ทำไม.? ท่านพุทธทาสภิกขุสอนเรื่อง "การทำบุญเปรียบเหมือนเลี้ยงไก่"
เราต้องทำบุญชนิดที่เป็นบุญ คือต้องเลี้ยงไก่ ไข่ออกมาแล้ว ต้องเอาไข่นั้นไปใช้เป็นเครื่องดับทุกข์ ให้เกิดความเยือกเย็น เป็นนิพพานขึ้นมาให้ได้ ไข่ของไก่คือเรื่องความเย็นในนามว่า “นิพพาน” ทำไม ท่านพุทธทาสภิกขุสอนเรื่องการทำบุญ เปรียบเหมือนเลี้ยงไก่ ?
@@@@@@
บุญ = ล้างบาป
เรื่องทำบุญนี้ก็ต้องระวังอีก อย่าทำบุญเป็นการค้ากำไรเกินควร นี่ดูหนาหูหนาตามาก ทำบุญแบบค้ากำไรเกินควรนี้ คือทำบุญบาทหนึ่ง เอาวิมานหลังหนึ่งก็มี หลายหลังก็มี ทำบุญตักบาตรช้อนเดียว จะให้เกิดสวยเกิดรวยอย่างนั้นอย่างนี้ บางทีธนบัตรใบเดียวทูนหัวกันหลายคน ส่งกันแล้วส่งกันอีก นั่นมันค้ากำไรเกินควร ไม่ใช่เรื่องทำบุญ เพราะว่าทำบุญนี้เขาจะทำเพื่อล้างบาป ทีนี้ถ้าปรารถนามากเกินไปอย่างนั้นมันกลับเพิ่ม เพิ่มโลภะ โทสะ โมหะ เพิ่มอะไรเข้าอีก มันไม่ใช่ล้างบาป
@!@@@@@
บุญ = น้ำโคลน
ทีนี้ทำบุญนี้มันมีหลายชั้น หรือว่าล้างบาปมันก็มีหลายชั้น เช่นเราจะล้างเท้าอย่างนี้ เอาน้ำโคลนล้างก็ได้ คิดดูให้ดีเท้ามันสกปรกด้วยมูลสุนัขด้วยอะไรนี้ เราเอาน้ำโคลนล้างก็ยังได้แต่มันไม่ใช่เป็นการล้างที่ดี
ทำบุญกันเดี๋ยวนี้เป็นบุญเหมือนน้ำโคลนนี้มีมากคือเอาเรื่องบุญ เรื่องวัดที่บังหน้า ไปทอดกฐินนี้ก็เพื่อไปเล่นไฟ ไปกินเหล้า ไปทำอะไรหลาย ๆ อย่างนี้ นี้มันเป็นเรื่องว่าทำบุญเหมือนกับน้ำโคลน มันแทบจะไม่มีอะไรที่เป็นเรื่องล้างบาป แท้จริงแล้วบุญนี้ก็ต้องล้างบาป
@@@@@@
บุญ = น้ำหอม
ทีนี้ทำบุญเหมือนกะน้ำหอม นี้ก็คือหวังมากเกินไป เชื่อว่าทำถูกต้อง ทำอะไรหวังมาก หวังในด้านดีมากเกินไป เชื่อว่าทำถูกต้อง ทำอะไรหวังมาก หวังในด้านดีมากดีมากเกินไป ชื่นอกชื่นใจอย่างหลงใหล ไปขายบ้านขายเรือนมาทำบุญหมดเลยก็มี นั้นบุญเปรียบด้วยน้ำหอม
@@@@@@
บุญ = น้ำสบู่
ถ้าทำบุญถูกต้องมันก็ต้องเหมือนกับสบู่ ดู ๆ แล้วไม่น่าสนใจเลย น้ำสบู่ หรือผงซักฟอก หรือน้ำด่าง อย่างที่มันล้างอะไรได้จริง แล้วน้ำสะอาดในที่สุด นี่เราต้องทำบุญเหมือนอย่างนี้ คือทำบุญเพื่อจะขัดเกลา ขูดเกลา ความยึดมั่นคือมั่นว่าตัวเราว่าของเรานี้ ให้จางออกไป ให้จางออกไป จนสะอาด นี่เรียกว่าทำบุญเหมือนกับน้ำสบู่
นี่ทบทวนว่าทำบุญเหมือนน้ำโคลน แล้วก็ทำบุญเหมือนกับน้ำหอม แล้วก็ทำบุญเหมือนกับน้ำสบู่ นี่แหละไปเลือกเอาเอง แต่รวมความแล้วก็ว่าต้องให้มันล้างบาป เรื่องทำบุญให้เหมือนน้ำสบู่ คงจะเห็นด้วยว่าเป็นบุญแน่ แต่แล้วก็ให้รู้จักใช้สบู่ให้ถูมันทั่ว ๆ อย่าเหมือนกับเด็ก ๆ ใช้ ให้ถูสบู่ก็ถูแต่ที่ท้องที่พุงนิดเดียว เคยเห็นคนที่ทำบุญ ก็มักจะมีอาการเหมือนอย่างนี้เหมือนกัน ฉะนั้นควรจะล้างให้ทั่ว ๆ ตัวให้รู้จักใช้สบู่ล้างให้ทั่ว ๆ ตัว อย่าให้เหมือนทารกที่รู้จักล้างแต่ที่ท้อง ลูบแล้วลูบอีก แล้วก็เลิก
@@@@@@
อย่าให้หมากินไข่
รวมความแล้วก็คือว่า ขออย่าได้โปรดปล่อยทายก ทายิกา ไปตามบุญตามกรรม ให้ทำบุญชนิดที่ไม่เป็นสบู่นี้ ขอให้เลื่อนชั้นขึ้นมา เลื่อนชั้นขึ้นมา ให้เป็นการทำบุญที่ล้างบาปได้ ตามความมุ่งหมายของพุทธศาสนา
นี่อุปสรรคข้อสุดท้ายที่ว่าเราต้องระวังในการเผยแผ่พุทธศาสนาก็ว่าอย่ามัวแต่เลี้ยงไก่ไว้ไข่ แล้วปล่อยให้สุนัขกิน ขอให้สนใจเรื่องที่เป็นหัวใจของพุทธศาสนา ที่มา : อุปสรรคของการเข้าถึงธรรม & อุปสรรคที่มีอยู่ในคำพูด โดย ท่านพุทธทาสภิกขุ
ภาพ :
https://pixabay.comขอบคุณ :
https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/165894.htmlBy nintara1991 ,23 July 2019