ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จักร 4 ประการ : ตัวชี้วัดวิถีชีวิตในอนาคต  (อ่าน 864 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 29340
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



จักร 4 ประการ : ตัวชี้วัดวิถีชีวิตในอนาคต

ในโลกของปุถุชนทุกคนล้วนแล้วแต่มีความอยากมี อยากเป็นในสิ่งซึ่งตนเองต้องการ และไม่อยากมี ไม่อยากเป็นในสิ่งที่ตนเองไม่ต้องการ ดังนั้น ทุกคนจึงอยากรู้ว่าในอนาคตตนเองจะได้มี จะได้เป็นในสิ่งที่ตนเองต้องการหรือไม่ หรือว่าอาจต้องมี และต้องเป็นในสิ่งซึ่งตนเองไม่ต้องการ

ด้วยเหตุนี้ หมอดูหรือนักพยากรณ์ชะตาชีวิต จึงได้รับความสนใจ และไว้วางใจจากผู้คนส่วนหนึ่งในสังคม เพื่อทำนายทายทักชะตาชีวิต ทั้งที่ผ่านมาในอดีต เป็นอยู่ในปัจจุบัน และจะเป็นไปในอนาคต ผลที่ได้จากคำทำนายของหมอดู ไม่ว่าจะใช้ศาสตร์แขนงใดเป็นเครื่องมือในการทำนาย จะถูกต้องแม่นยำมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยดังต่อไปนี้

     1. หมอดูหรือนักพยากรณ์มีความรู้ มีความเข้าใจในเนื้อหาของศาสตร์ และมีความสามารถในการใช้ศาสตร์แขนงนั้นมากน้อยเพียงใด
     2. ศาสตร์พยากรณ์ทุกแขนงจะต้องมีการเก็บสถิติผลของการพยากรณ์ไว้อย่างเป็นระบบ และนำมาเทียบเคียงกันระหว่างที่ผ่านมากับที่ได้เห็นในปัจจุบัน

     ถ้าเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้นมีพร้อมคือ หมอดูมีความรู้ในศาสตร์ และมีความสามารถในการใช้ศาสตร์เป็นเครื่องมือในการพยากรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ ผลที่ได้ไม่น้อยกว่า 80% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โหราศาสตร์ แต่ถ้าน้อยกว่านี้ก็คงจะใช้เป็นแนวทางดำเนินชีวิตไม่ได้

@@@@@@

แต่ท่านที่ไม่เชื่อหมอดู และไม่ต้องการถูกกล่าวหาว่าเป็นคนงมงาย เฉกเช่นคนรุ่นใหม่บางคน ก็มีวิธีการที่จะรู้ว่าตนเองหรือคนที่ท่านอยากรู้ความเป็นไปในอนาคตได้ โดยใช้หลักคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่าด้วยจักร 4 ประการเป็นตัวชี้วัด และจักร 4 ประการที่ว่านี้ก็คือ ธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตมี 4 ประการคือ

1. ปฏิรูปเทสวาสะ ได้แก่ การอยู่ในที่เหมาะสมแก่การดำเนินชีวิต และเอื้อต่อการประกอบกิจการงาน
2. สัปปุริสูปัสสยะ ได้แก่ การคบหาสมาคมกับคนที่มีคุณธรรม
3. อัตตสัมมาปณิธิ ได้แก่ การวางตนอย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม ไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ตนเอง และสังคมโดยรวม
4. ปุพเพกตปุญญตา ได้แก่ พื้นฐานเดิมดี มีต้นทุนทางสังคม ได้รับการยกย่องจากสังคมว่าเป็นคนดี

ใครก็ตามที่มีธรรม 4 ประการข้างต้น จะก้าวไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองในอนาคตแน่นอน ธรรม 4 ประการนี้นอกจากจะเป็นตัวชี้วัดวิถีชีวิตของบุคคลได้แล้ว ยังจะนำมาชี้วัดเส้นทางก้าวไปขององค์กร ซึ่งเป็นนิติบุคคลได้ด้วย


@@@@@@

ดังนั้น ถ้าท่านผู้อ่านท่านใดอยากรู้ว่ารัฐบาลที่เพิ่งจะเข้ามาบริหารประเทศ จะก้าวไปสู่ความสำเร็จทางการเมือง และสามารถนำพาประเทศไปสู่ความเจริญได้หรือไม่ ก็ลองนำธรรม 4 ประการนี้มาทำการชี้วัดสิ่งที่รัฐบาลมี และสิ่งที่รัฐบาลเป็นอยู่ในขณะนี้ ก็พอจะอนุมานได้ว่าเป็นอย่างไร โดยแยกเป็นประเด็นตามนัยแห่งธรรมแต่ละข้อดังนี้

     1. รัฐบาลประกอบด้วย 20 พรรค และในจำนวนนี้มีเพียง 2 พรรคคือ ประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทยเท่านั้นที่พอจะอนุมานได้ว่าเป็นสถาบันทางการเมืองที่มีเอกภาพ และมีความมั่นคงทางการเมือง ส่วนที่เหลืออีก 18 พรรคเป็นพรรคเฉพาะกิจเกิดง่าย และตายเร็ว ด้วยเหตุที่รัฐบาลมีสภาพเกิดและดำรงเช่นนี้ จะเรียกว่าตั้งอยู่ในสภาวะที่เหมาะสมได้หรือไม่
     2. บุคลากรทางการเมืองของ 20 พรรคมีอยู่จำนวนเท่าใดที่เป็นสัตบุรุษหรือเป็นคนดี มีคุณธรรม จึงเรียกคนสัตบุรุษได้หรือไม่.?
     3. นักการเมืองบางคนหรือหลายคนในรัฐบาลชุดนี้ ประชาชนเห็นแล้วไม่ยอมรับ จะเรียกได้ว่าวางคนในทางที่ถูกต้องได้หรือไม่
     4. การที่นักการเมืองบางคนหรือหลายคนไม่มีทุนทางสังคม คือความดีงาม เป็นที่ยอมรับของผู้คนในสังคม แต่เข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้โดยอาศัยทุนเงิน และอำนาจรัฐ จะเรียกว่าปุพเพกตปุญญตาได้หรือไม่

เพียงเทียบพฤติกรรมองค์กรทางการเมือง และนักการเมืองในองค์กรกับธรรม 4 ประการนี้ ท่านก็จะได้คำตอบแน่นอน



เผยแพร่ : 29 ก.ค. 2562 15:56 , โดย : สามารถ มังสัง
ขอบคุณ : https://mgronline.com/daily/detail/9620000071986
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ