ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: “ปิ่นโตของในหลวง” ทุกเช้าและเพลมิเคยขาด แม้สักวันเดียวที่ วัดบวรนิเวศราชวิหาร  (อ่าน 1454 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29502
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



“ปิ่นโตของในหลวง” ทุกเช้าและเพลมิเคยขาด แม้สักวันเดียวที่ “วัดบวรนิเวศราชวิหาร”

พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำรัสประกาศพระองค์เป็นพุทธศาสนูปถัมภกในที่ชุมนุมสงฆ์ พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ ทั้งเป็นที่ประจักษ์ต่อเหล่าพสกนิกร ความว่า

“แต่เดิมมาข้าพเจ้าได้มีจิตรศรัทธาเลื่อมใส และระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะด้วยวิธีนั้นๆ อยู่แล้ว ฉะนั้น บัดนี้ข้าพเจ้าได้เถลิงถวัลยราชสมบัติบรมราชาภิเษกแล้ว จึงขอมอบตัวแด่พระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสังฆเจ้า กับได้รับการจัดการให้ความคุ้มครองรักษาพระพุทธศาสนาโดยชอบธรรมตลอดไป ข้าแต่พระสงฆ์ผู้เจริญ ขอพระสงฆ์จงจำไว้ด้วยดีว่า ข้าพเจ้าเป็นพุทธศาสนูปถัมภกเถิด”  พระราชดำรัสเมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ.2562

มีเรื่องที่น่าสนใจสำหรับเราผู้เป็นพสกนิกรผู้จงรักภักดี เมื่อมีโอกาสเสร็จจากการทำงานที่สถานี NEWS 1 หากมีเวลาก็จะใช้เวลาที่ว่างเว้น ไม่เร่งรีบ อันที่หมายของชีวิตก่อนกลับบ้าน คือไปไหว้พระในโบสถ์วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นเอกที่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงาน

@@@@@@

วันใดที่ได้ไปกราบ พระพุทธชินสีห์ กับ พระพุทธสุวรรณเขต ซึ่งเป็นองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ก่อนที่เจ้าหน้าที่ประจำวัดจะปิดประตูโบสถ์ในช่วงเย็นก็จะรู้สึกถึงความชื่นบานของชีวิต ภายในพระอุโบสถช่างเงียบ สงบ สะอาด และมีพลังทางจิตใจเสียเหลือเกิน

สองสามปีมานี้ทุกครั้งที่ได้ก้มกราบพระท่ามกลางความสงบเงียบภายในพระอุโบสถแห่งนี้ กลับมีความรู้สึกพิเศษที่สัมผัสได้เพิ่มเติมเข้ามาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ “ในหลวงรัชกาลที่ ๑๐”

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2560 ได้มีพระราชพิธีอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ไปบรรจุไว้ ณ ฐานพุทธบัลลังก์พระพุทธชินสีห์

ผมเองเกิดในสังคมที่ผู้คนใกล้ชิดกับวัด และวัดเป็นของชุมชนแท้จริง เช่นเดียวกันชุมชนละแวกบางลำพูกลางเมืองหลวง ผู้คนที่นี่ผูกพันเป็นพิเศษกับวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ความสะอาดสะอ้านของพื้นที่บริเวณรอบๆ วัดจึงปรากฏให้เห็นตลอด ไม่มีเศษกระดาษ ขวดน้ำ ถุงพลาสติก รวมถึงขยะอื่นๆ ให้บาดตา


@@@@@@

บางครั้งที่ได้เห็นผู้คนจากต่างจังหวัด หรือกระทั่งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ แวะเวียนกันไปกราบพระที่วัดบวรนิเวศราชวิหาร มีการวางขวดน้ำ กระป๋องเครื่องดื่ม หรือข้าวของต่างๆ ไว้แล้วลืมนำกลับไปบ้าง

ไม่นานนักก็จะมีผู้คนที่แวะเวียนไปกราบพระถัดมาช่วยกันเก็บไปไว้ในที่อันสมควร เพื่อให้พื้นที่รอบพระอุโบสถดูงดงามเรียบร้อยสะอาดสะอ้านอยู่ทุกเวลา

วัตรปฏิบัติของพระภิกษุสงฆ์ที่วัดบวรนิเวศราชวิหารก็งดงามนัก โดยเฉพาะเวลาพระวันบวรนิเวศราชวิหารท่านออกบิณฑบาต เวลาเดินถือบาตรรับการถวายอาหารจากชาวบ้านช่างเป็นกิจวัตรที่สง่างามสมกับที่พระพุทธเจ้าทรงกำหนดไว้เป็นหน้าที่ของภิกษุสามเณรมาตั้งแต่ครั้งพุทธกาล

ผมเองด้วยความผูกพันกับวัดบวรนิเวศราชวิหารมานาน เพราะเป็นสมาชิกของชุมชนบางลำภูมาตั้งแต่เรียนจบจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เนื่องจากที่ทำงานก็ทำงานในย่านบางลำภู วันเดือนปีที่ผ่านไปก็ผูกพันกับวิถีชีวิตที่นี่พอๆ กับบ้านตัวเอง


ภาพที่ผู้เขียนบันทึกไว้ในวันนั้น

มีอยู่หนหนึ่งที่แวะเวียนไปไหว้พระที่วัดบวรนิเวศวิหารตามปกติอย่างที่เคยทำบ่อยๆ ผมเห็นปิ่นโตหลายเถาถูกจัดวางไว้อย่างเรียบร้อยบนโต๊ะไปไกลจากพระอุโบสก ความจริงก็ไม่ใช่เพิ่งจะเห็นหนแรก แต่วันนี้เกิดอยากทราบเรื่องราวที่ไป-ที่มาของปิ่นโตเหล่านี้ขึ้นมา

เป็นปิ่นโตเคลือบสีเหลืองเรียบๆ ธรรมดาๆ ไม่ได้มีรูปทรงหรือลวดลายวิลิศมาหราอะไร แถมมีร่องรอยของการผ่านอายุการใช้งานมาพอสมควร ความอยากรู้ทำให้ผมเอ่ยปากสอบถามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภายในวัดบวรนิเวศราชวิหารว่า ปิ่นโตหลายเถาเหล่านี้เป็นของท่านผู้ใดกันหรือ

เจ้าหน้าที่บอกเล่าเป็นคำตอบให้ผมกลับมาด้วยนำเสียงเรียบๆ ว่า
“เป็นปิ่นโตของในหลวงส่งมาถวายพระในวัด พระองค์ท่านส่งมาทั้งเช้าและเพลมิเคยได้ขาดเว้นเลยแม้แต่สักวันเดียว ไม่ว่าฝนจะตกหนัก หรือน้ำจะท่วม ทุกๆ วันจะมีปิ่นโตจากในหลวงส่งมาถวายพระในวัด”

“ขอพระองค์ทรงพระเจริญ” ผมอุทานในใจแทนคำขอบคุณ



คอลัมน์ : จากนาบอนถึงริมฝั่งเจ้าพระยา ,โดย ยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที ผู้ดำเนินรายการสภากาแฟช่อง NEWS 1
ขอบคุณ : https://mgronline.com/south/detail/9620000071621
เผยแพร่: 27 ก.ค. 2562 19:42   โดย: ผู้จัดการออนไลน์
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ