู้ที่เคยเป็นเจ้าหน้าที่ในเวลานั้น เล่าให้ข้าพเจ้าฟังว่า ท่านทอดพระเนตรเห็นตั้งแต่บนหลังช้าง ช้างยังไม่ทันจะทรุดตัวลงอย่างเรียบร้อย ท่านรีบลงมาอย่างกะว่าจะหล่นลงมา ตรงไปอุ้มรูปนี้ขึ้นด้วยพระองค์เอง. นี่แสดงว่าท่านเป็นนักศิลปกรรมและนักโบราณคดีเพียงใด.”
@@@@@@
ไม่เท่านั้นสมเด็จกรมพระยาฯยังทรงนำพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์หล่อสำริดนี้กลับกรุงเทพฯด้วย โดยท่านพุทธทาสภิกขุกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า
“เมื่อพาเข้าไปกรุงเทพแล้ว ถึงวันที่สมเด็จกรมพระยาดำรงจะต้องเข้าประชุมเสนาบดีตามปกติ ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชชกาลที่ ๕ ทรงเป็นประธานในที่ประชุม สมเด็จกรมพระยาแกล้งเสด็จสายไม่น้อยกว่า ๓๐ นาที ถึงกับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบ่นไม่พอพระทัยและกระสับกระส่าย และทรงบ่นว่าไม่เคยพลาดเวลามาสายเลย ครั้งสมเด็จกรมพระยาไปถึง มีมหาดเล็กอุ้มอวโลกิเตศวรสำริดองค์นี้ตามไปด้วย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงจ้องอย่างตื่นเต้น และตรัสด้วยความตื่นเต้นว่า ‘อะไรของเธอๆ ดำรง’ …….คือว่าวันนั้นเลยไม่ต้องประชุมข้อราชการ กลายเป็นเรื่องชม และวิพากษ์วิจารณ์รูปปฏิมาอวโลกิเตศวรสำริดองค์นี้กันเสียจนหมดเวลา” 
พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ในสวนโมกข์
ทำไมท่านพุทธทาสภิกขุจึงให้สร้างรูปปั้นพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ขึ้นในสวนโมกข์ ข้อความของท่านต่อไปนี้น่าจะเป็นคำตอบที่ช่วยให้กระจ่างไม่มากก็น้อย
“ท่านจงพิจารณาดูภาพพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรดูอีกครั้งหนึ่ง ท่านจะเห็นความงดงามของงานศิลปกรรมแบบปาละ นั่นไม่ใช่เพียงเท่านั้น. ความมุ่งหมายของการทำรูปอวโลกิเตศวรนั้น เขามุ่งหมายจะให้เห็น “การแสดงธรรม” ไปในตัวรูปนั้นเองด้วย ในเค้าหน้าของรูปปฏิมานั้น ต้องมีธรรม ๓ ประการเห็นอยู่ชัดเจน คือ ความเมตตา ความสุข ความฉลาด กลมกลืนเป็นอันเดียวกันอยู่. ใครอ่านหน้าพระอวโลกิเตศวรออก คนนั้นเห็นธรรม คือเมตตา ปัญญา และศานติ เป็นอย่างน้อย”
ท่านมีจุดประสงค์เพื่อใช้รูปปั้นนี้เป็นสื่อธรรมอีกอย่างหนึ่ง เพื่อระลึกถึง ธรรม 3 ประการ ได้แก่ เมตตา ปัญญา และ สันติ (ความสงบ) ที่มา :
www.facebook.com/buddhadasaarchives ,
www.rosenini.comแนวสังเขปของโบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ
101 ปี ศรีวิชัยคืนชีพ : ตามรอยพุทธทาส โบราณคดีรอบอ่าวบ้านดอน
ภาพ :
www.bia.or.th , สวนโมกขพลาราม อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/156921.htmlBy nintara1991 ,29 May 2019